ตอนที่ 164 หลบหนี

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 164 หลบหนี

 

เปรี้ยง!! เปรี้ยง! เสียงราวกับสายฟ้าฟาดดังไปทั่วผืนป่าและภูเขาทําเอาเหล่าสัตว์และอสูรต่างพากันหลบหนีไปที่อื่น เพราะหลายเดือนมานี้เขตใกล้น้ําตกเกิดเรื่องวุ่นวายแทบจะทุกวัน

 

ตูม! ร่างของอู๋หมิงถูกซักเสียจนกระแทกกับต้นไม้ข้างหลัง ขณะมันกําลังพยายามตอบโต้ร่างของเฒ่าประทับสวรรค์ก็เข้ามาโจมตีซ้ําอีกครั้ง

 

เปรี้ยง!! อู๋หมิงกัดฟันแน่นก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีเฒ่าประทับสวรรค์สวนกลับไป กระบี่ของอู๋หมิงยามนี้ปะทะกับฝ่ามือของเฒ่าประทับสวรรค์อย่างรุนแรงและรวดเร็วจนคนภายนอกคงได้แต่มองตาค้าง ความเร็วของทั้งสองรวดเร็วจนน่าขนลุก

 

ซ่า! แม้การปะทะจะหนักหน่วงรุนแรง แต่ทันทีที่อู๋หมิง กระโดดเข้าไปในม่านน้ําตกเฒ่าประทับสวรรค์ก็หยุดตามในทันที

 

“แฮก แฮก”อู๋หมิงหอบหายใจพลางนั่งลงกับพื้น หลังจากมันโดนขังเอาไว้ในถ้ําหลังน้ําตกแห่งนี้ อู๋หมิงก็พยายามหนีออกไปหลายต่อหลายครั้ง ทั้งรอให้เฒ่าประทับสวรรค์ออกไปจากเขตน้ําตก ทั้งพยายามศึกษาท่าที่เฒ่าประทับสวรรค์ใช้ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่มันก็ไม่อาจหนีจากผู้มีพลังวิญญาณระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 ได้เสียที ความจริงต้องบอกว่ามันโชคดีมากที่มีน้ําตกแห่งนี้อยู่ ทําให้มันสามารถหลบอยู่ข้างในได้หลังจากสู้กับเฒ่าประทับสวรรค์จนหมดแรง

 

“ทั้งๆที่อ่านกระบวนท่าได้หมดแล้วแท้ๆ”อู๋หมิงว่าพลางมองตําราในมือของมัน อู๋หมิงได้อ่านตําราและทําความเข้าใจท่าของเฒ่าประทับสวรรค์ทั้งหมดแล้ว แถมยังเข้าใจอีกด้วยว่าทําไมเฒ่าประทับสวรรค์ถึงมีสภาพไม่ต่างจากสัตว์ เพราะการฝึกตามตําราเล่มนี้แทบไม่ต่างจากการเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสัตว์ตัวหนึ่งเลย ทําให้อู๋หมิงอาศัยอ่านทําความเข้าใจเท่านั้นไม่ได้ฝึกฝนตามแต่อย่างไร

 

จ๋อม อู๋หมิงสร้างเบ็ดตกปลาจากของเหลือใช้ในมิติ ของมันเพื่อตกปลามากินในถ้ําส่วนน้ํานั้นแทบมีไม่ขาดเพราะด้านหน้ามันเป็นน้ําตกอยู่แล้ว เรียกได้ว่าช่วงหลายเดือนมานี้อู๋หมิงมีชีวิตรอดเพราะน้ําตกแห่งนี้เลยก็ว่าได้ แถมด้วยเวลาที่ผ่านมาอู๋หมิงยังเลื่อนระดับพลังวิญญาณขึ้นมาเป็นระดับเหรินเซียนเรียบร้อยแล้ว ทําให้มันสู้กับเฒ่าประทับสวรรค์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

หลังจากพักผ่อนฟื้นฟูพลังและฝึกฝนพลังวิญญาณเพิ่มเติมมา 2 วันแล้วอู๋หมิงก็ออกจากม่านน้ําตกอีกครั้งพร้อมถือกระบี่ทัณฑ์สวรรค์เอาไว้ในมือ

 

“กรรร” แทบจะทันทีที่อู๋หมิงออกมา เฒ่าประทับสวรรค์ที่เฝ้าอยู่ตรงนั้นก็พุ่งเข้ามาโจมตีทันที ด้วยพลังของมันทําให้สามารถยืนบนน้ําได้ไม่ยาก ส่งผลให้การต่อสู้รอบแรกเกิดขึ้นบนผิวน้ําของน้ําตกแทบทุกครั้ง

 

เปรี้ยงๆๆๆๆ!! อู๋หมิงแทงกระบี่ออกไปด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ แม้จะไม่ตั้งใจแต่วิชาในตําราเล่มนั้นก็เพิ่มความสามารถของอู๋หมิงไม่น้อย อย่างเช่นการแปลงฝ่ามือประกายอัสนีกลายมาเป็นวิชากระบี่ ทําให้อู๋หมิงสามารถออกกระบี่ได้ไวมากจนแต่ก่อนเทียบไม่ติด ยิ่งอู๋หมิงเป็นผู้ใช้ธาตุสายฟ้าอยู่แล้ววิชาของพยัคฆ์อัสนี้ยิ่งเหมาะกับอู๋หมิงมากกว่าไป๋จูเหวินเสียอีก

 

เปรี้ยง! แถมด้วยความสามารถแต่เดิมของอู๋หมิง การทําลายกระบวนท่าของเฒ่าประทับสวรรค์ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงอีกต่อไปแล้ว เพราะมันแทบจะรู้กระบวนท่าทั้งหมดที่เฒ่าประทับสวรรค์เรียนมาจากตําราแล้ว

 

ตูม! แต่ถึงอย่างนั้นความห่างของพลังระหว่างเหรินเซียน กับเทียนเซียนขึ้น 10 นั้นยังห่างไกลกันมาก ทําให้อู่ห มิงพลาดโดนโจมตีแค่ครั้งเดียวก็บาดเจ็บมากแล้ว

.

เปรี้ยงๆๆ กระบี่ของอู๋หมิงยังคงแทงไปที่แขนของเฒ่าประ ทับสวรรค์เพื่อหยุดการโจมตีของมันเอาไว้ แม้จะไม่มี ทางชนะ แต่หากคลี่คลายกระบวนท่าไปเรื่อยๆอู๋หมิงก็มีทาง รอด นั้นคือแม่น้ําที่น้ําตกไหลไปหานั่นเอง อู๋หมิงเคยทดลอง ดําน้ําดูแล้ว ปรากฏว่าเฒ่าประทับสวรรค์ไม่ได้ตามมันมา ราวกับโดนกระแสน้ําบดบังสัมผัสไม่มีผิด แต่ทางนี้ใกล้ๆน้ํา ตกมีจุดที่ลึกพอไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นน้ําตื้น หากจะดําน้ําหนี ไปต้องมุ่งไปอีกหลายกิโลที่เดียว

 

ตูม! แม้จะพยายามคลี่คลายกระบวนท่าของเฒ่าประทับสวรรค์ แต่ด้วยกําลังและไอเซียนที่แตกต่างกันทําให้อู๋หมิง เสียท่าอยู่ตลอดระยะทางไม่กี่กิโลที่ปกติอู๋หมิงใช้เวลาพริบตาเดียวก็ไปถึงกลับไกลราวกับจะเดินทางข้ามอาณาจักร

 

ตูม! ขณะอู๋หมิงกําลังกัดฟันสู้อยู่นั้น อยู่ๆคลื่นดาบสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาโจมตีร่างของเฒ่าประทับสวรรค์อย่างจัง แม้วิชาที่ใช้จะดูคุ้นตา แต่มันกลับรุนแรงกว่าที่อู๋หมิงจําได้มากมายหลายเท่านัก

 

“ท่านเซียนดาบ”อู๋หมิงเบิกตากว้างพลางมองร่างของเซียนดาบที่มุ่งตรงมายังจุดที่มันอยู่ ลืมไปเลยว่ามันบอกให้หยุนฟางไปตามอาจารย์ของนางมา

 

ตูม! วิชาของเซียนดาบที่ใช้โดยเซียนดาบนั้นรุนแรงจนน่าขนลุก หากมันต้องการเพียงฟาดดาบเพียงครั้งเดียวก็คงสามารถผ่าทั้งภูเขาได้ไม่ยาก

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน” เซียนดาบว่าพลางมองเฒ่าประทับสวรรค์ที่มีท่าที่ราวกับสัตว์ป่า

 

“น่าจะเพราะธาตุไฟเข้าแทรกขอรับ”อู๋หมิงว่าพลางถอยมายืนข้างๆเซียนดาบ ยามนี้เฒ่าประทับสวรรค์เสียสติ ทําให้ไม่อาจใช้พลังได้เต็มที่ แม้แต่อู๋หมิงยังสามารถสู้กับมันได้อย่างสูสี มีหรือที่เซียนดาบผู้อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 จะรับมือไม่ไหว

 

“” เซียนดาบถึงกับอึ้งไปพักหนึ่ง แม้กระบวนท่าจะรวดเร็วขึ้น และดูแปลกพิสดารอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่กําลังของเฒ่าประทับสวรรค์กลับตกลงอย่างฮวบฮาบ เฒ่าประทับสวรรค์ยามนี้อ่อนแอกว่าตอนเสียสติมาก

 

ตูมๆ ด้วยวิชาดาบของเซียนดาบ เฒ่าประทับสวรรค์เสียท่าอย่างง่ายดายแทบจะต้องลงไปนั่งกับพื้น แม้จะไม่ถึงตายแต่เฒ่าประทับสวรรค์ในยามนี้ก็ไร้หนทางต่อสู้กับเซียนดาบอย่างสิ้นเชิง

 

วูบ…เซียนดาบจ้างดาบขึ้นสูง แต่ดวงตาของมันกลับสั่นไหวไปครู่หนึ่ง แม้จะไม่ถึงขั้นรักกันปานพี่น้อง แต่มันกับเฒ่าประทับสวรรค์ก็เคยเห็นสหายกันมาก่อน แถมเมื่อก่อนเฒ่าประทับสวรรค์ยังเก่งกว่าตัวมันเสียอีก ทําเอาเซียนดาบถึงกับรับไม่ได้กับสภาพตรงหน้า

 

“กรรรร”เฒ่าประทับสวรรค์ส่งเสียงคํารามพลางมองดาบที่เซียนดาบยกค้างเอาวไว้ มันโดนไปหลายดาบแล้วทําให้ทราบโดยสัญชาตญาณแล้วว่าไม่ควรรับการโจมตีของเซียนดาบ หลังจากนั้นจดจ้องไปทางอู๋หมิงด้วยท่าทีเคียดแค้นแล้วมันก็หันหลังหนีไปโดยที่เซียนดาบไม่อาจทําใจฟาดดาบลงมาใส่มันได้

 

“ขอโทษด้วย ข้าทําไม่ลง” เซียนดาบว่าพลางลดดดาบลงเฉยๆ การที่คนระดับเฒ่าประทับสวรรค์เสียสติออกอาลาวาดไปทั่วเป็นเรื่องน่ากลัวและไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้น แต่เซียนดาบไม่อาจทิ้งความทรงจําที่มีกับเฒ่าประทับสวรรค์แล้วฟันมันได้

 

“ไม่หรอกขอรับ เท่านี้ข้าก็ต้องขอบคุณท่านมากแล้ว”อู๋หมิงว่าพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

“อู๋หมิง” ขณะกําลังขอบคุณเซียนดาบอยู่นั้น ร่างของหยุนฟางที่วิ่งตามอาจารย์ของนางมาก็ปรากฏขึ้นทันที ตัวนางเองนําทางอาจารย์มาตลอด แต่พออาจารย์สัมผัสพลังของอู๋หมิงและเฒ่าประทับสวรรค์ได้ก็รีบล่วงหน้ามาก่อนทันที กว่านางจะตามมาทันเรื่องก็จบเสียแล้ว

 

“หยุนฟาง…เจ้า”อู๋หมิงยังไม่ทันได้พูดอะไร ร่างของหยุนฟางก็สวมกอดมันอย่างแนบแน่น แขนของหยุนฟางรัดร่างของอู๋หมิงเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่ามันจะหายไปไหน

 

“ข้านึกว่าเจ้าจะตายไปแล้วซะอีก” หยุนฟางว่าพลางร้องให้ออกมา กว่านางจะตามหาอาจารย์จนพบแล้วกลับมายังที่แห่งนี้ก็เล่นเอาหลายเดือน ในใจนางแทบไม่คิดว่าอู๋หมิงจะยังมีชีวิตอยู่เสียด้วยซ้ํา

 

“นั่นสินะ ก็เกือบไปเหมือนกัน”อู๋หมิงหัวเราะพลางมองหยุนฟางที่กําลังร้องไห้อยู่ พอบอกว่าจริงๆมันเองก็เกือบตาย หยุนฟางก็ยิ่งร้องให้หนักเข้าไปอีก ทําเอาอู๋หมิงไม่ทราบจะตอบรับเช่นไรดี

 

“อะแฮ่ม…” เซียนดาบส่งเสียงในลําคอออกมาราวกับจะบอกว่ามันเองก็อยู่ตรงนี้ด้วย ทําเอาหยุนฟางหน้าแดงก่อนจะรีบปล่อยอู๋หมิงอย่างรวดเร็ว

 

“เจ้ายังมีชีวิตรอดก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นขาคงไม่กล้าสู้หน้าเทียนหมิงแน่ๆ” เซียนดาบว่าพลางตบบ่าของอู๋หมิงเบาๆ

 

“ขอบพระคุณอาวุโสที่ช่วยเหลือ ข้าน้อยจะสํานึกบุญคุณท่านไปทั้งชีวิต”อู๋หมิงว่าพลางประสานมือคารวะเซียนดาบอย่างเป็นทางการ ทําเอาเซียนดาบหัวเราะออกมา

 

.

 

.

 

“ท่านหัวหน้า” ขณะเดียวกันที่สมาคมแพทย์ อาวุโสคนหนึ่งรีบเข้ามาในห้องประชุมอย่างรวดเร็วพร้อมจดหมายใจมือของมัน

 

“มีอะไรเหรอ”รองหัวหน้าสมาคมถามพลางมองท่าทีลุกลี้ลุกลนของอาวุโส

 

“มีจดหมายมาจากแพทย์หลวงขอรับ” อาวุโสว่าพลางหอบหายใจออกมา แพทย์หลวงนั้นคือแพทย์จากสมาคมแพทย์ ที่ถูกส่งไปทํางานในวังหลวง โดยอํานาจของพวกมันนั้นแทบไม่ต่างจากเหล่าอาวุโสเลย

 

“แล้วจดหมายนั่นบอกว่าไง” รองหัวหน้าสมาคมถาม พลางบอกให้อาวุโสใจเย็นลงก่อน

 

“มันมันเป็นจดหมายเชิญขอรับ แพทย์หลวงที่ทําหน้าที่รับใช้องค์จักรพรรดิส่งจดหมายมาถึงท่านหัวหน้าสมาคมแพทย์ ให้ท่านเข้าไปตรวจร่างกายขององค์จักรพรรดิด้วยตนเอง” ได้ยินเช่นนั้นรองหัวหน้าสมาคมก็เบิกตากว้าง นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร

 

“แบบนี้นี่เอง ยู่หยวนเจ้าไปเตรียมออกเดินทางซะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางลุกขึ้นยืนด้วยท่าที่เรียบเฉย ทําเอาเหล่าอาวุโสและรองหัวหน้ากังวลกันถ้วนหน้า แม้แต่ยู่หยวนที่พึ่งได้รับคําสั่งเองก็เบิกตากว้างทําอะไรไม่ถูก

 

“นายน้อย..” รองหัวหน้าสมาคมว่าพลางลุกพรวดเข้าไปหาไป๋จูเหวินในทันที่ราวกับนึกอะไรออก

 

“มีอะไรเหรอท่านรอง”ไป๋จูเหวินถามพลางเลิกคิ้วสงสัย

 

“ท่านให้อสุรเลี้ยงจองท่านอยู่ที่นี่นะขอรับ ข้าจะเป็นคนดูแลพวกนางเอง การนําอสูรเข้าไปในเขตวังหลวงถือเป็นข้อห้าม แม้แต่ท่านหัวหน้าหวงหลงยังไม่อาจพาอสูรทั้ง 4 เข้าไปได้ขอรับ” รองหัวหน้าสมาคมรายงานด้วยความเป็นห่วง หากเผลอเอาอสูรเข้าไปมีหวังโดนตัดหัวแน่ๆ

 

“เข้าใจแล้ว ขอบใจเจ้ามากไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มรับ ในเมื่อเป็นวังหลวงก็ช่วยไม่ได้ หากคํานึงถึงความปลอดภัยการห้ามอสูรเข้าเขตวังก็ถือเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว