บทที่ 27 พี่ชายที่ดีควรจะเป็นเช่นนี้ ! (ปลาย)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 27 พี่ชายที่ดีควรจะเป็นเช่นนี้ ! (ปลาย)

พวกเขาเดินทางเกือบครึ่งชั่วยาม แต่ก็ยังไม่พ้นเขตเเดนของเมืองชิงเลย ด้วยความเร็วปัจจุบันของพวกเขาแล้ว มันคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสี่หรือห้าวันในการไปถึงเมืองหมื่นภูผา !

เยี่ยฉวนไม่เลือกที่จะเร่งการเดินทางของพวกเขา เพราะว่ามันกำลังมืดค่ำและเขาก็ไม่กล้าขับรถม้าเข้าไปในภูเขาอันห่างไกลพร้อมกับน้องสาวในยามดึกดื่นเช่นนี้

หากชายหนุ่มอยู่ตัวคนเดียว เขาก็คงไม่กลัว เยี่ยฉวนเคยสู้กับคนหลายคนในป่าเขาเช่นนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามโดยที่มีน้องสาวอยู่ข้าง ๆ!

บนท้องฟ้า ดวงจันทร์และดวงดาวส่องสว่างอยู่ไกล ๆ

ข้างกองไฟ เยี่ยฉวนกับเยี่ยหลิงกำลังนั่งอยู่ด้วยกัน เหนือกองไปขึ้นไปเป็นไก่ที่ย่างกึ่งสุกกึ่งดิบที่หลีอวี๋กับคนอื่น ๆ เตรียมไว้ในรถม้าให้พวกเขา

เหลือบมองไปรอบ ๆ แล้ว เยี่ยหลิงก็พลันพบว่านอกเหนือจากบริเวณที่พวกเขาอยู่ รอบด้านก็ช่างดูมืดมิดนักเนื่องจากจันทราบนท้องฟ้าถูกเมฆดำปกคลุมแล้วในตอนนี้

บริเวณรอบด้านช่างเงียบสงัดจนน่าเเปลก !

เยี่ยหลิงกอดเยี่ยฉวนไว้แน่น ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นจึงหันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้พลางเอ่ย “อย่ากลัวไปเลย !”

เอ่ยดังนี้แล้ว เขาก็เหลือบมองรอบด้านและเอ่ยต่อ “บรรยากาศโดยรอบช่างชวนคิดถึงอะไรเช่นนี้ !”

ช่างชวนคิดถึง !

นับตั้งแต่ที่เขากลายเป็นผู้สืบทอด ในฐานะตัวแทนของตระกูลเยี่ย มันจึงทำให้เขาจำต้องแก่งแย่งกับตระกูลอื่นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสนามต่อสู้ของพวกเขามักอยู่ลึกเข้าไปในป่าภูเขาเช่นนี้ จึงอาจกล่าวได้ว่าชายหนุ่มคุ้นเคยกับป่าเขาลำเนาไพรไม่น้อย อีกทั้งเขายังคุ้นเคยกับการต่อสู้แบบถึงเป็นถึงตายกับศัตรูในที่มืดยิ่ง !

เยี่ยหลิงมองเยี่ยฉวนพลางเอียงศีรษะและเอ่ยขึ้น “ท่านพี่ ข้าไม่กลัวหรอกเจ้าค่ะ หากมีท่านอยู่ที่นี่ !”

เยี่ยฉวนลูบศีรษะเล็กของเยี่ยหลิงเบา ๆ “ดีเเล้วที่เจ้าไม่กลัว เจ้าน่าจะจำได้นะว่าหากให้ฟ้าถล่ม ท่านพี่ของเจ้าคนนี้ก็จะคว้ามันไว้เป็นคนแรก !”

เยี่ยหลิงยิ้มหวาน

หลังสองพี่น้องจัดการไก่ย่างเสร็จแล้ว เยี่ยหลิงก็หลับไปอย่างรวดเร็ว

เยี่ยฉวนอุ้มเยี่ยหลิงเข้าไปในรถม้า จากนั้นเขาก็นั่งขัดสมาธิและเข้าสู่หอคอยโลกเรือนจำ

การต่อสู้ที่ชายหนุ่มปะทะกับอันหลานซิ่วก่อนจะออกจากตระกูลเยี่ยทำให้เขามีความรู้ความเข้าใจลึกซึ้งมากขึ้น !

หลังเห็นความเร็วของคู่ต่อสู้ ความสามารถในการตอบสนอง และการระมัดระวังภัย ชายหนุ่มก็พบว่าตัวเขาเองยังมีข้อบกพร่องอยู่อีกหลายจุดทีเดียว

เยี่ยฉวนไม่ได้ฝึกกับเงาลวงเช่นครั้งก่อน แต่กลับเอาแต่ระลึกถึงรายละเอียดทุกอย่างในการต่อสู้กับอันหลานซิ่วเมื่อก่อนหน้านี้ !

ในตอนแรกเขาเพียงระลึกถึง แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มจินตนาการว่าอันหลานซิ่วจะทำอะไรต่อไป…

อาจกล่าวได้ว่าเขากำลังเรียนรู้จากอันหลานซิ่วและยังคิดทบทวนถึงทางเลือกก่อนหน้าในเรื่องของเวลาและองศาของการแทงกระบี่อีกด้วย

หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วยาม เยี่ยฉวนพลันลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เริ่มฝึกเพลงกระบี่ !

ฝึกด้วยตัวคนเดียว !

ไม่ใช่สิ ต้องกล่าวว่าเขากำลังจินตนาการถึงศัตรูที่เหมือนกับอันหลานซิ่ว !

เขาไม่รู้ว่ามันใช้เวลานานเท่าใด เยี่ยฉวนพลันโยนกระบี่ลงและนั่งบนพื้นด้วยรอยยิ้มบางผุดบนริมฝีปาก

“เจ้าได้เรียนรู้อะไรบ้างหรือไม่ ?” สตรีลึกลับเอ่ยออกมาจากที่ใดไม่อาจทราบได้

เยี่ยฉวนพยักหน้า “ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ระหว่างนางกับข้า การโจมตีกระบี่แรกไม่ควรเป็นเช่นนั้น ทันทีที่การโจมตีในหนแรกของข้าล้มเหลว ข้าก็ถูกสยบหลังจากนั้น หากข้าไม่ตัดสินใจขว้างกระบี่ของข้าออกไปทันที ข้าคงไม่มีโอกาสที่จะสู้กลับ !”

สตรีลึกลับเอ่ย “เจ้าเข้าใจเรื่องนี้แล้ว ดีมาก !”

เยี่ยฉวนเหลือบมองนาง “ผู้อาวุโส ท่านรู้เรื่องนี้มานานแล้วใช่หรือไม่ ?”

สตรีลึกลับเอ่ย “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าหากเจ้ารู้มันแล้ว ? มีเพียงการทำความเข้าใจในบางเรื่องด้วยตัวเองเท่านั้นที่มันจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า มันจะไม่มีความหมายอะไรเลยหากเรื่องนั้นมีผู้อื่นเป็นคนบอก !”

เยี่ยฉวนพยักหน้าเบา ๆ “ข้าจะจำไว้ขอรับ !”

หลังฝึกวิชาครู่หนึ่ง เยี่ยฉวนก็ออกจากหอคอยโลกเรือนจำ เขาเหลือบมองเยี่ยหลิงที่ยังนอนกรนพลางยิ้มอ่อนโยน จากนั้นก็ก้าวออกจากรถม้า

ในตอนนี้เป็นเวลากลางดึกแล้ว !

ฉับพลันนั้นเอง จู่  ๆ คิ้วของเยี่ยฉวนก็ขมวดเข้าหากัน เขาหันหน้าไปทางขวา ด้วยที่ตรงนั้นมีเสียงฝีเท้าก้าวอย่างเร่งรีบใกล้เข้ามา !

จากนั้นสตรีคนหนึ่งก็ปรากฏกายตรงหน้าเยี่ยฉวน !

สตรีผู้นี้มีอายุราวยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกปี นางมีใบหน้างดงามยวนยั่ว สวมชุดกระโปรงรัดรูปอวดทรวงอกขาวอวบอิ่ม หากแต่บนร่างของสตรีผู้นี้มีบาดเเผลจำนวนมาก !

เห็นเยี่ยฉวนแล้ว สตรีผู้นี้ก็นิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ชั่วพริบตาเดียวนางก็พลันวิ่งมาอยู่ข้างเยี่ยฉวน “คุณชาย มีคนต้องการฆ่าข้า โปรดช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ !”

ว่าแล้วนางก็ยึดแขนของเยี่ยฉวนไว้ด้วยมือทั้งคู่ จากนั้นเยี่ยฉวนพลันรู้สึกถึงสัมผัสนุ่มนิ่มแตะบนแขนของเขา

…สตรีผู้นี้เอาแต่ถูไถทรวงอกมหึมาของนางเข้ากับแขนของเยี่ยฉวนไม่หยุด

ทันใดนั้นเอง คน 3 คนก็ปรากฏตัวฉับพลันในบริเวณใกล้เคียง มีชายกลางคนที่ถือมีดยาวเป็นหัวหน้า โดยที่อีกสองคนที่เหลือเป็นชายชราคู่หนึ่ง

เห็นคนทั้งสามแล้ว หัวใจของเยี่ยฉวนพลันหยุดเต้น ดูจากลมปราณของชายกลางคนที่เป็นหัวหน้าแล้ว เขามีพลังอย่างน้อยในขั้นหลอมรวมลมปราณ ส่วนชายชราอีกสองคนก็มีขุมพลังถึงระดับผสานลมปราณแล้วเช่นเดียวกัน !

ชายกลางคนมองเห็นเยี่ยฉวนในตอนนี้เช่นกัน ซึ่งเมื่อเห็นชายหนุ่มเข้า พวกเขาทั้งสามก็ต้องย่นคิ้วเข้าหากันในพลัน

ชายกลางคนจ้องมองเยี่ยฉวนและกล่าวขึ้น “เจ้าเป็นใคร ?”

ก่อนที่เยี่ยฉวนจะตอบกลับ สตรียั่วยวนผู้นั้นพลันเอ่ยขึ้น “ข้าได้ของมาแล้ว ท่านหยุดพวกเขาไว้และเจอกันในที่ที่เราเคยเจอนะ !”

เมื่อนางพูดจบนางก็หันหลังและเตรียมออกวิ่ง และก็เป็นในตอนนี้เองที่เยี่ยฉวนซึ่งอยู่ข้างกายนางพลันยกเท้าขึ้นเตะขัดขาหญิงสาวผู้นี้เอาไว้

สีหน้าของสตรียั่วยวนเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน นางไม่คิดเลยว่าเยี่ยฉวนจะลงมือในทันที นางรีบสกัดด้านข้างไว้ด้วยการยื่นสองมือมาไว้ข้างหน้า

ผลั่ก !

ทั้งร่างของสตรียั่วยวนลอยกระเด็นไปหลายจั้งจากลูกเตะของเยี่ยฉวน

อีกฝั่งหนึ่ง คนทั้งสามที่กำลังจะวิ่งมาหาเยี่ยฉวนก็แต่ได้นิ่งอึ้งไป

เยี่ยฉวนเหลือบมองสตรียั่วยวนและเอ่ยถามเสียงเครียด “ที่ที่เราเคยเจออย่างที่เจ้าพูดคือที่ไหนกันแน่ ? พูดออกมาให้ชัดกว่านี้ได้ไหม ข้าเกรงว่าข้าคงหลงทางก่อนที่จะไปถึงสถานที่แห่งนั้น !”