ตอนที่ 846 ให้คําแนะนํา

Elixir Supplier

ร้านอาหารที่พวกเขาไปกินก็คือร้านอาหารที่ตั้งอยู่ตรงตีนเขา

“พวกเขาไปไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

“พวกเขาไปจัดการเรื่องที่เขียนเชิงบอกพวกเขาเอาไว้ยังไงล่ะครับ” จงหลิวชวนพู ดอ้อมๆ
หวังเย้าพยักหน้าเข้าใจ

อาหารถูกนํามาเสริฟอย่างรวดเร็ว เพราะมีคนมากินในร้านแค่ไม่กี่โต๊ะ ภายในร้า นที่ลูกค้านั่งอยู่ทั้งหมดสามโต๊ะ แล้วพวกเขาก็รวมอยู่ในนั้นด้วย หวังเย้าและเจ้าของ ร้านค่อยข้างคุ้นเคยกัน เขาจึงออกมาทักทายพวกเขาที่โต๊ะ แต่สีหน้าของเขาไม่ค่อย ดีนัก

“มีเรื่องอะไรเหรอครับ ผู้จัดการหลี?” หวังเย้าถาม

“อย่าไปพูดถึงมันเลย หลายเดือนมานี้กิจการย่าแย่มาก โชคดีที่ผมเอาบ้านของตัวเองมาทําร้าน ถ้าไม่อย่างนั้นคงขาดทุนหนัก” เขาจุดบุหรี่สูบแล้วถอนหายใจ

“จริงเหรอ? เท่าที่ผมรู้ มันควรจะเป็นช่วงที่คนมาเที่ยวน้ำพุร้อนกันเยอะนี่ครับ”หวังเย้าพูด

ร้านอาหารตั้งอยู่ไม่ไกลจากน้ำพุร้อนหมู่บ้านหลี่เจียโกวถึงจะมีบริการอาหารและสิ่งอ่านวยความสะดวกอยู่ภายในนั้นแต่ร้านอาหารแห่งนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งทั้งอาหารยังสดใหม่และคนรู้จักค่อนข้างมากหวังเย้ายังจําได้ว่าหากเป็นช่วงวันหยุดถึงขนาดต้องต่อคิวเพื่อรอกินเลยด้วยซ้ํา

“หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นครับ?” หวังเย้าถาม

“ใช่แล้วล่ะเดือนนี้มีคนตายที่น้ำพุร้อนอีกคนแล้ว” ผู้จัดการหลี่พูด

“ตายอีกหนึ่ง?” หวังเข้าประหลาดใจมาก

ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี มีคนตายที่น้ำพุร้อนหมู่บ้านหลี่เจียโกวสี่คนแล้ว ถึงแม้จะเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนตายในหมู่บ้านส่วนใหญ่มักเป็นผู้สูงอายุ แต่คนที่ตายในหมู่บ้านหลี่เจียโกวกลับเป็นเด็กและคนหนุ่มซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ

“คุณรู้ไหมครับว่าพวกเขาตายยังไง?”

“พวกเขาจมน้ำตาย”

“จมน้ำตาย? มีคนจมน้ำตายเพราะแช่น้ำร้อนได้ด้วยเหรอ?” พันจวินประหลาดใจ“ออกจะโชคร้ายเกินไปหน่อยไหม?”

“เฮ้อ คนก็พูดกันไปหลายอย่างเลยล่ะ” ผู้จัดการหลี่พูด “แต่มีเรื่องหนึ่งที่แน่นอนก็คือพวกเขาตายในน้ำพุร้อนลองคิดดูสิมีคนตายในน้ำร้อนที่คนไปแช่เค้าถือเป็นเรื่องอัปมงคลถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้คงไม่มีใครกล้าไปที่นั่นอีกหรอก!”

“นั่นสิ”

ผู้คนเดินทางมาแช่น้ำพุร้อนก็เพื่อผ่อนคลายและคลายเครียด พวกเขาคงไม่มีใครอยากตายในตอนที่กําลังแช่น้ำพุอยู่ มันก็ไม่ต่างจากการมีคนตายในบ้านที่ทําให้การขายบ้านหลังนั้นยากขึ้นและเป็นอัปมงคล

อย่างน้อย นั่นก็คือสิ่งที่คนจีนเชื่อกัน

“จ ถ้าธุรกิจไปไม่รอด ผมก็คงต้องคิดเรื่องเปลี่ยนงานแล้วล่ะ” ผู้จัดการหลี่พูด

“อย่าทําแบบนั้นเลยครับ” หวังเย้าพูด “ถ้าปิดไปแล้วผมจะไปกินข้าวที่ไหนล่ะ?”

เขารู้ว่า ค่าพูดของผู้จัดการหลี่เกิดจากกิจการที่ซบเซาในระยะสั้นๆเท่านั้นแต่ร้านอาหารก็ยังคงเปิดกิจการต่อไป

“นี่ ผู้จัดการหลี่ผมขอแนะนําอะไรหน่อยนะ” พันจวินพูดในขณะที่ยกชาขึ้นจิบ

“พูดกันว่า เหล้าดีอยู่ในซอยลึก” เขาพูด “ตอนนี้มีคนรวยๆอยู่ในเมืองตั้งมากนอก จากไปตามโรงแรมกับร้านอาหารแล้วพวกเขายังชอบค้นหาร้านอาหารที่อยู่ห่างไกลแบบนี้ด้วยผมว่าร้านของคุณน่าจะตกแต่งเพิ่มอีกสักหน่อยหาต้นไม้ดอกไม้มาปลูกที่สําคัญคือต้องทําอาหารจานเด่นของร้านผมมากินที่นี่หลายครั้งแล้วถึงได้รู้ว่า อาหารจานปลากับไก่ของที่ทําออกมาดีมาก แถมวัตถุดิบของร้านคุณก็ยังสดใหม่ผมว่าคุณน่าจะลองศึกษาอาหารของอย่างนี้ แล้วทําให้มันกลายเป็นอาหารขึ้นชื่อของร้านคุณไปเลยสิ”

“รอเดี๋ยวนะ ผมจะไปจดไว้ก่อน” ผู้จัดการหลี่รีบพูดขึ้นมา

“คุณไม่ต้องทําถึงขนาดนั้นหรอก” พันจวินพูด

“ไม่ ไม่ได้ ผมต้องจดเอาไว้ก่อน พอแก่ตัวลง สมองก็ทํางานไม่ค่อยดีเท่าไหร่น่ะ”เขารีบเดินออกไปและกลับมาพร้อมกับสมุดและปากกา

“ผมมารบกวนเวลากินอาหารของพวกคุณ ถ้ายังไงมือนี้ผมเลี้ยงเอง” ผู้จัดการหลี พูด

“เราจะปล่อยให้คุณทําแบบนั้นได้ยังไง?”

“เป็นอันตกลงแล้วนะ” ผู้จัดการหลุจดคําแนะนําของพันจวินไว้อย่างละเอียดงานของพันจวินจําเป็นต้องเอาใจลูกค้า ดังนั้น เขาจึงได้ไปร้านอาหารมาหลายร้านและมีประสบการณ์มากมายผู้จัดการหลี่ก็รู้เรื่องของเขาดีมันเป็นสถานการณ์ของคนที่กําลังสบสัน ในขณะที่คนดูกลับสามารถมองอะไรได้ชัดเจนกว่า

“คิดว่าข้อเสนอของผมเป็นยังไง?” พันจวินถาม

“ดีมาก เอาแบบนี้เป็นไง ทุกครั้งที่คุณมากินข้าวที่ร้าน ผมจะลดให้ 70%” ผู้จัดการหลีพูด

“รวมอาจารย์กับ เอ่อ ศิษย์น้องของผมด้วยใช่ไหม?” พันจวินถาม

จงหลิวชวนพยักหน้าเล็กน้อย ถึงแม้ทั้งสองจะเรียนรู้กับหวังเย้ากันคนละเรื่องแต่มันก็ไม่ผิดที่พันจวินจะเรียกเขาว่า ศิษย์น้อง

“ไม่มีปัญหา ลด 70% ให้ทุกคนเลย” ผู้จัดการหลี่โบกมือ “เอาล่ะ ผมไม่รบกวนพวกคุณแล้วผมไปล่ะ”

“ได้ คุณไปทํางานเถอะ”

หลังจากอาหารถูกนํามาเสริฟครบทุกจานแล้ว ผู้จัดการหลี่ยังสั่งให้นําอาหารมาเพิ่มให้พวกเขาอีกสองอย่าง

“อืมมม อาหารรสชาติดีมาก มันได้จากธรรมชาติหมดเลยเหรอ?”

“ส่วนใหญ่ที่พวกเขาเอามาเสริฟให้พวกเราน่ะใช่” หวังเย้าตอบ

“แต่ของคนอื่นไม่รู้

“หา?”

“ถ้ามีคนมากินที่ร้านไม่เยอะมันก็พูดได้ แต่ในระยะยาว เขาจะไปหาวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ไร้สารพิษมาจากไหนตั้งมากมายล่ะ? ถ้าเขารับประกันวัตถุดิบส่วนใหญ่ได้ว่าเป็นของจากธรรมชาติแค่นั้นก็ถือว่าดีมากแล้วแต่เท่าที่ผมรู้เขากําลังวางแผนทําเรื่อนกระจกที่ด้านหลังเขาเพื่อเอาไว้ใช้กับที่ร้าน”

“นั่นเป็นแผนการระยะยาวใช่ไหม?”

“ใช่ ความจริงร้านทั้งหมดในหมู่บ้านที่อยู่รอบๆก็มีแค่ร้านนี้ร้านเดียวที่ทําอาหารอร่อย”บหวังเย้าพูด“มันสะอาดและดีต่อสุขภาพ แล้วอาหารก็ยังรสชาติดีด้วยถ้าคนในหมู่บ้านคิดอยากเลี้ยงข้าวแขกที่แรกที่พวกเขาคิดถึงก็คือที่นี่”

“เชียนเชิงคิดว่าเขายังคิดจะเปลี่ยนงานอยู่อีกรึเปล่า?”

“ก็แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง”

“มา ดื่มเหล้า กินข้าวกันเถอะ”

หลังจากทานเสร็จ ทั้งสามก็กลับไปที่หมู่บ้าน

“พรุ่งนี้พี่ว่างเปล่า?” หวังเย้าถาม

“พรุ่งนี้ เราจะทําอะไรกันเหรอ?”

“ผมจะพาพี่ไปแช่น้ำพุร้อน” หวังเย้าพูด

“หา?” พันจวินกับจงหลิวชวนต่างตกตะลึง

“เดี๋ยวนะ ผู้จัดการหลี่เพิ่งจะบอกว่า ที่รีสอร์ทน้ำพร้อนมีคนตายนี่ แล้วเราจะไปที่นั่นกันท่าไม?”

“ก็ไปดูสักหน่อยน่ะสิครับ”

“ไม่เป็นไร ผมไปเองก็ได้

“พรุ่งนี้ผมว่างครับ เชียนเชิง” จงหลิวชวนพูด

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้จะแลกเวร” พันจวินถาม “พวกเราไปกันบ่ายนี้ไม่ได้เหรอ?”

“บ่ายนี้ ผมมีคนไข้ครับ” หวังเข้าตอบ

“อ่อ”

หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงคลินิกได้ไม่นาน คนไข้ก็มาถึง เขาเป็นชายชราที่มีอาการปวดขา

“ผมฝากด้วยนะครับ” หวังเย้าพูดกับพันจวิน

“ไม่มีปัญหา

การนวดแบบทุยหนาเป็นทักษะเดียวที่พันจวินเชียวชาญ

ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจสีหน้าของชายชราดูพอใจเป็นอย่างมากตอนที่เขาเพิ่งมาถึงเขาเดินกระเผลกเล็กน้อยแต่เมื่อเขากลับอาการนั้นก็ไม่มีให้เห็นอีก

“ไม่ได้มาที่นี่แค่ไม่กี่วัน ฝีมือของฉันก็ตกลงซะแล้ว” พันจวินพูด

คนไข้รายที่สองเป็นหญิงวัยสี่สิบ ที่มาด้วยอาการปวดท้อง มันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ภายในท้องของเธอ

“ช่วงนี้ คุณได้ทานอะไรไปบ้างครับ?” หวังเย้าถามหลังจากที่จับดูชีพจรของเธอแล้ว

“ใช่ค่ะ ช่วงนี้ฉันกินอาหารไปเยอะมาก” เธอตอบ

“บอกผมทีครับ ว่าคุณกินอะไรบ้าง?”

หลังจากคิดอยู่สักพัก เธอก็เริ่มบอกชื่อของกินที่เธอได้กินเข้าไปไม่กี่วันนี้ “เอ่อมีหมั่นโถว, ข้าว, แอปเปิ้ล, กล้วย…”

“แค่สามวันที่ผ่านมาก็พอครับ” หวังเย้าพูด

“อ่อ ได้ค่ะ”

“ผลซานจากับลูกพลับ”

“เดี๋ยวนะครับ ผลซานจากับลูกพลับเหรอ? เป็นลูกพลับแบบไหนเหรอครับ?”หวังเย้าถาม

“เป็นแบบที่เก็บจากต้น ไม่ใช่แบบมะเขือเทศ” เธอตอบ

“ผมเข้าใจแล้วครับ มีเศษอาหารตกค้างอยู่ในกระเพาะของคุณ เรียกทั่วไปว่ากระเพาะอาหารอุดตัน (gastric bezoar มีสิ่งแปลกปลอมอัดแน่นเต็มกระเพาะจนเกิดอาการปวดท้องอาเจียนไปจนถึงกระเพาะอาหารอุดตัน)”

“แล้วฉันควรทํายังไงดีคะ?”

“มันรักษาได้ง่ายมากครับ กลับไปดื่มโซดาสักขวด ให้ดื่มมากหน่อยแล้วคุณก็จะไม่เป็นอะไรแล้วครับ”

“โอ้ ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอเนี้ย?” เธอตกใจ

“ใช่ครับ แล้วเวลากิน คุณควรใส่ใจเรื่องอาหารที่กินด้วยนะครับ บางอย่างก็กินรวมกันไม่ได้อย่างผลซานจากับลูกพลับที่ไม่ควรกินด้วยกัน”

“อ่อ ค่ะ ฉันจะจําไว้”

เธอมาด้วยอารมณ์ตึงเครียด และกลับไปด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย

คนไข้รายที่สามเป็นเด็กหญิงตัวน้อย เธอมีหน้าตางดงาม เธอมีก้อนเนื้ออยู่ที่บริเวณข้อเท้า

“มันเป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วครับ?” หวังเย้าถาม

“เอ่อ ประมาณสองเดือนได้แล้วครับ” พ่อของเด็กหญิงบอก “ตอนแรกมันยังเล็กมากเราเลยไม่ทันได้สังเกต แต่พอมันเริ่มโตขึ้น เราก็เริ่มกังวลเราไปที่โรงพยาบาลเขตและทายาไปสองตัวพอทายาไปได้สองอาทิตย์มันก็ไม่เล็กลงเลยสักนิด”