ตอนที่ 317: การต่อสู้เพื่อช่วงชิงทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์
“ไม่สำคัญว่าประตูมันจะขวางทางของเราหรือไม่ ข้าจะทุบมันให้แตก ! ” ตู่กูเฟิงก้าวไปข้างหน้าและต่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรง
พร้อมกับเสียงอื้ออึงและฝุ่นที่ตกลงมายังประตูหิน
เมื่อเห็นอย่างนี้ทุกคนก็ประหลาดใจ แม้กระทั่งตู่กูเฟิงก็ยังตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดพึมพำกับตัวเอง นี่เป็นประตูหินจริง ๆ งั้นรึ ? ตู่กูเฟิงรู้ถึงความแข็งแกร่งของประตูอย่างแน่นอน แม้กระทั่งประตูเหล็กก็ยังอาจมีโอกาสเสียหายได้ แต่ประตูหินนี่กลับไม่มีแม้กระทั่งรอยขีดข่วน
สวรรค์ นี่เป็นประตูหินจริง ๆ มันแข็งมาก !
นี่เป็นประตูหินที่ทำมาจากหิน แต่มันก็ทนทานมาก !
นี่เป็นประตูหิน แต่มันไม่ใช่ประตูหินธรรมดา…
ทุกคนเริ่มพูดคุยกันเอง
มันไม่เกี่ยวว่ามันทำมาจากอะไร แต่ถ้ากล้าขวางเส้นทางของเรา มันต้องถูกทำลาย ! ตู่กูเฟิงพูดอย่างเยือกเย็น แขนขวาของเขาถือดาบไฟขณะที่กำลังเตรียมฟาดยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎออกไป
เมื่อเห็นว่าตู่กูเฟิงกำลังใช้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ ทุกคนก็ถอยกลับไปด้วยความกลัวว่าจะบาดเจ็บภายหลัง
ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎในมือของตู่กูเฟิงเริ่มแผ่เปลวเพลิงอย่างรุนแรงขณะที่เขาคำรามออกมา ด้วยการเหวี่ยงครั้งหนึ่ง ดาบก็ปะทะกับประตูหินพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่น
ปัง ! แสงที่สนั่นสะเทือนไปทั้งหูหลังจากที่กระทบ ทุกคนกุมหัวด้วยความเจ็บปวด
หลังจากนั้นภายในถ้ำก็เงียบลง สายตาของทุกคนก็เบิกกว้างเมื่อเห็นประตูหินด้วยความตกใจ มันยังคงเช่นเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นะ-นั่นมันใช้อะไรทำประตูหินกันแน่ มันแข็งจริง ๆ ! เทียนมู่หลิงพูดตะกุกตะกักขณะที่นางเอามือป้องปาก
แม้แต่ตู่กูเฟิงก็พบว่ายากที่จะสงบสติอารมณ์และตกตะลึง สำหรับประตูหินธรรดาที่ดูเหมือนจะถูกพังได้ทุกโดยยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ แต่มันก็กลับไม่เป็นอะไรเลย ทำให้ยากที่จะเชื่ออย่างมาก
ฉินจี๋ที่แต่งตัวหรูหราได้เดินไปที่ประตูหินและยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสมันด้วยท่าทีสงบ การเปิดประตูนี้จะทำให้เราเข้าไปในถ้ำอมตะได้ ข้าขอให้ทุกคนที่มียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎทุกคนโจมตีเข้าไปพร้อมกัน ข้าไม่เชื่อว่ามันจะต้านทานยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎทั้ง 6 พร้อมกันได้
ถูกต้อง นี่เป็นเรื่องที่สมควรที่สุดตอนนี้ เจียเต๋อหวูคังพูด
ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้างั้นก็ได้ พี่ชาย ท่านทำงานหนักมามากแล้ว ปล่อยให้น้องสาวช่วยท่านอยู่ข้าง ๆ ไม่ว่าประตูหินนี้จะพังหรือไม่ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์ขณะที่นางยิ้มไปให้ทุกคน จากนั้นก็เดินไปหาเจี้ยนเฉิน นางมองเขาด้วยรอยยิ้มอย่างลุ่มหลงว่า น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าอยากลองหรือไม่ ?
เจี้ยนเฉินส่ายหัวพร้อมกับรอยยิ้มอย่างขมขื่น ข้าไม่มียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ ดังนั้นการโจมตีของข้าต้องอ่อนแรงมาก พื้นที่เหล่านี้ก็ไม่กว้าง ข้ากลัวว่าจะไปขัดขวางคนที่มียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเอาได้ ข้าจะไม่รบกวนคนอื่น ๆ
ทันทีที่เจี้ยนเฉินพูดจบ เสียงคำรามของสัตว์อสูรขนาดใหญ่ก็ลอยเข้ามาให้ทุกคนในถ้ำได้ยิน
นั่นสิงโตอัสนีม่วงและเสียงฝีเท้าที่กำลังเข้ามา บ้าเอ้ย พวกเขากล้าที่จะวิ่งมาที่นี่ ! พวกเขากำลังพาสิงโตเข้ามา ! ทุกคนลงมือกันเถอะ ! ฉินจี๋ตะโกน
โดยไม่มีการลังเล ตู่กูเฟิง, เจียเต๋อหวูคัง, ชิเซียงกราน, ฉินจี๋และเทียนมู่หลิงล้วนไปยืนอยู่หน้าประตูหิน พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะโจมตี ทันใดนั้นก็มีม่านพลังปรากฏขึ้นและปกคลุมคนที่อยู่ด้านใน
สิ่งนี้ทำให้เจี้ยนเฉินตกตะลึง เขาไม่คิดว่าคนเหล่านี้ที่ครอบครองยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎต่างก็มีม่านพลังจากเซียนผู้คุมกฏของพวกเขา ทันใดนั้นเขาก็หันกลับไปมองยังหญิงสาวชุดเหลือง เขาเห็นนางยืนห่างออกไป 10 เมตรพร้อมกับเหนี่ยวคันธนูของนางออกมา ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวของนางคือนางไม่มีม่านพลัง แต่เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่านางไม่มีความช่วยเหลือจากเซียนผู้คุมกฏหรือนางไม่ได้ใช้
ในขณะนั้นนอกเหนือจากผู้ใช้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎทั้ง 6 แล้ว ทุกคนก็ถอยออกมาอย่างรวดเร็ว การตอบสนองต่อพลังที่ออกมาจากยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎก็เพียงพอที่จะทำร้ายคนที่อยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีได้ทุกคน
โจมตี ! พร้อมกับคำสั่ง ผู้ใช้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎทั้ง 6 ก็พุ่งออกมา ลูกศรพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับการโจมตีอื่น ๆ และชนเข้ากับประตูหินพร้อมกับสมบัติผนึกภูเขาขนาดเท่ากำปั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
ปัง ! เสียงที่ดังสนั่นพร้อมกับคลื่นกระแทกออกมาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ทุกคนที่อยู่ในถ้ำสั่นสะท้านราวกับว่ามันกำลังพังทลายลง
เจี้ยนเฉินและเซียนปฐพีคนอื่น ๆ ที่อยู่ติดกำลังแพงเพื่อค้ำยันตัวเองไม่ให้ล้มลง ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ใช้พลังเซียนเพื่อบังคับให้ร่างกายของพวกเขาตั้งตัวได้โดยเน้นไปทางป้องกัน
ครึ่งลมหายใจหลังจากคลื่นกระแทกกระจายออกมามันก็อยู่ในความสงบ ผู้ใช้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎทั้ง 6 ถูกกระแทกถอยออกไปนับ 10 เมตร ม่านพลังได้ปกป้องให้พวกเขาไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ในขณะที่มีหญิงชุดเหลืองเท่านั้นที่หน้าซีด เมื่อดูไปที่ประตูหิน มันก็มีรอยร้าวหลายแห่ง แต่มันก็ยังไม่แตก
ทุกคนต่างอ้าปากค้างเนื่องจากตกใจกับความแข็งของประตูหินที่มากกว่าที่พวกเขาได้จินตนการเอาไว้ พวกเขาไม่คิดว่าแม้กระทั่งผู้ใช้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎทั้ง 5 ก็ไม่เพียงพอที่จะบดขยี้ประตูหิน
ทำให้ทุกคนล้วนแต่ชื่นชมถึงความทนทานของถ้ำอมตะ แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่มันก็ยังไม่พังลง
อีกครั้ง ! เจียเต๋อหวูคังตะโกนออกมา ทันใดนั้นทั้ง 6 คนก็โจมตีออกไปอีกครั้งและรวมจุดโจมตีไปยังที่เดียวกันทำให้พลังทำลายมากกว่าครั้งก่อน
ทุกคนได้ยินเสียงระเบิดอีกครั้ง เสียงที่สะเทือนออกมาได้สะท้อนเสียงไปทั้งถ้ำ หลังจากการโจมตีรอบที่สองประตูหินที่แข็งอย่างไม่น่าเชื่อก็พังทลาย
แม้ว่าประตูหินเพิ่งจะพังทลาย ตู่กูเฟิง, เจียเต๋อหวูคัง, ชิเซียงกราน, ฉินจี๋และเทียนมู่หลิง ต่างก็ไม่สนใจถึงผลที่ตามมาจากการระเบิดและพุ่งผ่านประตู แต่ละคนมีม่านพลังป้องกันและไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับการบาดเจ็บ
เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว ดวงตาของเจี้ยนเฉินก็เปล่งประกายไปที่ทางประตู เขาพุ่งไปที่ประตูทางเข้าทันทีพร้อมกับทะลวงคลื่นพลังเข้าไป ในที่สุดเขาก็สามารถทะลวงเข้าไปและติดตามทั้ง 5 คนได้สำเร็จ
นอกเหนือจากประตูหิน ด้านหลังเป็นพื้นที่โล่ง ๆ และไม่มีผลกระทบจากพลังโจมตีก่อนหน้านี้ เหนือขึ้นไปมีแท่นสูงพร้อมกับกล่องไม้สีเข้ม ด้านนอกมันดูเป็นธรรมดาและดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษ
เมื่อเห็นกล่องนั้น ตู่กูเฟิง,ชิเซียงกราน,เจียเต๋อหวูคังและฉินจี๋ต่างก็บินเข้าหามันอย่างไม่ลังเล
แส้สีฟ้าตวัดผ่านพวกเขาและไม่นานมันก็พันไปรอบ ๆ กล่องก่อนที่มันจะถูกดึงออกมา
ชายทั้ง 4 ไม่มีการประนีประนอม ทุกคนต่างก็พุ่งเข้าหากล่อง
“ปัง ! “
เมื่อกล่องระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ หนังสือสีขาวก็ลอยขึ้นอยู่บนอากาศ เพราะผลที่เกิดจากการระเบิด หนังสือยังคงพลิกไปมาอยู่บนอากาศพร้อมกับหน้าหนังสือที่กระพือเปิด
มือ 4 มือพร้อมใจกันคว้าออกไปก่อนที่มันจะตกลงบนพื้น ด้วยความหวังว่าจะเอามันไปได้ก่อนคนอื่น ๆ
เทียนมู่หลิงไม่ได้เคบลื่อนไหวและสะบัดข้อมือของนางทำให้แส้ที่กำลังพุ่งกลับมาตวัดเขาหาชายทั้ง 4 คนที่ลอยอยู่บนกากาศและในเวลาเดียวกันหัวของแส้ก็พุ่งไปหาหนังสือ
ในขณะนั้น ชายทั้ง 4 คนต่างก็ฟาดไปยังแส้ด้วยอาวุธของพวกเขา แม้ว่าแส้จะเป็นยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ แต่ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีของยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎทั้ง 4 ได้และถูกบังคับให้ลอยกลับไป ชายทั้ง 4 ที่มาถึงหนังสือแล้วต่างก็ยื่นมือคว้าออกไป มือแต่ละข้างต่างก็จับไปที่ด้านหนึ่งของหนังสือและพยายามดึงเข้าหาตัว
“ปืด ! “
สันหนังสือคลายออกทันทีและทำให้หน้ากระดาษของหนังสือหลายแผ่นปลิวไปบนอากาศ เมื่อรวมกับพลังโจมตีจากแส้ก่อนหน้านี้แล้ว กระดาษทุกแผ่นก็ปลิวอยู่บนอากาศ
มือทั้ง 4 คู่ลอยวูบวาบไปบนอากาศขณะที่พวกเขาเก็บหน้าหนังสือที่กระจัดกระจาย ในขณะนั้นเจี้ยนเฉินก็ปรากฏตัวพร้อมกับแสงสีเงิน เมื่อเห็นหน้ากระดาษเขาก็คว้าจับมันด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะรับมาได้แผ่นหนึ่ง
ตู่กูเฟิงคว้าไปได้ 2 แผ่น พอเขาจะคว้าอีกครั้งก็มีมือปรากฏมาต่อหน้าสายตาของเขา คนคนนี้คือเจี้ยนเฉินที่คว้าแผ่นกระดาษไว้ภายใต้สายตาของเขา
ตู่กูเฟิงตกตะลึงทันที่ก่อนจะปะทุความโกรธพร้อมกับแสงที่เล็ดลอดออกจากสายตาของเขา
หลังจากการต่อสู้เล็ก ๆ สำหรับแผ่นกระดาษ หนังสือเล่มนี้ก็ถูกแบ่งโดยคนทั้ง 6 อย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุด เทียนมู่หลิงมี 2 แผ่น เจี้ยนเฉินมี 4 แผ่น ตู่กูเฟิงมี 4 แผ่น เจียเต๋อหวูคังมี 3 แผ่น ชิเซียงกรานมี 2 แผ่นและฉินจี๋มี 4 แผ่น ทั้งหมดมี 19 แผ่น
ในตอนนี้ชิเซียงกรานได้พุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินพร้อมกับม่านพลังในขณะที่ใช้สมบัติผนึกภูเขาไปกดทับจากบนหัวของเจี้ยนเฉิน
กล้าที่จะฆ่าคนของข้า วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า !
ไม่มีใครกล้าที่จะขโมยสิ่งของต่อหน้าข้ามาก่อน !
ในเวลานั้นเจียเต๋อหวูคังและตู่กูเฟิงต่างก็พุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินพร้อมด้วยยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของพวกเขาพร้อมกับจิตสังหาร
ฉินจี๋และเทียนมู่หลิงไม่มีแผนที่จะช่วยเหลือฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้เคียงข้างเจี้ยนเฉิน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขากับตัวของเขาก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ชิเซียงกรานเป็นอริศัตรูของเจี้ยนเฉิน,เจียเต๋อหวูคังเป็นสหายของเจ๋อกู่ที่ตายด้วยน้ำมือของเจี้ยนเฉิน และตู่กูเฟิงถูกตัดหน้าชิงแผ่นกระดาษหนังสือทักษะไปต่อหน้าต่อตาของเขา แต่ละคนล้วนมีเหตุผลที่จะต่อสู้กับเจี้ยนเฉิน