องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 302 จับชู้
หนานกงเย่จ้องเขม็งไปทางมือของฉีเฟยอวิ๋นที่กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าอย่างเงียบ ๆ อยู่เนิ่นนาน

“จะทำอะไรข้า?”

“ท่านอ๋อง เช่นนี้ละ?” ฉีเฟยอวิ๋นก้มหน้าลงจูบปลายคางของเขาเบา ๆ เขาถูกกดให้นอนลงไปบนเตียง มือทั้งสองข้างโอบรอบตัวของฉีเฟยอวิ๋นอย่างเป็นธรรมชาติ

ฉีเฟยอวิ๋นพ่นลมหายใจพลางกระซิบข้างหูของเขาว่า : “คืนนี้หม่อมฉันจะทำให้ท่านอ๋องมีความสุขอุราบนเตียงใหม่ เร่าร้อนและเย็นยะเยือกในคราวเดียวเพคะ”

หนานกงเย่แปลกใจเล็กน้อย : “จริงรึ?”

“แน่นอนเพคะ”

“เช่นนั้นข้าขอลองหน่อยสิ”

“ย่อมได้”

คืนนี้ฉีเฟยอวิ๋นค่อนข้างใช้แรงหนัก ในเช้าตรู่นางจึงยังหลับใหล

หนานกงเย่เองก็อ่อนล้าเช่นกัน เจอศึกหนักเป็นครึ่งคืน

ทั้งสองคนจึงตื่นมาในตะวันโด่งฟ้าแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นออกมาจากห้องและไปหาไป๋ซู่ซู่ทันที จึงได้รู้ว่านางกลับไปแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกไม่ดี ตั้งแต่จวนท่านอ๋องเย่ไปจนถึงจวนอ๋องเซี่ยวจวิ้น

ทันทีที่เข้าไปก็เห็นไป๋ซู่ซู่กำลังอ่านตำราอยู่ในลานกว้าง ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าไป๋ซู่ซู่ไม่เป็นอะไรจึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

ฉีเฟยอวิ๋นเป็นห่วงไป๋ซู่ซู่จึงรีบมาดูนางก่อน

ไป๋ซู่ซู่ยิ้มอย่างขี้เล่น : “ต้องขอบคุณเจ้า ไม่มีใครกล้าสร้างความลำบากใจให้ข้า”

“เจ้ากลับมาเหตุใดถึงไม่บอกกล่าวข้า?”

ไป๋ซู่ซู่ส่ายหน้า : “เจ้าไม่เป็นไร ข้าก็อยากจะพักผ่อนสักวัน ไม่กี่วันก็กลับไปหาเจ้าแล้ว”

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังดวงตาของไป๋ซู่ซู่ นางเองก็ไม่มั่นใจว่าที่ไป๋ซู่ซู่กล่าวนั้นเป็นความจริงหรือโกหก แต่นางหมดหนทางที่จะลากไป๋ซู่ซู่กลับจวนอ๋องเย่แล้ว ทำได้แค่ปล่อยเท่านั้น

ไป๋ซู่ซู่เดินมาส่งฉีเฟยอวิ๋นออกจากจวนอ๋องเซี่ยวจวิ้นด้วยตนเอง ก่อนจะจากไปไป๋ซู่ซู่ได้หยิบตำราการแพทย์ให้จวนอ๋องเซี่ยวจวิ้น : “ปกติข้าใช้สิ่งนี้ตลอด เจ้าลองอ่านดูสิ”

ฉีเฟยอวิ๋นกอดตำรานั้นไว้ หมุนตัวและขึ้นรถม้าไป

หนานกงเย่ตามนางขึ้นรถม้า

ฉีเฟยอวิ๋นเปิดตำราแพทย์อยู่บนรถม้า บันทึกทั้งหมดภายในล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้ทั้งสิ้น

ฉีเฟยอวิ๋นทะนุถนอมราวกับสมบัติล่ำค่า

สำหรับการเป็นหมอในยุคปัจจุบันของนาง วิชาการแพทย์ยุคโบราณพูดได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับนาง

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปบนถนน

เมื่อกลับมาถึงในจวนก็เริ่มวิจัยพิษในตำรานั้นทันที

ฉีเฟยอวิ๋นอยากจะขับพิษให้ไป๋ซู่ซู่ นางไม่อาจวางใจได้

“ท่านอ๋อง พิษของจวินฉูฉู่มาจากทิศตะวันตก เรื่องนี้คงต้องรบกวนท่านอ๋องแล้วละเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นวุ่นอยู่กับการขับพิษพลางกล่าวกับหนานกงเย่

หนานกงเย่เหม่อลอยเล็กน้อย ยืนจ้องมองฉีเฟยอวิ๋นอยู่หน้าประตู โดยไม่ขยับเขยื้อน

ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัว เขาจึงได้สติกลับมา

“ท่านอ๋อง ท่านทำอะไรหรือ?”

“ไม่มีอะไร ข้าแค่นึกถึงความสุขเมื่อคืน”

มุมปากของหนานกงเย่กระตุกขึ้นอย่างสบายอารมณ์!

ฉีเฟยอวิ๋นหน้าแดงก่ำ : “ไม่กลัวบ้างหรือ พูดเรื่องนี้ตอนกลางวันแสก ๆ ”

“กลัวอะไรเล่า ไม่ใช่เรื่องที่แพร่งพรายไม่ได้เสียหน่อย”

“….ยังจะพูดอีก?”

ฉีเฟยอวิ๋นรีบมองไปยังประตูแวบหนึ่ง อาอวี่ไม่อยู่ นางจึงได้วางใจลงเปราะหนึ่ง

แต่ก็ยังหมุนตัวกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ หนานกงเย่เดินมาโอบนางจากด้านหลัง กดปลายคางลงบนไหล่ของฉีเฟยอวิ๋น : “อวิ๋นอวิ๋น ข้าชอบมาก”

“ชอบก็ไม่ต้องพูด ท่านเงียบปากไปเลย!”

ฉีเฟยอวิ๋นตำหนิอย่างไม่เกรงใจ และสะบัดเขาออก : “หม่อมฉันกำลังยุ่ง”

“เช่นนั้นข้าจะไปคุยกับท่านอ๋องตวน”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าหนานกงเย่ต้องการหาที่ระบาย จึงไม่ได้ขวางเขา

หนานกงเย่หมุนตัวเดินจากไป

สองวันนี้ท่านอ๋องตวนมักจะฝันเห็นจวินฉูฉู่อยู่บ่อยครั้ง เขาตั้งใจจะซ่อนอยู่ในจู๋อวิ๋นไจอย่างเงียบ ๆ แต่เขาอดเป็นห่วงอวิ๋นหลัวฉวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

บังเอิญวันนี้แม่นมเว่ยมาอยู่เป็นเพื่อนอวิ๋นหลัวฉวน เขาเพิ่งจะชมดอกไม้ในลานกว้างได้ไม่นาน ก็เห็นอวิ๋นหลัวฉวนเดินไปแล้ว เขาจึงเดินตามไป

ต่อให้รู้ว่าอวิ๋นหลัวฉวนไม่ได้จะมาหาเขา แต่มาหาฉีเฟยอวิ๋น แต่เขาเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นยุ่งมาก จึงได้หมุนตัวกลับไปก่อน

ท่านอ๋องตวนเดินออกมาจากจู๋อวิ๋นไจมายังข้างนอก กระทั่งเห็นอวิ๋นหลัวฉวนเดินจากไปเช่นนี้ ข้างกายยังมีสาวใช้ตระกูลอวิ๋นผู้หนึ่ง และแม่นมหลิว

ส่วนคนอื่น ๆ ต่างคอยปกป้องอารักขาอยู่ในที่มืด

แต่สาวใช้ตระกูลอวิ๋นล้วนไม่ใช่บุคคลธรรมดา จึงไม่ต้องเป็นกังวลมาก

แม่นมหลิวระมัดระวังตัวตลอดเวลา เด็กจึงย่อมไม่น่าเป็นอะไรอย่างแน่นอน

แต่ท่านอ๋องตวนมองไปยังอวิ๋นหลัวฉวนอย่างอดไม่ได้ เด็กผู้หนึ่ง เหตุใดตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว บัดนี้นางยังต้องให้กำเนิดเด็กที่ไม่ชอบผู้นี้ออกมา ช่างลำบากยากเข็ญโดยแท้

ท่านอ๋องตวนเจ็บปวดใจอย่างมาก

ช่วงนี้เขาจึงค่อนข้างเบื่อหน่าย ท่านอ๋องตวนไม่มีสิ่งใดต้องทำ ครั้นเห็นอวิ๋นหลัวฉวนตรงไปยังทิศทางของจวนกั๋วกง เขาจึงรีบตามไป

แต่หลังจากเดินไปได้ครึ่งทางก็เห็นอวิ๋นหลัวฉวนเลี้ยวฉับพลัน ราวกับต้องการไปยังทิศทางอื่น

ท่านอ๋องตวนหยุดเดินช่วงขณะ เขาสำรวจโดยรอบ ใบหน้าจึงเคร่งขรึมลง

ถนนสายนี้คือทางไปจวนจงชินอ๋องอย่างเห็นได้ชัด

ที่พำนักของจวนจงชินอ๋องอยู่ข้างจวนอ๋องห้า ซึ่งติดกัน ส่วนห้องของพวกเขาอยู่บนถนนสายหนึ่ง ซึ่งถนนสายนั้นไม่มีผู้ใดอยู่ ส่วนมากจะเป็นที่พำนักของเหล่าลูกหลานท่านอ๋องห้า

ท่านอ๋องตวนขุ่นเคืองอยู่ในใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ !

จากนั้นก็เดินตามหลังเข้าไป ยิ่งเดินก็ยิ่งฉุนโกรธ เห็นได้ชัดว่าคือที่แห่งนั้น

อวิ๋นหลัวฉวนเดินมาถึงรอบนอกของจวนจงชินอ๋อง และเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นก็กล่าวบางอย่างกับแม่นมเว่ย ซึ่งแม่นมเว้ยได้พยักหน้าและเดินไปเคาะประตู

มีเสี่ยวซือคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน เสี่ยวซือรีบเดินเข้ามาหาอวิ๋นหลัวฉวนด้วยรอยยิ้ม พูดคุยกันอยู่พักใหญ่จากนั้นก็เชิญอวิ๋นหลัวฉวนเข้าไปด้านใน

ท่านอ๋องตวนมองไปรอบ ๆ ด้าน เดินอ้อมไปอีกด้าน จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพง เมื่อเห็นว่าภายในไม่มีผู้ใดจึงกระโดดลงไป

อวิ๋นหลัวฉวนไปเข้าเฝ้าจงชินอ๋อง ซึ่งสองสามวันนี้จงซินอ๋องมักจะไออยู่เสมอ แม้ว่าร่างกายจะไม่เป็นไร แต่ก็ไออย่างหนักหน่วง

นางเตรียมขี้ผึ้งผลผีผา*ให้แก่จงชินอ๋อง หวังให้ดีขึ้น ไม่ทุกข์ทรมานเกินไป

เมื่อรู้ว่าอวิ๋นหลัวฉวนมา จงชินอ๋องจึงนั่งรออยู่ในศาลาด้วยเสื้อคลุมตัวนอกที่หนาเป็นพิเศษ น้ำผลไม้และขนมบางส่วนที่ตระเตรียมขึ้นในศาลานั้นล้วนเป็นสิ่งที่อวิ๋นหลัวฉวนชื่นชอบทั้งสิ้น

อวิ๋นหลัวฉวนเข้าไปในศาลาส่วนแม่นมเว่ยรออยู่ด้านนอก

จงชินอ๋องเป็นผู้ที่มีมารยาทมาก เมื่อเห็นแม่นมเว่ย เขาจึงยิ่งต้องปฏิบัติตัวอย่างสุภาพ

“แม่นมเว่ยไม่ต้องระวังตัวนักหรอก ท่านเองก็อายุมากแล้ว มานั่งพักก่อนเถอะ”

แม่นมเว่ยกล่าวอย่างเกรงใจ ไม่กล้าลืมสถานะของตน : “บ่าวยืนดีแล้ว ขอบพระทัยจงชินอ๋องเพคะ”

ด้วยความเกรงใจ จงชินอ๋องจึงได้เดินไปและนั่งลง จากนั้นก็หยิบผลลิ้นจี่ลูกหนึ่งหนึ่งให้แก่อวิ๋นหลัวฉวน : “ข้าให้คนเตรียมมาให้เป็นพิเศษ รู้ว่าเจ้าชื่นชอบ”

อวิ๋นหลัวฉวนเดินไปด้วยความตะกละตะกลาม อะไร ๆ ก็ดีไปเสียหมด ถูกปากไปเสียทุกอย่าง

แต่ตอนนี้นางกลับกินไม่ลง ไม่ใช่สิ่งที่นางชอบกินแล้ว อาหารสามมื้อในหนึ่งก็เพียงพอแล้ว

“ไม่กินดีกว่า ช่วงนี้กระเพาะหม่อมฉันไม่ค่อยดี ท่านกินเถอะ จริงสิ นี่คือขี้ผึ้งผลผีผา ข้าต้องไปขอจากเจ้าตัว เดิมทีคิดอยากไปหาท่านพี่เสียนเฟย นางต้องช่วยท่านแน่ ๆ แต่พวกท่านไม่ค่อยชอบขี้หน้ากันนัก วันนี้หม่อมฉันไปหานาง เห็นนางยุ่งมาก จึงหมดหนทางจะช่วยท่าน

ท่านอ๋องลองใช้ขี้ผึ้งผีผานี้ก่อน หากไม่ได้จริง ๆ หม่อมฉันจะเข้าวังไปหาหมอหลวงหู เขาเป็นผู้วินิจฉัยโรคของโรงหมอ วิชาแพทย์สูงส่ง อาการไอของท่านจะต้องมีทางรักษาเพคะ”

“ตอนนี้มีแค่เจ้ากับข้าแค่สองคน ทั้งยังมาถึงที่นี่เพื่อข้า ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ”

ทั้งสองคนกำลังพูดคุย เสียงฝีเท้าของท่านอ๋องตวนดังขยายออกมาจากด้านข้าง

จงชินอ๋องมองไปด้วยความแปลกใจ และเห็นว่าท่านอ๋องตวนกำลังเดินมาทางนี้

*ขี้ผึ้งผลผีผา เป็นสมุนไพรดั้งเดิม