บทที่ 391 ฆ่าไม่เว้น

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 391 ฆ่าไม่เว้น
จ้าวเทียนจียิ้มและกล่าว “พี่ใหญ่ พี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย”

“งานเลี้ยงอาหารค่ำ ผมกับพี่รองได้พบกับฉินเทียน คำพูดของเขาในตอนนั้นทำให้ผมจดจำได้อย่างลึกซึ้ง”

“ดูเหมือนว่าความหมายของเขาคือต้องการปกป้องหลิวชิงเหยา”

“ตระกูลจ้าวของเรานั้นอาจหาญทำร้ายหลิวชิงเหยา เขาจึงขับไล่ตระกูลจ้าว”

“ผมมองออก เขาไม่ได้พูดล้อเล่น ดังนั้นเพื่อหลิวชิงเหยา เขาจะต้องลงมืออย่างแน่นอน”

“เขาไม่ต้องการให้หลิวชิงเหยาตกไปอยู่ในเงื้อมมือคนบ้าคลั่งอย่างจ้าวเฟิง”

“จากประเด็นนี้ผมสามารถยืนยันได้ว่าฉินเทียนนั้นไม่ใช่คนที่คอยบงการเรื่องชั่วที่อยู่เบื้องหลังจ้าวเฟิง”

จ้าวเทียนเผิงรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก

หลิวชิงเหยาแต่งงานเข้าตระกูลจ้าว ต้องการยืมมือตระกูลจ้าวกำจัดฉินเทียนล้างแค้นให้กับการฆาตกรรมของพ่อ

ส่วนฉินเทียนนั้นต้องการปกป้องหลิวชิงเหยา เพื่อความปลอดภัยของหลิวชิงเหยา เขาไม่ลังเลที่จะกำจัดและขับไล่ตระกูลจ้าว

นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม จ้าวเทียนเผิงรู้ว่าการไปหาฉินเทียนนั่นคือทางออกเดียวของเขาในเวลานี้

อย่างน้อยประเด็นการปกป้องหลิวชิงเหยา เขาและฉินเทียนนั้นมีความคิดเช่นเดียวกัน

“โอเค!”

“น้องสาม นายพักผ่อนให้ดีเถอะ ฉันจะไปหาฉินเทียนเดี๋ยวนี้!” เมื่อกัดฟันเอ่ยประโยคนั้นแล้วจ้าวเทียนเผิงก็ก้าวเท้าเดินจากไป

ขณะนี้ เป็นเวลากลางดึก

หลังเกิดความโกลาหล ในที่สุดทั้งเมืองก็เงียบสงบลง

ภายในความเงียบ วันรุ่งขึ้นไม่รู้ว่าการแสดงออกนั้นจะเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่หรือความเศร้าโศกที่ยิ่งใหญ่กันแน่

จ้าวเฟิงและคนอื่นคิดว่าพวกเขาจะต้องคว้าชัยชนะอย่างแน่นอน เช่นนั้นพวกเขาต่างก็พักผ่อนกันแล้ว พวกเขาต้องเก็บแรงเพื่อที่จะคว้าชัยการสู้รบในวันพรุ่งนี้

จ้าวเทียนเผิงมายังโรงแรมที่ฉินเทียนกำลังพักอาศัยอยู่ด้วยตัวเขาเพียงคนเดียว

ฉินเทียนยังไม่ได้นอนเอนกายพักผ่อนบนเตียง ทว่ากำลังนั่งขัดสมาธิเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจอยู่บนโซฟา

เมื่อเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ทางเดิน เขารับรู้ได้ในทันใด

เสียงฝีเท้านั้นหนักแน่น กล่าวได้ว่าคนที่มาเยือนนั้นเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้

ขณะเดียวกัน เขาได้ยินเสียงลมหายใจที่ถี่ระรัว บ่งบอกว่าคนที่มาเยือนกำลังร้อนใจเป็นอย่างมาก

ในที่สุด เสียงฝีเท้าก็หยุดลงหน้าประตู

ราวกับว่าลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“คุณฉิน คุณพักผ่อนแล้วหรือเปล่า?”

“ผมจ้าวเทียนเผิงแห่งตระกูลจ้าว มีเรื่องอยากจะพบคุณ”

เสียงทุ้มต่ำเป็นอย่างมาก แต่สามารถรับรู้ได้ถึงความนอบน้อมและจริงใจ

อืม?

ตระกูลจ้าว จ้าวเทียนเผิง?

สำหรับชื่อนี้ฉินเทียนนั้นไร้ซึ่งความประทับใจ เขารู้เพียงแค่ว่าเจ้าบ้านของตระกูลจ้าวคือจ้าวเทียนเล่อและจ้าวเทียนจี

“ผมคือพี่ใหญ่ของจ้าวเทียนเล่อ” ด้านนอกประตูมีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง

พี่ใหญ่ของจ้าวเทียนเล่อ? นายใหญ่แห่งตระกูลจ้าว?

ฉินเทียนรู้สึกสับสนเล็กน้อย ไม่รู้ว่านายใหญ่ท่านนี้มาหาเขาด้วยเหตุอันใดในเวลาดึกดื่นค่อนคืน

“เข้ามาเถอะ ประตูไม่ได้ล็อค” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

จ้าวเทียนเผิงทอดถอนหายใจจากนั้นผลักประตูเข้าไป

ภายในห้อง มีแสงสลัว หลังจากที่เขาสามารถปรับสายตาและมองเห็นได้อย่างละเอียด เขาเห็นว่าฉินเทียนนั้นกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟา

ใบหน้าของฉินเทียนสงบนิ่ง จ้องมองเขาด้วยความเงียบ

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด เมื่อมองดวงตาคู่นั้นของฉินเทียน ฉับพลันอารมณ์ของจ้าวเทียนเผิงก็สงบลง

เขาฟื้นคืนภาพลักษณ์นายใหญ่แห่งตระกูลจ้าวที่สุขุมและมากด้วยประสบการณ์

เขาขยับเก้าอี้และนั่งลงตรงข้ามฉินเทียน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาเอ่ย “คุณฉิน มีเรื่องบางอย่าง ผมอยากจะถามคุณ”

ฉินเทียน “ว่าไงครับ”

จ้าวเทียนเผิง “คุณรู้หรือไม่ ค่ำคืนนี้ตระกูลจ้าวเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ฉินเทียนกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “เรื่องราวภายในตระกูลจ้าวของพวกคุณ ผมไม่ได้สนใจ”

“สาเหตุที่ผลมาปรากฏตัวที่นี่ เป็นเพราะอยากจะดูว่าพวกคุณตระกูลจ้าวต้องการทำอะไรกับหลิวชิงเหยากันแน่”

“รวมถึงการนำห้าเมืองที่พวกคุณพ่ายแพ้ให้แก่ผมไปด้วย”

จ้าวเทียนเผิงเลิกคิ้ว “คุณเป็นกังวลเกี่ยวกับหลิวชิงเหยางั้นเหรอ?”

“คุณกับเธอไม่ใช่ว่ามีความเคียดแค้นเรื่องการฆาตกรรมพ่อหรอกเหรอ?”

“หรือว่าคุณไม่รู้ เหตุที่หลิวชิงเหยายินดีแต่งงานเข้าตระกูลจ้าว เป็นเพราะคิดอยากยืมพลังอำนาจของตระกูลมาฆ่าคุณ?”

ฉินเทียนนิ่งเงียบ

ลังเลครู่หนึ่งและเอ่ย “นี่คือเรื่องส่วนตัวของผม”

“แต่ทว่ามีบางอย่างอยากจะให้พวกคุณตระกูลจ้าวเชื่อเอาไว้ หากพวกคุณกล้าทำร้ายหลิวชิงเหยา ผมจะทำให้ตระกูลจ้าวทั้งตระกูลเลือนหายไปจากโลกใบนี้”

ร่างกายของจ้าวเทียนเผิงสั่นเทาอย่างอดไม่ได้

น้ำเสียงและคำพูดของฉินเทียนนั้นสงบเป็นอย่างมาก ทว่ากลับมอบความรู้สึกกดขี่ขมเหงและบีบบังคับให้เขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ทั้งชีวิตของเขาได้พบเจอกับผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็รู้ได้ว่าฉินเทียนนั้นไม่ได้พูดเล่น

หลังจากที่เขาสามารถยืนยันได้แล้ว เขาเองก็ผ่อนคลายลง

เป็นเพราะเขารู้แล้ว เขามาหาถูกคนแล้ว

เขาทอดถอนหายใจและเอ่ย “คุณฉิน คุณรู้หรือไม่ พวกเราตระกูลจ้าว ภายในชั่วข้ามคืนถูกกวาดล้างจนสิ้น”

“คุณพูดอะไรนะ?” ฉินเทียนตกตะลึงไปชั่วขณะ ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

นอกจากเขา ยังมีใครอีกที่กล้าลงมือกับตระกูลจ้าว?

และยิ่งไปกว่านั้น เพียงชั่วข้ามคืน ตระกูลจ้าวถูกกวาดล้าง?

จ้าวเทียนเผิงกัดฟันแน่นและเอ่ย “ตอนนี้เจ้าบ้านจ้าวเทียนเล่อ ทายาทจ้าวซวู่ ทั้งสองตายหมดแล้ว”

“น้องสามของผมหนีรอดจากความตายมาได้ แต่ทว่าลูกชายของเขาจ้าวข่ายก็เสียชีวิตอย่างอนาถ!”

ฉินเทียนทอดถอนหายใจ มองจ้าวเทียนเผิงและกล่าว “ดังนั้นแล้วคุณสงสัยว่าผมเป็นคนทำ คุณเลยมาแก้แค้นงั้นสิ?”

“ไม่ใช่!”

“การที่จ้าวเทียนเผิงมาที่นี่ หาใช่มาเพื่อแก้แค้นไม่ เพียงแต่มาขอร้องให้คุณฉินให้ความร่วมมือ พิธีแต่งงานในวันพรุ่งนี้ ช่วยพวกเราตระกูลจ้าวขุดรากถอนโคนคนทรยศ!”

ครั้นเห็นว่าฉินเทียนไม่เข้าใจ จ้าวเทียนเผิงก็ใช้น้ำเสียงต่ำบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

หลังจากที่ฟังจบ แม้กระทั่งคนอย่างฉินเทียนเองก็นิ่งงันและพูดไม่ออกอยู่เนิ่นนาน

เขาคิดไม่ถึงเลย ภายในตระกูลจ้าวจะเกิดเรื่องราวที่ใหญ่โตเช่นนี้

บุตรนอกสมรสคนหนึ่ง จะใช้ประโยชน์จากการแข่งขันระหว่างพ่อลูกจ้าวเทียนเล่อและพ่อลูกจ้าวเทียนจี จุดศูนย์กลางการไกล่เกลี่ย โค่นพวกเขาให้ล้มลงภายในคราเดียว

เดิมทีเรื่องนี้เป็นเรื่องของตระกูลจ้าว อ้างอิงจากเหตุและผลแล้วฉินเทียนนั้นเป็นคนนอก ไม่ควรเข้ามาแทรกแซง

ทว่า เมื่อได้ฟังข่าวว่างานแต่งในวันพรุ่งนี้จ้าวเฟิงจะแต่งงานกับหลิวชิงเหยา เขาไม่สามารถระงับความโกรธที่อยู่ภายในใจได้เลย!

“พวกคุณตระกูลจ้าวเห็นหลิวชิงเหยาเป็นอะไร?”

“ใครคิดอยากจะแต่งก็สามารถแต่งได้งั้นเหรอ?”

จ้าวเทียนเผิงรีบกล่าว “พูดตามตรงไม่ปิดยัง ผมและแม่ของหลิวชิงเหยา คุณหลินหลง ก็เคยมีอดีตร่วมกัน”

“ผมได้รับความไว้วางใจจากหลินหลงแล้วก็ต้องปกป้องหลิวชิงเหยา เพียงแต่คาดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะเกิดเรื่องแบบนี้”

“ข้างกายจ้าวเฟิงมีองครักษ์หกคน และเป็นไปตามคาด เบื้องหลังนั้นยังมีพลังอำนาจที่ลึกลับสนับสนุนอยู่”

“เช่นนี้ เพียงอาศัยอำนาจของตระกูลจ้าวของผมก็ไร้หนทางที่จะพลิกเกมได้”

“ตอนนี้ ทำได้เพียงแค่ร้องขอให้คุณฉินลงมือด้วย!”

“ตราบใดที่คุณฉินช่วยเราปราบกบฏ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงห้าเมืองเลย ต่อให้สิบเมืองผมก็จะมอบให้แก่คุณ”

“นับตั้งแต่นี้ ตระกูลจ้าวทั้งหมดซาบซึ้งในบุญคุณของคุณฉิน!”

เพื่อแสวงหาความไว้วางใจจากฉินเทียน จ้าวเทียนเผิงไม่กลัวความอับอาย เล่าเรื่องราวความรักในอดีตระหว่างเขาและหลินหลงออกมา

ฉินเทียนคาดไม่ถึงเลย นายใหญ่ที่เป็นคนสมรรถะแห่งตระกูลจ้าว จะมีเรื่องราวเช่นนี้กับยู่หลิงหลง

เมื่อเอ่ยเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะราชาเป่ยเจียงคนเก่าถูกทำร้ายอย่างกะทันหัน หลิวเช่อหนีออกมา เช่นนั้นแล้วยู่หลิงหลงก็จะเป็นภรรยาของจ้าวเทียนเผิง?

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฉินเทียนมองออก จ้าวเทียนเผิงนั้นเป็นคนที่ซื่อสัตย์และภักดี

อีกทั้งความรักที่มีต่อหลิวชิงเหยานั้นก็ไม่ได้ว่างเปล่า

สำหรับสิ่งที่จ้าวเทียนเผิงกล่าว เบื้องหลังจ้าวเฟิงมีพลังอำนาจที่ลึกลับแฝงตัวอยู่ ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนผู้นั้นที่แข่งขันดาบจุยเฟิง

นักมีดบ้าคลั่งแห่งตะวันตกเฉียงเหนือ เจี๋ยโกว

สำหรับภูมิหลังและที่มาของเจี๋ยโกว เขาได้เดาไว้แล้ว

ในตอนนี้ เมื่อมองทะลุผ่านเรื่องราวที่น่าฉงนเหล่านี้ ราวกับว่าฉินเทียนสามารถมองเห็นคนที่แฝงตัวทำเรื่องชั่วอยู่เบื้องหลังแล้ว

เขาเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดยักษ์กินคน หลบซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง รอคอยกลืนกินผลลัพธ์อย่างเงียบๆ

นัยต์ตาของฉินเทียนมีความรู้สึกซับซ้อนปรากฏขึ้น

“คุณวางใจ ในงานแต่งวันพรุ่งนี้ จ้าวเฟิงไม่มีทางบรรลุผลอย่างแน่นอน”

“ส่วนคนชั่วที่อยู่เบื้องหลัง หากกล้าปรากฏตัว ผมก็จะฆ่าไม่เว้น”

บทที่ 390 คนที่อยู่เบื้องหลัง

บทที่ 392 การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด