เมลโล่รู้สึกตกตะลึงมาก : “นทีบดีส่งหนังสือทนายมาแทนเธอ? เธอรู้จักนทีบดีได้ยังไงกัน?”
ลีวายเอาความโมโหทั้งหมดส่งมาที่เธอแล้ว : “เธอจะต้องทำเป็นกระต่ายตื่นตูมขนาดนี้เลยอย่างนั้นเหรอ? อดีตสามีของหล่อนถ้าหากมีเงินมากขนาดนั้นจริงๆ หล่อนก็สามารถจะรู้จักนทีบดีได้อยู่แล้ว”
เมลโล่ยังไม่รับรู้ว่าลีวายกำลังส่งความโมโหนี้มาที่ตัวเอง ยังคงรู้สึกประหลาดใจอยู่เช่นเดิม : “ในเมื่อหย่าไปแล้ว ทำไมอดีตสามียังจะต้องมาช่วยเธออีก?”
“เธอสงสัยมากขนาดนี้ ทำไมไม่ไปถามเองเลยล่ะ?” ลีวายตวาดเสียงดังออกมา ในที่สุดเมลโล่ก็รับรู้แล้วว่าตัวเองกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ไปแล้ว ก็เลยเงียบและหุบปากลง
ลีวายลุกขึ้นแล้วไล่เธอออกไปอย่างหงุดหงิด : “เอาล่ะ เธอกลับไปก่อนเถอะ”
เธอพูดจบแล้วนั้นก็หันกลับเข้าไปในห้องหนังสือ อีกทั้งยังปิดประตูใส่ด้วย
เมลโล่กัดริมฝีปากไว้ แล้วหันกลับออกไปจากบ้านของลีวาย
ชีวิตของวัยผู้ใหญ่ไม่ง่ายเลย ชีวิตการทำงานก็ยิ่งลำบากกว่าเดิม เธอโชคไม่ดีที่มาเจอเจ้านายอย่างลีวาย ก็ทำได้เพียงต้องยอมรับชะตากรรมเท่านั้น
หลินจือไม่รู้เลยว่านทีบดีส่งหนังสือทนายไปให้กับบล็อกเกอร์คนนั้นในนามของเธอ ตอนที่เธอเห็นบล็อกเกอร์คนนั้นลบคลิปและขอโทษเธอนั้นก็ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เธอคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายนั้นจะยอมแพ้เร็วขนาดนี้
เท่าที่เธอจำได้ แอคข่าวปลอมแบบนี้จะงัดกันจนถึงที่สุด ไม่ว่าเนื้อหาที่พวกเขาเผยแพร่ออกมานั้นจะจริงหรือไม่จริงก็ล้วนแต่จะแบล็กเมล์กันอย่างไร้ความคิด
ต่อให้ถูกเตือนหรือแม้กระทั่งถูกบล็อกแล้วก็ตาม อย่างมากพวกเขาก็แค่เปลี่ยนIDใหม่
ควีนเลิกงานและกำลังกลับบ้านพอดี หลินจือเอ่ยขอโทษออกมาด้วยความประหลาดใจ : “วันนี้ทำไมเลิกงานเร็วจัง? ฉันยังไม่ได้เตรียมอาหารเย็นเลย”
หลินจืออยู่กับควีนในช่วงเวลานี้ เพียงแค่ตอนกลางคืนควีนไม่ได้ไปออกงานกับเทาเท่ เธอก็จะเป็นฝ่ายเตรียมอาหารเย็นเอาไว้ให้
แต่ต่อให้ควีนไม่ได้ไปออกงาน ปกติแล้วก็จะกลับมาค่อนข้างค่ำ เพราะงานยุ่ง
ผลปรากฏว่าวันนี้ควีนไม่เพียงแค่ไม่ได้ทำงานล่วงเวลาเพียงเท่านั้น แต่ยังเลิกงานก่อนเวลาอีกด้วย
ควีนยิ้ม : “ประธานเทาเท่ให้ฉันกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธอเร็วหน่อยน่ะ”
หลินจือ : “……..”
นี่เทาเท่จะเล่นไม้ไหนอีกกัน?
แล้วอีกอย่างเธอต้องการคนมาอยู่เป็นเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่?
ความเจ็บปวดจากการหย่าร้างเธอยังผ่านมาแล้ว ตอนนี้เป็นเพียงแค่การโดนโจมตีบนอินเตอร์เน็ตเท่านั้นเอง เธอรับได้อยู่แล้ว
“วันนี้งานไม่เยอะพอดีด้วย ฉันจัดการเสร็จแล้วก็เลยกลับมาก่อน” ควีนเอ่ยพูดขึ้นต่อ : “เย็นนี้เธอไม่ต้องทำอาหารแล้วล่ะ ฉันสั่งข้าวมาแล้ว”
ควีนพูดแบบนี้แล้ว หลินจือก็ไม่ได้ยืนหยัดอะไรอีกเช่นกัน
เธอบอกเรื่องที่บล็อกเกอร์คนนั้นมาขอโทษแล้ว ควีนก็เอ่ยพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ : “เธอไม่รู้เหรอ? ประธานเทาเท่ให้นทีบดีส่งหนังสือทนายไปให้บล็อกเกอร์คนนั้นแล้ว”
ควีนคิดว่าเทาเท่บอกเรื่องนี้กับหลินจือแล้ว แต่ตอนนี้ดูจากอาการของหลินจือแล้วนั้นเห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้เรื่องเลย
ควีนไม่รู้ว่าเจ้านายของตัวเองนั้นคิดจะทำอะไร ช่วยมาขนาดนี้แล้ว ยังไม่รีบกอบโกยความดีความชอบมาอีก?
หลินจือรู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออก
เธอรู้จักนทีบดีอยู่แล้ว นทีบดีกับโซเมน ล้วนแต่เป็นเพื่อนที่ร่วมงานกันกับเทาเท่ ดูเหมือนว่าเรื่องกฎหมายทั้งหมดของฟอเรนากรุ๊ป ล้วนแต่รับผิดชอบโดยนทีบดี
เธอเองก็รู้ว่านทีบดีมีชื่อเสียง เขาส่งจดหมายทนายไปให้บล็อกเกอร์คนนั้นแทนเธอ?
มิน่าล่ะบล็อกเกอร์นั่นถึงยอมแพ้เร็วขนาดนี้
แต่…..ทำไมเทาเท่ถึงจะต้องช่วยเธอขนาดนี้?
ว่าการตามเหตุผลแล้ว เทาเท่เป็นฝ่ายปริ้นท์บัญชีรายรับรายจ่ายมาให้เธอ ช่วยเธอพลิกสถานการณ์ ก็เป็นการช่วยเหลือเธอมากแล้ว
“เขา–”หลินจือไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ดูแล้วเรื่องที่เธอจะส่งของขวัญให้เทาเท่จะต้องรีบยื่นขึ้นวาระการประชุมแล้ว
ควีนมองเธออย่างมีความหมายลึกซึ้งพลางเอ่ยขึ้น : “ความจริงแล้วประธานเทาเท่เป็นห่วงเธอมากนะ”
หลินจืออึ้งไปพักหนึ่งแล้วนั้นหลบตาลงพลางยิ้มและพูดขึ้นมา : “เขาอาจจะเป็นกังวลว่าฉันจะเหนื่อยเพราะเรื่องนี้ แล้วส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าของบทมากกว่า”
ควีน : “…..”
เธอจึงเอ่ยพูดขึ้นมา : “ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวรออาหารมาแล้วเราก็มากินข้าวกัน”
อาศัยช่วงที่ควีนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หลินจือรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเอ่ยขอบคุณเทาเท่ : “ประธานเทาเท่ ได้ยินควีนบอกว่าคุณช่วยฉันเชิญทนายนทีบดีมาให้ส่งหนังสือทนายไปให้กับบล็อกเกอร์คนนั้น ขอบคุณมากๆเลยนะคะ”
เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของตัวเอง หลินจือใช้คำว่า”มากๆ”นี้ด้วย
เทาเท่ตอบกลับเธอมาอย่างรวดเร็ว : “คำพูดมากกว่านี้ก็คงจะสู้ใช้การกระทำแสดงออกมาไม่ได้หรอก”
ความหมายแฝงคือ รีบพูดถึงเรื่องที่จะเลี้ยงข้าวมาจะดีกว่า
หลินจือตอบกลับไป : “ได้ค่ะ”
ดูแล้วเธอทำได้เพียงขอร้องให้ควีนไปซื้อปากกาให้เธอแล้ว ตอนนี้เธอยังอยู่ในช่วงที่ยากลำบากไม่กล้าออกไปข้างนอก
หลังจากที่อาหารมาส่งแล้ว ควีนก็เปิดเหล้ามาหนึ่งขวด แล้วกินไปคุยไปกับหลินจือสองคน
หลินจือไหว้วานควีน : “ช่วงนี้ฉันไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย เธอช่วยฉันซื้อปากกาด้ามนึงได้ไหม”
“ซื้อปากกา?” ควีนรู้สึกงงมาก
“อืม” หลินจือพยักหน้าอย่างจริงจัง “ประธานเทาเท่ของพวกเธอช่วยฉันมากขนาดนี้ ฉันจะต้องให้ของขวัญเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณเขาหน่อย”
“ฉันคิดไปคิดมาแล้ว ให้ปากกาหมึกซึมหรือปากกาเซ็นชื่อดูจะค่อนข้างเหมาะสมดี”
ควีนเกือบจะพ่นเหล้าที่อยู่ในปากออกมาแล้ว เธอสาบานได้เลยว่าเทาเท่ไม่ได้อยากได้การขอบคุณแบบนี้จากหลินจือแน่นอน
เธอรีบเอ่ยขึ้นมา : “คือ…..เธอแน่ใจนะว่าประธานเทาเท่จะชอบวิธีการขอบคุณแบบนี้ของเธอ?”
หลินจือพูดขึ้นมาด้วยความกลุ้มใจอยู่บ้าง : “ถ้าไม่อย่างนั้นฉันสามารถขอบคุณยังไงได้บ้าง? จากสไตล์ของซูซี ฉันไม่อยากจะไปเจอหน้ากินข้าวกับเขาน่าจะค่อนข้างดีกว่านะ เพราะฉะนั้นก็ทำได้เพียงต้องส่งของขวัญไปให้ แบบนี้น่าจะดีกับทุกคน”
ควีนรู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมา
ความกังวลของหลินจือนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ตอนนี้ซูซีเป็นศัตรูกับหลินจือ แต่หากหลินจือกับเทาเท่มีความคลุมเครือต่อกัน ซูซีจะต้องมาหาเรื่องหลินจืออย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าควีนจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของเทาเท่กับซูซีช่วงนี้จะธรรมดา แต่เวลานี้เธอก็ไม่สามารถเอ่ยพูดออกมาได้
ดังนั้นเธอเองก็ทำได้เพียงตอบรับไป : “ได้ พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปซื้อให้นะ”
หลินจือรู้สึกขอบคุณมาก : “ดีจัง ขอบคุณนะ”
หลินจือคิดแล้วก็เอ่ยพูดขึ้นมาอีกครั้ง : “ฉันรู้ว่าเขาใช้ปากกาเซ็นชื่อยี่ห้อนั้นบ่อยๆ เดี๋ยวเธอไปซื้อที่ร้านนั้นเลยก็แล้วกัน”
“ซื้อเสร็จแล้วเธอก็ช่วยฉันส่งต่อให้เขาเลยนะ”ถึงแม้ว่ายี่ห้อที่เทาเท่ใช้นั้นเป็นแบรนด์หรู แต่หลินจือก็ตัดสินใจที่จะกัดฟันซื้อแล้ว
ถึงอย่างไรสถานะตำแหน่งของเทาเท่ก็วางอยู่ตรงนั้น ถ้าหากมีระดับไม่พอก็ไม่สามารถแสดงออกถึงความจริงใจของเธอได้
ควีนตอบรับ และในใจก็อยากจะหัวเราะออกมา
เธออยากจะดูว่า หลังจากที่เทาเท่ได้รับการขอบคุณของหลินจือในวิธีแบบนี้จะมีอาการอย่างไร
ได้เห็นเจ้านายตัวเองถูกบีบจนได้รับความพ่ายแพ้แบบนี้ซึ่งหาดูได้ยาก ถึงตอนนั้นแล้วจะต้องชื่นชมให้ดีๆเสียหน่อย
จากที่บล็อกเกอร์คนนั้นลบคลิปวีดิโอและขอโทษหลินจืออย่างเป็นทางการแล้ว หลินจือถูกผลักไปอยู่ตรงจุดที่ยากลำบากจนเกิดเรื่องถูกโจมตีในอินเตอร์นั้นนับว่าปิดฉากลงแล้ว
พ่อลูกชาร์ลีเริ่มถูกด่าว่าจนเละ แม้กระทั่งมีคนไปขุดเรื่องที่พวกเขาทั้งสองคนที่คนหนึ่งมีนิสัยติดการพนัน ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นเป็นพวกติดเหล้าขึ้นมาด้วย ทั้งสองคนกลายเป็นคนที่น่าสมเพชเวทนาไปแล้ว
เดิมทีทั้งสองคนที่เพิ่งจะได้รับเงินมาก้อนหนึ่งนั้นเตรียมจะไปดื่มเหล้ากัน จึงทำได้เพียงหลบอยู่ในบ้านเลี่ยงจากการเป็นจุดสนใจ
เรียวจิรู้สึกโมโหมาก : “เรื่องนี้ทำไมถึงได้กลับตาลปัตรไปแล้ว? ทำไมสุดท้ายแล้วเป็นพวกเราที่น่าสมเพชที่สุดล่ะ?”
ชาร์ลีหรี่ตาลงพลางเอ่ยขึ้น : “สามารถขอให้นทีบดีส่งหนังสือทนายมาได้ จะต้องเป็นเทาเท่ที่แทรกมือเข้ามาแน่นอน”
เรียวจิเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ : “เทาเท่นี่หมายความว่าอะไร? ไม่ใช่ว่าหย่ากันไปแล้วเหรอ? ทำไมถึงได้ปฏิบัติกับเธอดีกว่าตอนที่ยังไม่ได้หย่ากันอีก?”