ตอนที่ 320 ชีวิตเป็นมากกว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า / ตอนที่ 321 ฉันคิดว่านายเป็นผู้ชาย

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 320 ชีวิตเป็นมากกว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า

ชุยหังถามด้วยความอดทนเกี่ยวกับสุขภาพของคุณยายอีกครั้ง เขาไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเองด้วย

ชุยหังรู้สึกว่าฝ่ายบริการลูกค้าคนก่อนหน้านี้ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เขาพูดและทำให้คุณยายคนนั้นขุ่นเคืองใจจนทำให้ก่อนหน้านี้คุณยายอารมณ์ไม่ดี ไม่อย่างนั้นจะมีความเห็นอย่างนั้นได้อย่างไร

ชุยหังไม่รู้ตัวว่าตัวเองคุยกับเธอมานานแล้ว หลังจากนั้นชุยหังจึงบอกกับเธอว่าเขาจะรับหน้าที่ให้คำแนะนำหลังการขายกับเธอด้วยตัวเอง

คุณยายคนนั้นรู้สึกดีใจมาก เธอรู้สึกว่าชุยหังค่อนข้างจริงใจ

ตลอดทั้งวันชุยหังได้พบกับคนหลากหลายประเภท

เขารู้สึกว่าคนเหล่านี้สามารถสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบชีวิตที่หลากหลาย องค์ประกอบของครอบครัวที่แตกต่างกันหรือแม้แต่ภูมิภาคก็แตกต่างกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง แต่บ้านเกิดของพวกเขาส่วนใหญ่มาจากที่อื่น

นอกจากนี้ยังมีวิศวกรคนหนึ่งที่เคยสร้างทางรถไฟชิงไห่-ทิเบตตอนที่ก่อตั้งประเทศ ปีนี้เขาอายุมากกว่าแปดสิบปีแล้ว แต่สุขภาพของเขายังแข็งแรงดีมาก

ตอนที่คุยกับหลูจื้อในตอนกลางคืน หลูจื้อบอกให้เขาทำดีกับคนสูงอายุเหล่านี้หน่อย เขาไม่ต้องการให้ชุยหังสนใจว่าจะได้เงินเท่าไหร่และไม่อยากให้ทำเพื่องานขายของตัวเองเพียงอย่างเดียว เพียงแค่ปล่อยให้พวกเขาพิจารณาเองว่าตัวเองต้องการสินค้านี้หรือไม่และซื้อตามกำลังซื้อของตนเองก็พอ

ชุยไม่ได้คัดค้านอะไรเพราะเขาเองก็คิดแบบนั้น

หลังจากที่ทำความคุ้นเคยกับลูกค้าเหล่านี้แล้ว สุดท้ายแล้วชุยหังก็ได้เรียนรู้ว่าคุณยายที่สนทนากับเขาเป็นเวลานานในวันนั้นมาจากเหอเป่ยซึ่งเคยทำงานในหน่วยงานรัฐมาก่อนและลูกชายของเธอเป็นรองประธานของบริษัทหัวเว่ยและตอนนี้อาศัยอยู่ที่เมืองเสินเจิ้นตรงข้ามกับวินโดว์ออฟเดอะเวิลด์ เป้นเจ้าของตึกสามแห่ง และลูกชายคนเล็กก็เพิ่งกลับมาจากเรียนปริญญาเอกที่ต่างประเทศ สามีของเธอปีนี้อายุ 70 ปีเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทญี่ปุ่นสามแห่ง เขาบินไปญี่ปุ่นทุกอาทิตย์และกลับมาทุกวันหยุดสุดสัปดาห์

ไม่คิดเลยว่าคุณยายท่านนี้จะมีความสามารถขนาดนี้ ชุยหังรู้สึกว่าลูกค้าเหล่านี้เป็นเสือซุ่มมังกรซ่อนจริงๆ

แน่นอนว่ายังมีลูกค้าบางรายที่ทำให้ชุยหังรู้ว่าชะจากรรมของพวกเขาน่าสงสาร มีผู้หญิงคนหนึ่งแซ่โจว ซึ่งสามีของเธอทำงานอยู่ต่างประเทศ หลังจากที่แม่สามีของเธอเสียชีวิตได้เหลือบ้านไว้ให้พวกเขา แต่ครอบครัวของพี่ชายสามีไม่เห็นด้วย เขามักไปเคาะประตูหาเรื่องพวกเขาที่บ้านและยุยงให้ลูกของพวกเขามาตีลูกของเธอ ชุยหังรู้สึกโกรธมากที่ได้ฟังแต่กลับทำอะไรไม่ได้

เขาเป็นเพียงพนักงานบริการลูกค้า เมื่อได้ฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ของคนเหล่านี้ แต่เขากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เขาเล่าเกี่ยวกับคนที่ตัวเองได้ติดต่อด้วยให้หลูจื้อฟังทุกวันและหลูจื้อมักจะปลอบใจเขาทุกครั้งว่า ไม่ต้องเก็บเรื่องต่างๆ ทั้งหมดมาใส่ใจ

บางคนก็มีชีวิตแบบนั้น หลังจากที่ทุกข์พวกเขาก็จะมีความสุข ใครบ้างที่ไม่เคยต้องมีเรื่องทุกข์ใจเลย

อย่างไรก็ตามหลูจื้อยังคงพยายามติดต่อคนที่ตัวเองรู้จักและติดต่อตำรวจที่นั่นแล้ว

ครอบครัวที่รังแกผู้หญิงคนนั้นเป็นพี่เขยที่ทำงานหาเช้ากินค่ำอยู่ใกล้ๆ พวกเขา ไม่มีใครกล้ายุ่งกับพวกเขา แต่ครั้งนี้พวกเขากำลังเดือดร้อน

ต่อมาเมื่อผู้หญิงคนนั้นได้คุยกับชุยหัง ชุยหังก็ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นความคิดของเขา เขาแค่บอกกับเธอว่าคนที่ทำอะไรไว้ สวรรค์มองเห็น แต่สำหรับคนไม่ดี ยังไงพระเจ้าก็ทนดูไม่ได้

เวลาผ่านไปเพียงพริบตาชุยหังอก็ยู่ที่บริษัทนี้เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว ตอนที่หลูจื้อกลับมา เขาถือเสื้อผ้าและรีบเดินออกไปโดยที่เวลากินข้าวก็ไม่มี

เมื่อนับเวลาดูก็พบว่าชุยหังอยู่ในห้องนี้คนเดียวเป็นเวลานานแล้ว

ชีวิตเป็นสิ่งที่มากกว่าที่เห็นตรงหน้า บางเรื่องก็ทำให้ความรักของพวกเราผ่านไปได้อย่างราบรื่น

ถ้าหากสามารถอดทนต่อบททดสอบได้ก็สามารถอยู่ด้วยกันได้ไปทั้งชีวิต ถ้าหากทนไม่ได้ก็มักจะแยกทางกันไป

ชุยหังยังคงมั่นคงต่อหัวใจของเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็จะมีหลูจื้ออยู่ในใจ หลังจากนั้นทุกคืนที่เขาโทรหาหลูจื้อ ถือเป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในวันนั้น

ตอนที่ 321 ฉันคิดว่านายเป็นผู้ชาย

ในที่สุดก็ถึงเวลาช่วงโปรโมชั่นของบริษัท ทุกโปรโมชั่นจะมีการโปรโมทในรายการทีวีและรายการวิทยุอย่างจริงจัง ทุกครั้งที่ซื้อผลิตภัณฑ์สามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์อื่นได้อีกหนึ่งชิ้นและยังมีส่วนลดให้ด้วย

เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าอย่างชุยหังก็จะแจ้งให้ลูกค้าของตังเองเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อให้มาซื้อผลิตภัณฑ์จำนวนมากและให้ฝากเบอร์โทรของตัวเองไว้ ไม่อย่างนั้นพวกจะไม่สามารถรับผลประเมินการทำงานได้

แน่นอนว่าพวกเขาไม่บอกลูกค้าเกี่ยวกับบเรื่องนี้

เมื่อพูดถึงเรื่องการใช้เงิน หลายๆ คนเริ่มที่จะลังเลเพราะไม่ใชช่ทุกคนที่จะมีเงินมากพอที่จะซื้อสินค้าแพงๆ แบบนี้ พวกเขาเกือบทั้งหมดมาเข้าร่วมกิจกรรมก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงยังมีสินค้ามากมายอยู่ที่บ้าน ถ้าหากซื้อไปอีกก็คงกินไม่หมด

ขั้นตอนการโทรแจ้งข่าวของชุยหังนั้นค่อนข้างราบรื่นและเสียงที่ฝ่ายดูแลคุณภาพเก็บรวบรวมไว้ก็ทำได้ค่อนข้างดี ซึ่งมีการแจ้งข่าว อธิบายเกี่ยวกับโรค บอกผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์และโน้มน้าวให้ซื้อสินค้า และนอกจากนี้ยังมีการป้องกันไม่ให้ลูกค้าถูกหลอกในการซื้อสินค้าที่ส่งทางไปรษณีย์ เนื่องจากสินค้าของพวกเขามีจำหน่ายเฉพาะในร้านเท่านั้น

ก่อนหน้านี้มีคุณยายคนหนึ่งเชื่อนักต้มตุ๋นที่โทรมาหาและหลอกว่าเป็นอาจารย์คนนั้นที่อธิบายในทีวี โดยพูดเกี่ยวโรคของเธอและออกใบสั่งยาให้โดยหลอกเอาเงินไปแปดพันหยวนหยวน แต่สินค้าที่ส่งมาให้ทางไปรษณีย์คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสองห่อ

แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับชุยหัง แต่ต้องมีใครสักคนในบริษัททำข้อมูลของลูกค้ารั่วไหล ไม่อย่างนั้นนักต้มตุ๋นไม่มีทางรู้หมายเลขโทรศัพท์ของลูกค้าและอาการป่วยของลูกค้าอย่างละเอียดแบบนี้

ชุยหังเกลียดนักตุ้มตุ๋นเหล่านี้จนรู้สึกคันฟัน แต่ไม่สามารถทำอะไรได้

ขณะที่เขากำลังโทรศัพท์อยู่เกิดเรื่องที่ทำให้เขาหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ถูก เมื่อเขาโทรหาคุณป้าคนหนึ่งบอกอีกฝ่ายว่าถ้ามีคนโทรมาแอบอ้างเป็นอาจารย์หรือพนักงานบริการหลังการขายอย่าไปเชื่อทันที ต้องดูหมายเลขโทรศัพท์ให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยเชื่อคนที่โทรมา

ด้วยเหตุนี้อีกฝ่ายจึงบอกว่าครั้งที่แล้วมีผู้ชายคนหนึ่งโทรมาหาเธอและบอกว่าเขาเป็นพนักงานใหม่และครั้งหน้าจะรับผิดชอบให้บริการเธอเอง

ชุยหังบอกกับเธอตามตรงว่าความจริงแล้วคนนั้นก็คือตัวเขาเองเพราะตอนนั้นเขาเพิ่งมาทำงานที่บริษัทนี้

หลังจากนั้นคุณป้าถึงกับผงะไปชั่วขณะและพูดในสิ่งที่ทำให้ชุยหังไม่มีวันลืม “ขอโทษนะหนู ป้าคิดว่าครั้งที่แล้วหนูเป็นผู้ชาย…”

หลังจากที่คุยจบ ชุยหังก็ถอดหูฟังออกและอดไม่ได้ที่จะพูดเรื่องนี้ให้คนรอบข้างฟัง ซึ่งคนรอบข้างต่างก็หัวเราะจนตัวโก่ง

หลังจากที่ผู้จัดการมาเห็นก็เดินไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น ชุยหังจึงเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอีกรอบ ซึ่งผู้จัดการก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมาเหมือนกัน

ช่วงพักกลางวันพนักงานบริการลูกค้าที่รับผิดชอบตลาดเฮยหลงเจียงซึ่งนำโดยผู้จัดการของพวกเขากำลังฟังเสียงอัดของตลาดอื่นๆ โดยลำโพงฟังเสียง

ชุยหังไม่ได้สังเกตมองพวกเขา แต่ภายหลังพบว่าสายที่กำลังคุยอยู่ตอนนี้เป็นของเขา…

เสียงของเขาในโทรศัพท์เหมือนว่าจะแยกไม่ออกจริงๆ ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

เมื่อคนในกลุ่มนั้นได้ยินประโยคนั้น พวกเขาต่างก็หัวเราะจนตัวสั่นไปหมดทั้งตัว

เมื่อคนของอีกตลาดข้างๆ เห็นพวกเขาหัวเราะจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงคนนั้นเพิ่งมาใหม่และเป็นผู้ชายพวกเขาต่างก็คุยกันไม่หยุด

ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งนั่งกลั้นหัวเราะตอนที่กำลังฟังเสียงของผู้ชายคนหนึ่งคุยโทรศัพท์กับคุณลุงคุณป้าเหล่านั้น สถานการณ์ตอนนั้นทำให้ชุยหังหน้าแดงขึ้นมาทันที