บทที่ 461 ดึงดูด
บทที่ 461 ดึงดูด
“เป็นไปไม่ได้!”
เสียงของระฆังสวรรค์ดังกังวานไปทั่วนภาลัย ม่านฟ้าแแหวกออกอีกครั้งเพื่อเปิดทางให้แสงศักดิ์สิทธิ์ได้สาดส่องลงมายังผืนโลก ขณะที่ยืนภาพอันคุ้นตาอยู่นี้ ชินห่าวที่กำลังแสดงสีหน้ายู่ยี่อยู่บนกำแพงเมืองก็อดที่จะสบถออกมาไม่ได้!
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่เป็นทุกกิลด์ที่มารับชมสงครามบริเวณรอบพื้นที่กว้างนี้ต่างก็แสดงสีหน้าที่เหลือจะเชื่อออกมาพร้อม ๆ กัน!
นี่มันสกิลระดับตำนานไม่ใช่หรือไงน่ะ? ระยะเวลาคูลดาวน์มันควรจะมหาศาลเลยไม่ใช่เหรอ? ไม่มีทางที่สกิลระดับนี้มันจะสามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องเช่นนี้! แต่ทำไมเจ้าแห่งฮีลเลอร์ถึงสามารถใช้มันได้อีกในเวลาอันสั้นขนาดนี้ล่ะ!?
ภายในเมื่อไอรอนครอสซิตี้ ผู้เล่นสมาชิกกิลด์กางเขนเหล็กนับไม่ถ้วนที่ยังคงต้องสู้กับเซียวเฟิงอยู่จนถึงตอนนั้น ต่างก็พากันลดอาวุธลง พวกเขาแหงนหน้ามองปลายหอกศักดิ์สิทธิ์ที่ค่อย ๆ ยื่นปลายแหลมลงมาจากฟากฟ้า
มีเพียงแมมมอธสงครามเท่านั้นที่ยังคงเข้าโจมตีเซียวเฟิงอย่างบ้าระห่ำอยู่ ทว่าเพียงชั่วพริบตา ร่างขนาดใหญ่ของมันก็ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์กลืนกินไปจนหมด
ตู้ม!
[ประกาศจากระบบ! สงครามได้จบลงแล้ว! โถงหลักของเมืองไอรอนครอสซิตี้ได้ถูกทำลาย ดังนั้นกิลด์กางเขนเหล็กจึงถือว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และต้องถูกลงโทษโดยการลดระดับกิลด์ลง 1 เลเวล! ผู้ชนะได้แก่ เมืองแห่งความโศกเศร้า! รางวัลคือค่าประสบการณ์เทียบเท่ากับที่ผู้พ่ายแพ้ถูกลดไป!]
[ประกาศจากระบบ! เนื่องจากกิลด์กางเขนเหล็กมีเลเวลต่ำกว่า 10 ทำให้ไม่ตรงตามเงื่อนไขการที่จะเป็นเมืองหลัก! ดังนั้นแล้วเมืองไอรอนครอสซิตี้ จะถูกลดระดับลงไปเป็นเพียง เมืองประจำกิลด์ เท่านั้น!]
[ประกาศจากระบบ! ฟังก์ชั่นสัตว์เทพพิทักษ์ถูกหยุดใช้งาน เนื่องจากสถานะการเป็นเมืองหลักถูกระงับ!]
[ประกาศจากระบบ! ระดับของกำแพงและประตูเมืองถูกลดระดับลง เนื่องจากสถานะการเป็นเมืองหลักถูกระงับ!]
เสียงของระบบที่ดังกังวานแทนที่เสียงระเบิดในเวลาต่อมานั้น ไม่เพียงแต่ประกาศเรื่องความพ่ายแพ้ของกิลด์เท่านั้น แต่มันยังได้กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับเมืองไอรอนครอสซิตี้อีกด้วย!
อาคารสำนักงานมากมายที่มีให้เฉพาะเมืองหลักถูกทำลายจากภายในตัวมันเองหลังจากที่สถานะของเมือง ๆ นี้กลายเป็นเพียงเมืองทั่วไป มันจบลงไปในดินและหายไปจนไม่เหลือซาก ในขณะที่กำแพงเมืองและประตูเมืองก็ลดความสูงลงมาเล็กน้อย สิ่งที่ดูจะน่าตกใจที่สุด เห็นจะเป็นร่างของสัตว์เทพพิทักษ์ที่กลายเป็นเพียงละอองหายไปในอากาศเท่านั้น
“กางเขนเหล็กจบลงแล้ว!”
นี่ถือเป็นบทสรุปที่เหล่ากิลด์ทั้งหลายผู้ซึ่งได้มารับชมการต่อสู้นี้วางมติเห็นด้วยร่วมกัน สงครามทั้งสามครั้งนี้สรุปผลแพ้ชนะไว้ตั้งแต่เห็นคู่ต่อสู้แล้ว และผลที่ตามมาที่ดูจะแย่ที่สุด เห็นทีคงจะหนีไม่พ้นการที่เมืองหลักเมืองนี้ถูกลดระดับลงกลายเป็นเมืองทั่วไปนั่นแหละ!
สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจภายในกิลด์กางเขนเหล็กต้องสั่นคลอน หากแต่สมาชิกกิลด์ทั้งหมดต่างก็สั่นคลอนไปด้วย
กิลด์กางเขนเหล็ก ไม่ใช่กิลด์ที่มีพื้นฐานมาเนิ่นนาน ประวัติศาสตร์กิลด์เองก็ไม่ได้ยาวเทียบเท่าวอร์สปิริตฮอลล์หรือมิดซัมเมอร์แต่อย่างใด เพราะงั้นไม่ต้องเทียบเท่าระดับกิลด์ไดนัสตี้เลย
เพราะเป็นกิลด์ที่ประกอบด้วยคลาสอัศวินอันเป็นเอกลักษณ์เป็นหลัก ดังนั้นการสู้บนพื้นที่ราบ พวกเขาได้เปรียบมากกว่าคลาสใด ๆ การไร้พ่ายในทุกสงครามยิบย่อยทำให้กิลด์กางเขนเหล็กเติบใหญ่ขึ้นได้อย่างก้าวกระโดดจนกระทั่งสามารถเป็นกิลด์ระดับผู้ปกครองได้!
ทว่าจุดอ่อนของพวกเขามันก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว นั่นคือ พวกเขาไม่มีประสบการณ์จากความพ่ายแพ้เลย พวกเขาไม่เคยปรับปรุงวิธีการต่อสู้ เมื่อครั้งที่พ่ายแพ้ให้กับมิดซัมเมอร์กิลด์ไปครั้งหนึ่ง สมาชิกกิลด์ก็เริ่มจะครุ่นคิดถึงอนาคตตนเองไปแล้ว แต่ยังโชคดีที่มันเป็นสงครามแบบแพ้หนึ่งครั้งชนะหนึ่งครั้ง พวกเขาจึงไม่ได้เสียขวัญกำลังใจกันมากนัก
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป สงครามสามครั้งในหนึ่งชั่วโมง! แถมศัตรูยังมีแค่คนเดียวด้วย!
ถึงแม้ว่าศัตรูจะเป็นเจ้าแห่งฮีลเลอร์ที่มีศักดิ์เป็นบุคคลอันดับ 1 ของโลกมิธเพียงคนเดียว แต่ผลลัพธ์ในสงครามกิลด์ทั้งสามรอบ ความจริงที่พวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด ปัญหาของเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่ทั้งสองไม่ได้เผชิญหน้ากันซึ่ง ๆ หน้า ไม่ใช่เรื่องการที่ไม่ยอมให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสดงกำลังรบที่แท้จริง แต่มันอยู่ที่ การที่ทั้งสองงัดทุกอย่างมาทุ่มใส่กัน แล้วมันก็แสดงให้เห็นว่าพลังของฝ่ายที่เป็นอันดับ 1 ของโลกมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าขนาดไหนต่างหาก!
กองกำลังทั้งสิบล้านคนของกางเขนเหล็กทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว และไม่สามารถหยุดยั้งเซียวเฟิงได้เลยแม้แต่นิดเดียว ตัวคลาสอัศวินเองที่ควรจะได้เปรียบก็ไม่มีสามารถช่วยอะไรได้เช่นกัน ทั้งที่พื้นที่ราบเช่นนี้คลาสของพวกเขาควรจะเป็นต่อได้แท้ ๆ เพียงแค่คนคนเดียว พวกเขาก็กลายเป็นทางผ่านอย่างง่ายดาย
การที่ต้องสูญเสียเลเวลของกิลด์ถึง 3 เลเวลในเวลาติด ๆ กันนี้ ผลกระทบขนาดใหญ่ระดับล่างสุดที่จะเกิดขึ้นก่อน ก็คือ ผลกระทบในด้านของสมาชิกกิลด์ รับรองได้เลยว่าจะมีสมาชิกกิลด์มากมายนับไม่ถ้วนต่างพากันลาออกจากกิลด์อย่างแน่นอน หรือไม่ต้องรอให้กดลาออกเอง ด้วยการที่ลิมิตสมาชิกกิลด์ที่ถูกลดลงตามเลเวล สมาชิกบางส่วนก็จะถูกระบบถอนชื่อออกไปเองเสียด้วยซ้ำ และแม้ว่าอนาคตกิลด์อาจจะกลับมายิ่งใหญ่ได้ แต่พวกเขาที่ออกไปแล้วส่วนมากก็เลือกที่จะไม่กลับเข้ามาอีก
และการที่ต้องสูญเสียสมาชิกกิลด์เป็นจำนวนมาก นั่นย่อมหมายถึง กางเขนเหล็กกำลังขาดดุลย์ทางกำลังทหารที่มีประสบการณ์จากการทำสงคราม การสูญเสียเช่นนี้ จะไม่หยุดลง พวกเขาจะค่อย ๆ พากันออกไปเรื่อย ๆ ตามกันไป
นอกจากนี้ หลังจากที่เมืองหลักของพวกเขา ถูกลดระดับลงมาเหลือเป็นเพียงเมืองธรรมดา พลังป้องกันของเมืองก็จะลดหลั่นลงมาดังเช่นเมืองของกิลด์อื่น ๆ ด้วยหรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ในตอนนี้ กิลด์กางเขนเหล็ก ไม่ได้เป็นกิลด์ระดับผู้ปกครองอีกต่อไปแล้ว!
ท่ามกลางลานกว้างที่กิลด์มากมายต่างมารับชมการต่อสู้ด้วยกันนี้ มีหลายกิลด์ที่มองเห็นลู่ทางภายในหัวแล้ว พวกเขาไม่รอช้าที่จะส่งข้อความลับ ๆ หากันทันที
ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า สถานะเจ้าผู้ปกครองของกิลด์กางเขนเหล็กได้จบลงแล้ว เพราะการพ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวงติดกันถึงสามครั้ง แม้ว่าสงครามทั้งสามรอบนั้น ฝ่ายเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะเป็นคนเปิดฉากเองก็ตาม เห็นได้ชัดว่า เขาไม่ยอมปล่อยกิลด์กางเขนเหล็กไปจริง ๆ!
การที่ยืนอยู่คนละฝั่งกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ไม่ต่างอะไรกับการเขียนใบมรณกรรมให้ตนเองไปแล้วตั้งแต่ต้น!
ยามที่กางเขนเหล็ก เจ้าผู้ปกครองแห่งฟากตะวันตกล่มสลาย นั่นหมายถึงทรัพยากรต่าง ๆ ที่เขาครอบครองก็จะกลายเป็นไร้เจ้าของ ซึ่งทรัพยากรที่ว่านั้น รวมไปถึงสมาชิกกิลด์ที่ไม่มีที่ไปและตำแหน่งเจ้าผู้ปกครองที่ไร้ซึ่งคนครองด้วย
คราวนี้เหล่ากิลด์ฟากตะวันตกได้เดือดพล่านกันเป็นฟืนเป็นไฟแน่นอน จะไม่มีกิลด์ไหนยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้!
“ตอนนี้พวกเรารอกันไปก่อนดีกว่า รอดูว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะทำอะไรต่อ ตอนนี้เจ้าแห่งฮีลเลอร์กำลังหัวเสียกับกางเขนเหล็ก อย่าไปทำให้เขาหัวเสียกับพวกเราด้วยก็แล้วกัน”
“อูฐน่ะ ตัวใหญ่กว่าม้านะ นี่มันไม่ใช่เวลามาค่อยเป็นค่อยไปแล้ว!”
ท่ามกลางเสียงถกเถียงกันของเหล่ากิลด์ที่มารวมตัวกันในทุ่งที่ราบกว้าง มีกิลด์บางส่วนแยกตัวไปเงียบ ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกิลด์ที่มีฐานที่ตั้งอยู่ในฟากตะวันตกอยู่แล้ว ส่วนกิลด์อื่น ๆ ก็พากันถกเถียงถึงเรื่องนี้กันแบบลับ ๆ
[ประกาศจากระบบ : วันนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ไม่ใช่จุดจบ แล้วฉันจะกลับมาอีก! – แด๊ด]
ทว่าด้วยเสียงประกาศนั้น ทุกคนก็พากันประหลาดใจอีกครั้ง พวกเขาคิดว่าตนจะได้ยินแจ้งเตือนการประกาศสงครามครั้งที่ 4 เสียอีก มันกลับกลายเป็นว่า เจ้าแห่งฮีลเลอร์เลือกที่จะสงบศึกชั่วคราว และเมื่อสิ้นเสียงนั้น ร่างของเขาก็หายไปจากเมืองไอรอนครอสซิตี้อย่างไร้ร่องรอยเลยด้วย!
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ? ทำไมจู่ ๆ เจ้าแห่งฮีลเลอร์ถึงจากไปแบบนั้นล่ะ?”
“บางทีเขาอาจจะมีเรื่องด่วนที่ต้องไปทำหรือเปล่า ถึงได้สงบศึกชั่วคราวแบบนี้?”
“ฉันคิดว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์น่าจะกำลังรอให้สกิลระดับตำนานของเขาคูลดาวน์อยู่…ต้องใช่แน่ ๆ เขากำลังรอให้สกิลเหล่านั้นคูลดาวน์เสร็จ เพราะยังไงซะก่อนหน้านี้เขาก็เพิ่งลุยสงครามไปสามรอบ เจ้าแห่งฮีลเลอร์น่ะ ถ้าไม่ได้สกิลที่ร้ายกาจพวกนั้นช่วย การที่ต้องเผชิญหน้ากับคนสิบล้านคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ!”
“ฉันเองก็คิดว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์กำลังรอสกิลคูลดาวน์เหมือนกัน เพราะเขาพูดเองนี่ว่าจะกลับมาอีก นั่นหมายถึง เรื่องระหว่างเจ้าแห่งฮีลเลอร์กับกิลด์กางเขนเหล็กยังไม่จบ!”
ไม่สนใจการคาดคะเนของเหล่านกกาในทุ่งกว้าง เซียวเฟิงใช้แหวนอวกาศเพื่อย้อนกลับไปที่เมืองแห่งความโศกเศร้า จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่จักรวรรดิออร์คโดยแท่นเทเลพอร์ตอย่างต่อเนื่อง
เหตุผลที่เซียวเฟิงยกเลิกการโจมตีกิลด์กางเขนเหล็กครั้งต่อไปเอาเสียดื้อ ๆ นั้นไม่ใช่เพราะเขากำลังรอให้สกิลระดับตำนานของตนคูลดาวน์แต่อย่างใด แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่เกี่ยวข้องเลย เพราะหากไร้ซึ่งสกิลที่สามารถปิดฉากได้ในการโจมตีครั้งเดียวแล้ว การที่ต้องสู้กับกิลด์ขนาดใหญ่เช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ยากเอาการ
ทว่าเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เซียวเฟิงรีบมุ่งหน้าไปยังจักรวรรดิออร์ค ก็เพราะ เขาได้รับข้อความส่วนตัวจากผู้เล่นหญิงที่ชื่อ หูเสี่ยวหู ที่ซึ่งเป็นเพื่อนในรายชื่อมา
หูเสี่ยวหู เป็นผู้เล่นหญิงที่ติดอยู่ใน 10 อันดับเทพธิดาด้วยเช่นกัน ทว่าการที่เซียวเฟิงดูรีบร้อนจะไปหาเธอนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความงดงามของเธอแต่อย่างใด มันเกี่ยวข้องกับเนื้อความที่เธอส่งมาต่างหาก!
เซียวหลิงกำลังตกอยู่ในอันตราย!
จักรวรรดิออร์ค เขตป่า
หูเสี่ยวหูกำลังรีบมุ่งหน้าตรงไปยังเขตป่าพร้อมกับผู้เล่นหลัก ๆ ภายในกิลด์หลังจากซิงเซียกำชับให้เธอตามไปสมทบกับกองทหารที่ 19 ให้เร็วที่สุด ซึ่งเมื่อไปถึงบริเวณใกล้เคียง จุดเทเลพอร์ตละแวกนั้นก็เปล่งแสงขึ้น พร้อมกับกลุ่มของผู้เล่นกลุ่มอื่นที่อยู่ภายในกิลด์วูล์ฟเหมือนกันก็เดินออกมา
ผู้เล่นกิลด์วูล์ฟที่เพิ่งโผล่ออกมานั้นถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเห็นว่าหูเสี่ยวหูอยู่ที่นั่นด้วย
“พวกนายมาจากกองทหารที่เท่าไหร่?”
แววตาที่งดงามของหูเสี่ยวหูกรอกมองผู้คนเหล่านั้นแล้วกล่าวถาม
“พวกเรามาจากกองทหารที่ 27 ครับ ท่านรองหัวหน้า!”
ท่ามกลางสมาชิกวูล์ฟที่มาจากกองทหารที่ 27 ผู้เล่นที่เป็นหัวหน้ากองนั้นดูจะกระตือรือร้นที่จะตอบคำถามหูเสี่ยวหูมากที่สุด
“กองทหารที่ 27? ไม่ใช่ว่าพวกนายต้องสำรวจเมืองไคหยุนอยู่เหรอ? ทำไมถึงมาที่เขตป่านี่กัน?” หูเสี่ยวหูถามกลับไปในทันที ดวงตาที่สง่างามนั้นกำลังซักไซ้หามูลเหตุ
“เอ่อ…พวกเราได้รับคำสั่งมาครับ เนื่องจากบริเวณเขตป่าต้องการกำลังคนเพิ่ม พวกเราก็เลยมา” หัวหน้ากองทหารที่ 27 พูดด้วยความกังวล
“ฉันพาคนมาเพิ่มด้วยตัวเองแล้ว เพราะงั้นพวกนายกลับไปสำรวจเมืองไคหยุนต่อเถอะ” แม้จะดูไม่คิดอะไร แต่ลึก ๆ แล้วหญิงสาวผู้นี้ก็ไม่ได้ปล่อยวางเรื่องนี้นัก
“ครับ ท่านรองหัวหน้า!” เหล่าสมาชิกกองทหารที่ 27 ดูจะโล่งอกแล้วรีบออกไปจากที่นี่ผ่านจุดเทเลพอร์ตทันที
“คอยสืบดูกองทหารที่ 27 ไว้ให้หน่อย ฉันไม่ไว้วางใจสักเท่าไหร่” หูเสี่ยวหูรีบส่งข้อความลับ ๆ กลับไปหาใครบางคนด้วยสีหน้าที่ไม่ไว้วางใจอย่างที่เธอรู้สึก กองทหารกองนี้ดูจะไม่น่ามีประสงค์ดีแน่ ๆ เธอเดินดูรอบ ๆ จุดเทเลพอร์ตอีกครั้งก่อนจะรีบเดินออกจากเมืองไปเพื่อไปยังเขตป่าต่อ
“โย่ นั่นแม่จิ้งจอกสาวคนสวยนี่? ช่างบังเอิญอะไรขนาดนี้! ฮะฮ่า!”
ทว่าก่อนที่หูเสี่ยวหูจะได้เดินออกไปไกลจากที่เดิมนัก แสงจากจุดเทเลพอร์ตก็สว่างวาบขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ก็เป็นกลุ่มผู้เล่นเผ่าพันธุ์มนุษย์ นำโดย ผู้เล่นชายที่กำลังหัวเราะเสียงดังหลังเห็นหูเสี่ยวหู
“คนจากสัมพันธมิตรแจ็กด์? ทำไมพวกนายถึงไม่อยู่ในจักรวรรดิเอลฟ์แต่มาป้วนเปี้ยนอยู่ในจักรวรรดิออร์คแบบนี้?” จิ้งจอกสาวรู้จักผู้เล่นชายคนนี้ เขาเป็นผู้เล่นระดับสูงของกิลด์สัมพันมิตรแจ็กด์ เพราะงั้นเธอจึงเลือกที่จะชายตามองแทนที่จะหันไปมองตรง ๆ ขณะถาม
แต่ผู้เล่นชายคนนั้นกลับไม่มีโอกาสได้ตอบอะไร เนื่องจากในตอนที่พวกเขาเตรียมจะพูดอะไรสักอย่างนั้น แสงจากแท่นเทเลพอร์ตประจำเมืองก็สว่างขึ้นมาตาม ๆ กัน และผู้ที่ปรากฏตัวออกมาจากแสงสว่างนั้น คือกลุ่มคนและม้าจากหลากหลายกิลด์ที่มารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ทำให้บริเวณจุดเทเลพอร์ตตรงนี้เต็มไปด้วยผู้คนในทันที
“ติดต่อไปยังกองทหารที่ 19 บอกให้พวกเขาพาตัวน้องสาวของเจ้าแห่งฮีลเลอร์กลับเข้ามาในเมืองให้เร็วที่สุด!”
สิ่งนี้มันเกินกว่าจะพูดอะไรแล้ว คนพวกนี้รู้ว่าในเขตป่าเกิดอะไรขึ้น!
การที่ข่าวคราวเรื่องน้องสาวของเจ้าแห่งฮีลเลอร์มาปรากฏอยู่ในจักรวรรดิออร์ครั่วไหลออกไปนอกจักรวรรดิได้ในเวลาเพียงไม่ถึง 10 นาทีนี้ มันก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า จักรวรรดิอื่นได้ส่งสปายเข้ามาอยู่ในกิลด์ภายในจักรวรรดินี้แล้วจริง ๆ!
หลายคนที่ปรากฏตัวมานี้ หูเสี่ยวหูรู้จักพวกเขา คนเหล่านี้มาจากกิลด์ระดับสูง ซึ่งทำให้มั่นใจว่าศัตรูของเธอในคราวนี้จะไม่ใช่พวกเขา ไม่มีใครในที่นี้มาเพื่อทำร้ายน้องสาวของเจ้าแห่งฮีลเลอร์แน่นอน เพราะทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์ล้วนรู้ดีว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์รักน้องสาวขนาดไหน ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ พวกเขาก็อยากจะทำดีกับน้องสาวของอีกฝ่ายมากกว่า
ใครจะอยากเป็นศัตรูกับอับดับ 1 ของโลกกัน จริงไหม?
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หูเสี่ยวหูต้องปวดหัวด้วยเช่นกัน เธอไม่ได้กังวลว่าคนเหล่านี้จะไปทำร้ายน้องสาวของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ แต่เธอกังวลคนที่ไม่ได้อยู่ในนี้ต่างหาก อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วว่าในตอนนี้ ทั่วทั้งเขตหัวหน้าต่างรู้กันดี ถึงวิธีที่จะจัดการเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วที่สุด นั่นก็คือ การเอาน้องสาวของเจ้าแห่งฮีลเลอร์มาเป็นตัวลั่นไกการโจมตีจากเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ในนามของกิลด์คู่อาฆาต ทั้งนี้ก็เพื่อให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์เข้าใจผิด แล้วไปล้างแค้นกับกิลด์ที่เคราะร้ายกิลด์นั้นแทน!
ดังนั้นแล้ว การที่เห็นผู้คนมากมายต่างหลั่งไหลกันเข้ามาที่เมืองนี้ มันทำให้ความวุ่นวายกลืนกินความผู้คนจนแทบจะแยกไม่ออกแล้วว่าใครเป็นใคร ยิ่งวุ่นวาย ความกังวลก็ยิ่งก่อตัวหนาขึ้น ในขณะที่ความปลอดภัยของน้องสาวเจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็จะยิ่งไม่แน่นอน เช่นนั้นแล้ว จิ้งจอกสาวจึงทำได้เพียงลากและรวมผู้คนเหล่านี้ไว้ที่จุดเทเลพอร์ต กันไม่ให้เขาออกไปจากเมืองไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม เธอต้องซื้อเวลาเพื่อให้กิลด์วูล์ฟหาตัวน้องสาวเจ้าแห่งฮีลเลอร์เจอก่อน ด้วยเหตุนี้ เธอจึงรีบสั่งการให้คนติดต่อกองทหารที่ 19 และให้พวกเขาพาน้องสาวเจ้าแห่งฮีลเลอร์กลับเข้ามาอยู่ในเขตปลอดภัยภายในเมืองโดยเร็ว
ทว่าสิ่งที่กองทหารที่ 19 ตอบกลับมานั้นกลับทำให้หูเสี่ยวหูวิตกกังวลยิ่งกว่าเดิม
น้องสาวเจ้าแห่งฮีลเลอร์และคนที่มาด้วยกำลังถูกผู้เล่นคนอื่นโจมตี!