ตอนที่ 848 ความผิดปกติบนท้องฟ้า

Elixir Supplier

ฝนยังคงตกลงมาทําให้บรรยากาศดูกลมกลืนไปด้วยกัน

หลังมื้ออาหารพวกเขาไปดื่มชากันที่คลินิกของหวังเย้า

“ชาหอมมาก!” เจี้ยจื้อจายถอนหายใจ

“นี่เป็นชาจากเนินเขาหนานชานถ้าชอบก็เอากลับไปด้วยสิครับ” หวังเย้าหยิบถุงใส่ใบชาที่ไม่มีชื่อยี่ห้อติดออกมาด้านในถุงเป็นใบชาที่ถูกนําไปตากแห้งและคั่วเรียบร้อยแล้วถึงจะไม่ได้ใส่ไว้ในหีบห่อสวยงามแต่คุณภาพของชานั้นถือว่าดีกว่าชาในตลาดถึง 99%

“ขอบคุณครับ เขียนเชิง” เจี้ยจื้อจายไม่รู้สึกอายและรับชามาจากหวังเย้า

เขาคิดกับตัวเอง นี่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี!

ช่วงเวลากลางวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนท้องฟ้าเริ่มมืดลง

“เย็นนี้ว่างเปล่า?” เจี้ยจื้อจายถาม

“เอ่อ ว่างครับ ทําไมเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

“ผมอยากเชิญเขียนเชิงไปกินข้าวที่บ้านของเรา” เลี้ยจื้อจายพูด

หวังเย้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบไปว่า “ได้สิครับ!” คืนนี้เขาไม่มีอะไรต้องทําอยู่แล้ว

“ให้หลิวชวนไปด้วยได้ไหม?”

“ได้ส” เจี้ยจื้อจายตอบ

หลังจากหวังเย้าตกลงเรียบร้อยแล้ว เจี้ยจื้อจายกับหูเหมยก็กลับไปเตรียมมื้อเย็นที่บ้าน

“เชียนเชิงชอบกินอะไรเหรอ?”

“เอ่อ ฉันไม่แน่ใจเหมือนกัน” เจี่ยจื้อจายตอบ “อืมมม ทําหลายๆอย่างเท่าที่จะทําได้ก็แล้วกัน”

“ได้”

เจี้ยจื้อจายออกไปซื้อวัตถุดิบส่วนหูเหมยก็เริ่มเตรียมทําอาหารอยู่ที่บ้านผลจากความพยายามของพวกเขาทําให้บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลายอย่างและเหล้าชั้นดีอีกสองขวด

เอาล่ะ ทุกอย่างพร้อมแล้ว!”

ในตอนเย็น หวังเย้ากับจงหลิวชวนมาที่บ้านของพวกเขา การตกแต่งภายในบ้านให้ความรู้สึกสบาย,เรียบง่าย,และสวยงามตัวบ้านน่ามองและมีสภาพแวดล้อมที่ดี

“เชียนเชิง ผมไม่รู้ว่าเชียนเชิงชอบกินอะไร ผมก็เลยทําเอาไว้หลายอย่างหวังว่าเชียนเชิงจะชอบ”

“มันเยอะมาก ขอบคุณนะครับ” หวังเย้าพูดความจริงเขาไม่ได้เรื่องมากในเรื่องของอาหารและเครื่องดื่มขอแค่อิ่มและดีต่อสุขภาพก็เพียงพอสําหรับเขาแล้ว

ทั้งสีพูดคุยหัวเราะอยู่ที่โต๊ะอาหาร ดูเหมือนว่า พวกเขาจะค่อยๆใกล้ชิดกันมากขึ้น

หลังจากมื้อเย็น หวังเย้ากลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานเหมือนอย่างทุกวัน

เขายืนอยู่ที่แปลงสมุนไพร และเงยหน้ามองท้องฟ้าเขาคิดแปลก วันนี้ท้องฟ้าดแปลก!เขาไม่เคยเห็นปรากฏการณ์แบบนี้มาก่อน ท้องฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงใต้มีสีเหลืองอ่อนแต่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมองเห็นได้ แต่ถึงพวกเขาจะมองเห็นพวกเขาก็คงไม่คิดอะไรมาก

คงไม่มีอะไรแปลกเกิดขึ้นทางนั้นใช่ไหม? หวังเย้าสงสัย

ห่างออกไปหลายร้อยไมล์ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง เกิดลมพัดแรง, ลูกเห็บตกและฟ้าผ่าเสียงลูกเห็บตกลงมาดังก้อง มันได้ทําลายไร่นา,ต้นไม้,ต้นหญ้าสัตว์บางตัวต้องตายเพราะถูกลูกเห็บตกใส่ผู้คนที่หนีพายุลูกเห็บไม่ทันต่างก็ได้รับบาดเจ็บพายุลูกเห็บที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีของเมืองโดยที่กรมอุตุนิยมวิทยาไม่สามารถคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ทันเวลา

เช้าวันต่อมา หวังเย้ากับจงหลิวชวนที่ฝึกมวยอยู่บนเขา พวกเขากําลังมองเจี่ยจื้อจายที่วิ่งอยู่ไกลๆ

“หลิวชวน คุณจะว่าอะไรไหมถ้าจะมีศิษย์น้องอีกสักคน?”

“เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับความรู้สึกของเชียนเชิงต่างหากล่ะครับ” จงหลิวชวนพูด เขารู้ว่าหวังเย้าคิดยังไงและอาจจะยอมรับเขี่ยจือจายแล้ว

“รออีกสักหน่อยแล้วกัน”

“ครับ”

เพราะฝนตกเมื่อวาน ทําให้อากาศเย็นลง

เช้าวันนั้น มีสามคนมาที่คลินิกพวกเขาเคยมาที่นี่แล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนสีหน้าของผู้หญิงดีขึ้นมากใบหน้าของเขามีเลือดฝาดแววตาสดใสและการก้าวเดินที่ดูกระฉับกระเฉง

“สวัสดีครับ หมอหวัง”

ครั้งนี้ ท่าทีของทั้งสามที่มีต่อหวังเย้าแสดงออกถึงความเคารพมากกว่าครั้งก่อน

เวลาผ่านไปไม่ถึงสี่วันยาหนึ่งโดสก็สามารถเปลี่ยนชีวิตของคนไข้คนหนึ่งได้

ความจริงเสียงดังกว่าคําพูด

ความสงสัยทั้งหมดที่พวกเขามีอยู่ได้หายไป และแทนที่ด้วยความนับถือและเชื่อมั่น

“สีหน้าของคุณดูดีขึ้นมากเลยนะครับ” หวังเข้าพูด

“ใช่ค่ะ ฉันรู้สึกเหมือนได้เปลี่ยนร่างกายใหม่เลยล่ะค่ะ”เธอพูดออกมาอย่างจริงใจ“อาการปวดหัวลดลงและนอนกลับตอนกลางคืนได้สนิท อาการหิวน้ําที่เคยเป็นก็หายไปยาของหมอวิเศษมาก”

“แต่คุณก็ยังไม่ถือว่ารักษาหายแล้วนะครับ” หวังเย้าพูด “คุณกินยาอีกสักสองโดสแล้วมาดูว่าจะเป็นยังไงดีไหมครับ?

“โอ้ ได้ค่ะ!”

ครั้งนี้ พวกเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย และไม่แสดงท่าที่ละล้าละลังเหมือนอย่างก่อนหน้านี้เลย

“รอเดี๋ยวนะครับ”

ทั้งสามนั่งรออยู่เงียบๆ ในอีกห้องหนึ่ง หวังเย้ากาลังท่ายาอยู่

“เรียบร้อย

ตัวยายังราคาเท่าเดิม แต่พวกเขากลับยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อมัน

“หมอหวัง ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าเราต้องอยู่ที่นี่อีกนานไหมครับ?”

“เรามารอดูผลหลังจากที่กินยาถ้วยนี้กันนะครับ” หวังเย้าพูด “ถ้าผลออกมาดีคุณก็กลับไปพักผ่อนได้แล้วค่อยกลับมาตรวจใหม่อีกที”

“ได้ครับ ขอบคุณมาก”

หลังจากกินยาไปแล้ว ทั้งสามก็กลับไป พวกเขาต่างก็โล่งใจ

“เฮ้อ ที่พวกเราเคยกังวลกลายเป็นเรื่องไร้สาระไปเสียอย่างนั้น” ชายอายุอ่อนกว่าพูด

ก่อนจะมาที่นี่ พวกเขาต่างก็กังวลว่าหมอจะเกลียดขี้หน้าพวกเขา เพราะท่าที่ดูถูกที่พวกเขาแสดงต่อเขาในครั้งก่อนและเป็นผลให้เขาไม่ยอมรักษาเธอต่อแบบนั้นคงจะกลายเป็นปัญหาสําหรับพวกเขา หลังกินยาไปได้ไม่ถึงสี่วันพวกเขาก็ได้รู้ว่าฝีมือการรักษาของหมอหนุ่มคนนี้ยอดเยี่ยมอยากที่ได้ยินมาจริงๆเขาสามารถรักษาได้ทุกโรคอาการป่วยของเธอก็ดูเหมือนจะเริ่มดีขึ้นถ้าความพยายามของพวกเขาต้องเสียเปล่าเพราะการกระทําที่ไร้มารยาทในครั้งนั้น พวกเขาคงเสียใจและรู้สึกผิดโดยเฉพาะชายายุแก่กว่าที่มาเป็นเพื่อนพวกเขา

“เราอยู่ต่ออีกสามวันดีไหม?”

“ดีสิ”

ทั้งสามกลับเข้าตัวเมืองเหลียนชาน

หวังเย้าอยู่ที่คลินิกเพียงลาพัง เมื่อไม่มีคนไข้ เขาก็หยิบมือถือขึ้นมาดูข่าวมีข่าวหนึ่งที่เรียกความสนใจจากเขาได้ คืนก่อนได้เกิดพายุลูกเห็บขึ้นในพื้นที่ที่ห่างจากที่นี่ไปหลายร้อยไมล์ขนาดของลูกเห็บนั้นใหญ่มากมันได้สร้างความเสียหายมากมายโดยเฉพาะบ้านที่มีบานหน้าต่างเป็นกระจกและตัวรถที่ถูกจอดเอาไว้ด้านนอก ที่น่าประหลาดใจไปกว่านั้นก็คือการที่มีคนได้รับบาดเจ็บจากพายุลูกเห็บถึงสิบกว่าคนพวกเขาต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล คนไข้ยังคงอยู่ในห้องไอซียูและยังไม่ พ้นขีดอันตราย

เมืองหลาย ทิศตะวันตกเฉียงใต้…หรือที่ท้องฟ้าเกิดความผิดปกติเมื่อคืน?

เรื่องนี้ที่ดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่องและไม่เกี่ยวข้องกัน กลับถูกนํามาเชื่อมโยงในคิดความของหวังเย้า

เขาหยิบสมุดที่ไม่ได้ใช้งานขึ้นมา และจดบันทึกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าลงไปอย่างละเอียด เขายังวาดภาพง่ายๆที่ไม่ได้สวยงาม แต่ตัวเขาเข้าใจลงไปด้วย

ไกลออกไปหลายพันไมล์ ที่เมืองเล็กๆในเขตยูนนานใต้

“นี่มันหมายความยังไงกันครับ?” กั่วเจิ้งเหอมองรายงานตรงหน้า เขาดูโมโหมาก

ผู้กํากับที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก้มหน้าและไม่พูดอะไร สีหน้าของเขาดูสิ้นหวัง

“ในสามวัน มีคนตายไป 11 คน บอกผมที่สิครับ ผมควรจะรายงานเรื่องนี้กับทางเมืองว่ายังไง?ลองดูข่าวในอินเตอร์สิครับ มันแทบจะกลายเป็นไวรัลอยู่แล้วผมเพิ่ง ได้รับสายจากผู้ว่าการจังหวัดหลิว เพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนี้!”

ไม่ว่าเป็นที่ไหน หากเกิดเรื่องขึ้นพร้อมกันมากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ ก็มักจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาและต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ที่มากไปกว่านั้นผู้ตายทั้ง 11 คนยังเป็นคนจากหมู่บ้านเดียวกันแต่กลับเสียชีวิตในพื้นที่ที่ต่างกันออกไป มีทั้งบนเขา,ในบ้าน, และในรถที่น่าตกใจก็คือพวกเขาไม่สามารถหาต้นตอหรือสาเหตได้เลย

“ทางนิติเวชว่ายังไงบ้างครับ?”

“ทางนิติเวชยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบอยู่ครับ แต่ เท่าที่รู้ ทางนั้นยังหาความผิดปกติไม่พบเลยครับ”

“ไม่เจอความผิดปกติ แต่มีคนในหมู่บ้านตายไปถึง 11 คนทั้งผู้ชาย,ผู้หญิง, คนแก่,แล้วก็เด็กคุณจะบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญเหรอครับ?”

“นี่…” ผู้กํากับไม่รู้ว่าควรตอบยังไง มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะตรวจสอบเรื่องนี้ยังไงมันกลับไม่มีเงื่อนงําอยู่เลย

“พวกคุณทําให้ผมผิดหวังมาก!”