จับตัวประกัน โดย Ink Stone_Fantasy
ถึงแม้เยารั่วเซียนจะไม่ได้มองทะลุปรุโปร่ง แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ แต่ละแดนทำท่าทางเหมือนจะแย่งชิงตัวกันแล้ว เขาสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลทันที เข้าใจแล้วว่าตัวเองไร้เดียงสาขนาดไหน การคิดจะใช้เวลาหนึ่งร้อยวันเพื่อหลอมของวิเศษอยู่ที่นี่ ก็คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
เรื่องบางเรื่องก็เป็นเช่นนี้ ถ้าไม่เผชิญหน้ากับความจริง ก็ยากที่จะพบความเป็นจริง แต่ความเป็นจริงกลับโหดร้าย
ฟู่หยวนคัง จีเต๋อไห่ อันหรูอวี้ต่างก็ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ทิ้งโอกาสจัดการความแค้นระหว่างกันและกัน ถลันตัวเข้าไปแล้ว
เหตุผลก็ไม่ซับซ้อนเลย ตอนนี้เรื่องความแค้นไม่ได้สำคัญเท่าเยารั่วเซียน ถ้าปล่อยให้เยารั่วเซียนไปตกอยู่ในมือใครสักคน หากสร้างเจดีย์งามวิจิตรที่ไร้ช่องโหว่ขึ้นมาอีก แบบนั้นก็จะสามารถโจมตีอีกปราชญ์คนอื่นๆ ให้อันตรายถึงชีวิตได้ ไม่ว่าใครก็รับผลที่ตามมาแบบนี้ไม่ไหว
แต่ละฝ่ายจ้องมองกันเหมือนเสือพร้อมตะครุบ ล้อมเยารั่วเซียนที่อยู่ข้างล่างเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีใครกล้าลงมือแย่งก่อนทั้งนั้น เพราะคนที่ลงมือก่อนจะกลายเป็นเป้าหมายในการโดนโจมตีหมู่ จะทำให้ทุกคนมาล้อมโจมตี เซี่ยงไป่ถิงที่ไม่ทันระวังตัวโดนล้อมไว้ตรงกลางเหงื่อแตกทันที จะลงไปก็ไม่ได้ จะถอยไปก็ไม่ได้ เพราะอาจารย์แม่ยังไม่ได้บอกให้เขาถอยไป
คนของสำนักหลอมของวิเศษสำนักอื่นๆ พากันพูดไม่ออก ถอยออกไปอย่างช้าๆ จะได้ไม่ติดร่างแหซวยไปด้วย
จีเต๋อไห่มองไปรอบๆ แวบหนึ่ง เขาพบว่าฝ่ายตัวเองมีกำลังอ่อนแอที่สุด ถึงอย่างไรก็เสียท่านทูตไปหลายคน ถึงแม้ฟู่หยวนคังจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แต่ก็ยังมีศิษย์น้องหญิงคอยช่วยอีกแรง ทั้งยังมีเฟิงเป่ยเฉินหลบอยู่เบื้องหลังอีก
“สงเวย ทะเลดาวนักษัตรก็เป็นส่วนหนึ่งของแดนปีศาจเหมือนกัน หรือว่าพวกเจ้าเตรียมจะดูอยู่เฉยๆ?” สายตาของจีเต๋อไห่ไปหยุดอยู่ที่ตัวประมุขถิ่นสี่ทิศของทะเลดาวนักษัตร
ประมุขถิ่นสี่ทิศสบตากันแวบหนึ่ง แล้วก็กวักมือนำกำลังคนเหาะไปอยู่ข้างหลังจีเต๋อไห่ นี่คือเรื่องที่ไม่มีทางเลือก ถึงอย่างไรก็ยังเป็นคนของแดนปีศาจ ถึงแม้ยามปกติจะไม่ฟังคำสั่งของปราชญ์ปีศาจจีฮวน แต่ตอนเผชิญหน้ากับศัตรูภายนอกก็ต้องเป็นพันธมิตรทางทหารกัน ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ ทะเลดาวนักษัตรคงโดนปราชญ์คนอื่นๆ กำจัดทิ้งไปนานแล้ว
ถึงแม้จะไม่อยากช่วยจีเต๋อไห่ ทว่าสำหรับสถานการณ์แบบนี้ ถ้าตัวไม่อยู่ที่นี่ก็ยังพอเลี่ยงได้ แต่ในเมื่อตัวอยู่ตรงที่เกิดเหตุแล้ว ก็คงไม่ดีหากจะหลบเลี่ยง
เมื่อมีประมุขถิ่นสี่ทิศของทะเลดาวนักษัตรนำกลุ่มปีศาจมาร่วมเป็นพันธมิตรแล้ว จีเต๋อไห่ก็ฮึกเหิมทันที เมื่อมีกำลังแบบนี้แล้ว ต่อให้สู้กับเฟิงเป่ยเฉินก็ยังต้านทานไหว เขาเห็นกับตาตัวเองแล้วว่าเฟิงเป่ยเฉินอยู่ที่สำนักงามวิจิตร จึงกังวลที่สุดว่าเฟิงเป่ยเฉินจะยื่นมือเข้ามา
ถึงแม้การที่เฟิงเป่ยเฉินยื่นมือเข้ามาจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป แต่ก็อาจจะยั่วโมโหให้อีกห้าปราชญ์มาคิดบัญชีด้วยตัวเอง แต่ไม่ต้องบอกก็รู้ถึงความสำคัญของท่านจื่อหยาง กอปรกับก่อเรื่องในอาณาเขตของอีกฝ่าย ก็ยากที่จะรับประกันว่าเฟิงเป่ยเฉินจะไม่ลงมือ
ตอนนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงแล้ว แต่การคุมเชิงของหกแดนกลับอันตรายมาก สามารถปะทุได้ทุกเมื่อ ยังไม่มีใครกล้าลงมือแย่งตัวก่อน กลัวว่าจะโดนล้อมโจมตี
เยารั่วเซียนที่อยู่เบื้องล่างนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ รู้สึกถึงแรงกดดันแล้วเช่นกัน
ขณะนี้เอง ในป่าภูเขาข้างๆ พลันมีคนคนหนึ่งโผล่ออกมา ส่งเสียงร้องเหมือนเจ็บปวดว่า “คุณชายรอง! ช่วยข้าด้วย”
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? คนที่อยู่บนฟ้าพากันหันหน้ามอง เห็นเพียงคนคนหนึ่งโผล่ออกมาจากป่าภูเขา สภาพเขาสะบักสะบอมมาก เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิง พอทุกคนตั้งใจจ้องดีๆ ก็พบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเหมียวอี้ เจ้าบ้านี่ยังไม่ตายอีกเหรอ?
อวิ๋นเป้ามองจนหนังตากระตุก ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตัวเองจะได้รับรายงานจากลูกน้องแล้ว แต่พอเห็นนิสัยแบบนี้ของเหมียวอี้ เขาก็ยังอึ้งมาก ไม่รู้ว่าเจ้าบ้านี่ทำตัวเองจนเป็นแบบนี้เพราะคิดจะทำอะไร
อันหรูอวี้กลับเบิกตากว้าง หันไปสบตากับโอวหยางกวงแวบหนึ่ง พบว่าเจ้าบ้านี่ดวงชะตาแข็งเกินไปแล้ว นักพรตบงกชทองตายไปตั้งหลายคน ทำไมเขายังมีชีวิตรอดมาได้?
แต่นางก็ยังหาทางออกได้เพราะเหมียวอี้ ตะคอกถามว่า “เหมียวอี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
คนอื่นๆ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เหมียวอี้ที่กำลังมองด้านล่างพลันกระโดดไปอยู่ข้างกายเยารั่วเซียน
เยารั่วเซียนมองเขาอย่างตะลึงงัน กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ข้างหูกลับได้ยินเหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงมาเบาๆ “หุบปากเหม็นของเจ้าซะ!”
เหมียวอี้กุมหมัดคารวะอันหรูอวี้ที่อยู่บนฟ้า พลางกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสลดน่าเวทนา “คุณชายรอง แดนอู๋เลี่ยงกับแดนปีศาจรวมมือกันวางกับดักลอบสังหารข้าน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนมาช่วย เกรงว่าข้าน้อยคงไม่ได้มาพบคุณชายรองอีก คุณชายรองได้โปรดทวงความยุติธรรมให้ข้าน้อยด้วย!”
จีเต๋อไห่แสยะยิ้ม “เจ้ามาทวงหาความยุติธรรมผิดคนแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนแยกเจ้าจากฝ่ายแดนเซียน พวกเราคงลงมือไม่สะดวกหรอก คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือแดนเซียนของพวกเจ้านั่นแหละ เจ้าคงต้องขอให้คุณชายรองพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตัวเองก่อนแล้วล่ะ! ข้าถามเจ้าหน่อย จีเหม่ยเหมยน้องสาวข้าอยู่ที่ไหน?”
“ตายแล้ว!” เหมียวอี้ตอบไปตรงๆ
จีเต๋อไห่สีหน้ามืดครึ้มทันที ฟู่หยวนคังรีบถามว่า “ชุยหย่งเจินศิษย์น้องของข้าล่ะ?”
“ก็ต้องตายเหมือนกันอยู่แล้ว!” เหมียวอี้ไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
จีเต๋อไห่กับฟู่หยวนคังแทบจะถามพร้อมกันว่า “ใครทำ?”
ทั้งสองฝ่ายไม่สงสัยเลยว่าเหมียวอี้พูดโกหก เพราะไม่คิดเลยว่าเหมียวอี้จะเป็นคนทำ
“ไม่รู้จัก” เหมียวอี้เอียงศีรษะไปมองทางฝาไห่แวบหนึ่ง “ถึงอย่างไรก็เป็นพระสงฆ์ที่ร้ายกาจมาก ตอนที่ข้าโดนดักสังหาร คนสองกลุ่มนั้นบังอาจไปเจอพระสงฆ์ ปรากฏว่าไปยั่วโมโหพระสงฆ์รูปนั้น”
สายตาของทุกคนไปรวมที่ตัวฝาไห่ทันที พระสงฆ์ในใต้หล้าที่สามารถกำจัดนักพรตบงกชทองได้มากมายขนาดนี้ในรวดเดียว สามารถฆ่าหมดจนไม่เหลือสักคน แม้แต่ชุยหย่งเจินก็ยังกำจัดทิ้ง นอกจากปราชญ์พุทธฉางเหลยก็ไม่มีใครแล้ว ก่อนหน้านี้ทุกคนยังแอบสงสัยว่าว่ามีหนึ่งในหกปราชญ์มาแล้วหรือเปล่า
เฟิงเป่ยเฉินที่อยู่หลังหน้าต่างฉลุลายดอกไม้บนชั้นลอยพลันหรี่ตา แล้วกวาดสายตามองไปทั่วอย่างระแวดระวัง
ฝาไห่จ้องเหมียวอี้ที่อยู่ข้างล่าง “อย่ามาพูดจาเหลวไหล เรื่องเล็กแค่นี้ไม่รบกวนให้ท่านอาจารย์มาเองหรอก?”
“ข้าไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าเป็นอาจารย์ของเจ้า ข้าไม่เคยเห็นอาจารย์ของเจ้าด้วย ใครจะไปรู้ว่าอาจารย์เจ้าหน้าตาเป็นอย่างไร” เหมียวอี้ตอบ
ตอนนี้เขารู้สึกว่าเสี้ยมใครได้ก็เสี้ยมก่อน ทางที่ดีต้องให้คนอีกกลุ่มตีกันถึงจะดี สิ่งที่ทำให้เขาปวดหัวที่สุดในตอนนี้ก็คือแดนพุทธะกับแดนผี
จากนั้นก็หันไปมองเยารั่วเซียนที่อยู่ข้างกัน ถามว่า “แล้วเจ้าเป็นใคร? ทำไมมาโดนคนกลุ่มนี้ล้อมไว้ได้?”
“…” เยารั่วเซียนพูดไม่ออก เจ้าไม่รู้เหรอว่าข้าเป็นใคร? แต่เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ รู้ว่าที่เหมียวอี้ถามแบบนี้จะต้องมีสาเหตุแน่นอน จึงตอบเสียงเรียบว่า “จื่อหยาง!”
เหมียวอี้มองสำรวจเขาแวบหนึ่ง แล้วถามเหมือนแปลกใจว่า “เจ้าคือท่านจื่อหยางผู้มีชื่อเสียงโด่งดังนั่นรึเปล่า?”
“ใช่แล้ว!” เยารั่วเซียนเพิ่งจะตอบ จู่ๆ เหมียวอี้ก็ชกไปที่ท้องเขาหมัดหนึ่ง
ตุ้บ! เยารั่วเซียนแทบจะตาถลน กระอักเลือดสกออกมาคำหนึ่ง แล้วได้ยินเหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงมาบอกว่า “ไปกับข้า!”
“การประลองยังไม่ได้…”
“ประลองกับบรรพบุรุษเจ้าสิ ข้าหนีได้แต่ก็ไม่หนี มาเสี่ยงอันตรายเพื่อเจ้าเนี่ย เจ้าอยากจะทำให้ข้าตายใช่มั้ย?” เหมียวอี้ชักกระบี่วิเศษไปจ่อคอเขาแล้ว
ทุกคนตกใจทันที นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะลงมือกะทันหันแบบนี้ ได้ยินเพียงเหมียวอี้ตะโกนว่า “ที่แท้ก็เป็นเจ้าที่ก่อเรื่องนี้ ทำเอาข้าเกือบต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ จะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ ได้อย่างไร!”
อันหรูอวี้อุทานว่า “เหมียวอี้ อย่าจับตาย!” ถ้าสามารถนำตัวคนคนนี้กลับไปได้ ก็เท่ากับได้ผลงานใหญ่แน่นอน เพียงพอจะลบล้างความผิดก่อนหน้านี้ทิ้ง
ชั่วพริบตาเดียว เหมียวอี้จับเยารั่วเซียนมาไว้ในมือตัวเองได้แล้ว กระบี่วิเศษด้ามหนึ่งจ่ออยู่ที่คอเยารั่วเซียน แล้วหันกลับมาถามอันหรูอวี้ “คุณชายรอง เก็บเขาไว้จะมีประโยชน์เหรอ?”
“มีประโยชน์!” อันหรูอวี้พยักหน้า
“งั้นก็ดี!” เหมียวอี้หันกลับมาตะคอกใส่เยารั่วเซียนอีก “จะไปกับข้ามั้ย? ถ้ากล้าทำซี้ซั้วข้าจะฆ่าเจ้าซะ!” พูดจบก็ดึงเยารั่วเซียนขึ้นไปบนฟ้าโดยตรง
คนจากแดนต่างๆ ตะลึงงัน ไม่มีใครกล้าลงมือชิงตัวก่อน เพราะกลัวจะโดนรุมโจมตี ทุกคนนึกไม่ถึงว่าเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าทำ แต่เหมียวอี้ตัวเล็กๆ คนเดียวจะทำไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทั้งยังไม่กลัวตายด้วย ต่อให้นอนฝันทุกคนก็นึกไม่ถึงว่าเยารั่วเซียนจะตกอยู่ในมือเหมียวอี้แบบนี้
ทุกคนย่อมไม่ยอมเลิกรา มีหรือที่จะให้เหมียวอี้พาตัวเยารั่วเซียนไปง่ายๆ แบบนี้ ทุกคนเพิ่งจะเคลื่อนไหว แต่เหมียวอี้ก็จ่อกระบี่วิเศษที่คอเยารั่วเวียนพร้อมตะคอกว่า “ไม่ว่าใครก็ห้ามขยับ ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเขาซะ!”
คนที่เตรียมจะลงมือชะงักงัน สงสัยในชั่วอึดใจเดียวนี้ ท่านจื่อหยางจะกลายเป็นตัวประกันของเหมียวอี้ไปแล้ว พวกเขาเกิดลำบากใจขึ้นมาทันที
สิ่งที่ทำให้ทุกคนพูดไม่ออกก็คือ พบว่าเจ้าเวรเหมียวอี้มันใจกล้าเกินไปแล้ว ขนาดอยู่ต่อหน้ากลุ่มคนพวกนี้ยังกล้าลงมืออีก ลองดูว่าเขาใจเย็นขนาดไหนก็จะรู้เอง ไม่มีท่าทีว่าจะหวาดกลัวทุกคนเลย
ตอนนี้ทุกคนถึงได้ค้นพบ ว่าการที่เจ้าบ้านี้มีชีวิตรอดมาจนทุกวันนี้ ไม่ได้มีดีแต่ชื่อเสียงแน่นอน อวิ๋นเป้าเลิกคิ้วหัวเราะทันที ผู้ชายของอวิ๋นจือชิวน่าสนใจทีเดียว!
เหมียวอี้จับตัวประกันลอยไปที่ฝ่ายแดนมารอย่างช้าๆ พร้อมตะโกนว่า “อาแปด ท่านคงไม่ดูข้าประสบอันตรายโดยไม่สนใจใยดีหรอกใช่มั้ย?”
อวิ๋นเป้าหัวเราะเบาๆ “แน่นอนอยู่แล้ว ครอบครัวเดียวกันไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว จะเห็นอวิ๋นจือชิวกลายเป็นม่ายไม่ได้หรอก!” พูดจบก็โบกมือ นำกำลังพลกลุ่มหนึ่งไปล้อมพิทักษ์เหมียวอี้ไว้ตรงกลางทันที
“คุณชายรอง! ถ้ามีอะไรก็ออกจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยคุยกัน!” เหมียวอี้หันไปตะโกนบอกอันหรูอวี้
เขาไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ เดิมทีอยากจะยืมมือคนอื่นสังหารผู้หญิงคนนี้ให้ตาย แต่จู่ๆ เยารั่วเซียนก็มาทำแผนเขาพัง ถ้าอยากจะช่วยเยารั่วเซียนออกไป อาศัยกำลังพลของนภาจอมมารฝ่ายเดียวไม่มีทางทำสำเร็จเลย มีแต่ต้องมารวมเป็นพวกเดียวกันก่อนเท่านั้น หาทางพาเยารั่วเซียนออกจากที่นี่ไปก่อนที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด บัญชีที่เหลือเอาไว้ค่อยมาสะสาง
อันหรูอวี้ตะลึงงัน แต่เหตุผลก็เห็นๆ กันอยู่ แดนปีศาจกับแดนอู๋เลี่ยงไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ ต้องร่วมมือกับนภาจอมมารถึงจะมีความมั่นใจ ถึงอย่างไรเหมียวอี้ก็เป็นคนของแดนเซียน ท่านจื่อหยางตกอยู่ในมือเหมียวอี้ ก็เท่ากับตกอยู่ในมือของแดนเซียนเช่นกัน
ไม่ต้องพูดเยอะว่าควรต้องทำอย่างไร อันหรูอวี้โบกมือ นำกำลังพลของแดนเซียนเหาะมาพิทักษ์ทันที
อวิ๋นเป้าเองก็รู้ ว่าถ้าอาศัยแค่ฝ่ายตัวเองก็ไม่มีความมั่นใจที่จะออกไปจากตรงนี้ ไม่ได้คัดค้านที่กำลังพลฝ่ายแดนเซียนมาเข้าร่วมด้วย
อันที่จริงระหว่างหกปราชญ์ก็อยู่ในสภาะที่ร่วมมือกันมาตลอด ทั้งยังจ้องจะโค่นล้มกันมาตลอดด้วย ต่อให้วันนี้เป็นศัตรูที่สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ถ้ามีข้อตกลงด้านผลประโยชน์ ก็จะร่วมมือกันทันที
“ทำไมพี่ชายทั้งสี่ท่านไม่มาช่วยข้าอีกแรงล่ะ?” เหมียวอี้ตะโกนไปทางฝั่งทะเลดาวนักษัตรอีก
จีเต๋อไห่ได้ยินแล้วหันขวับ “สงเวย พวกเจ้าคิดดีๆ นะว่าจะยืนอยู่ฝ่ายไหน?”
สงเวยตอบว่า “พวกเราไม่ยืนอยู่ทั้งฝ่ายแดนเซียนกับแดนมาร และไม่ได้จะเป็นศัตรูกับแดนปีศาจด้วย พวกเราแค่จะปกป้องเจ้าห้าของพวกเรา ใครกล้าแตะต้องพี่น้องพวกแม้แต่นิดเดียว พวกเราก็จะขอสู้ตาย!” พูดจบก็โบกมือ กลุ่มปีศาจของทะเลดาวนักษัตรถลันตัวมาทันที
เหมียวอี้ไม่วางใจคนของแดนมารและแดนเซียน เพราะคนสองกลุ่มนี้ ยามหน้าสิ่วหน้าขวานก็มีแต่จะทำเพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายตัวเอง แต่คนที่เห็นเหมียวอี้เป็นศูนย์กลางผลประโยชน์อย่างแท้จริง ก็มีแค่ประมุขถิ่นสี่ทิศเท่านั้น เขาจึงรู้สึกว่าคนของทะเลดาวนักษัตรพึ่งพาได้มากกว่าหน่อย จึงเรียกทันที “มาทางนี้!”
กลุ่มปีศาจเฒ่าเข้ามาเบียดอยู่ข้างในสุดทันที เบียดจนกำลังพลของแดนมารถอยออกไป ประมุขถิ่นสี่ทิศมาล้อมพิทักษ์เหมียวอี้ไว้ทั้งสี่ด้านแล้ว
จีเต๋อไห่เห็นแล้วแค้นจนกัดฟันกรอด