มวลน้ำกรดและไฟหายไปพร้อมๆ กัน วินาทีต่อมา ลูเซียนเรียกใช้รูปแบบเวทมนตร์ในวิญญาณตามสัญชาตญาณ และยิง ‘กระสุนระเบิดเวท’ สีดำสองนัดใส่เมอร์ล็อกที่ถือไม้เท้าปะการังตัวนั้น ก่อนที่เขาจะกระโดดไปอีกฝั่งด้วยความรวดเร็วประดุจเงา
ทันทีที่ ‘กระสุนระเบิดเวท’ เข้าใกล้เมอร์ล็อก ทันใดนั้น พวยน้ำโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นรอบตัวมัน และพวยน้ำนั้นก็ดูดซับกระสุนระเบิดเวทเข้าไปจนหมด
เวทมนตร์ระดับสอง ‘เวทต้านทานพลัง’
อาคมนี้ช่วยให้ผู้ร่ายเวทต้านทานพลังโจมตีได้ระดับหนึ่ง เมอร์ล็อกที่ยืนอยู่ตรงหน้าลูเซียนเป็นนักเวท
ด้วยความรวดเร็วของลูเซียน นักเวทเมอร์ล็อกยกไม้เท้าปะการังของมันขึ้นหาตำแหน่งที่ซ่อนตัวของลูเซียน
ทันใดนั้น ลูเซียนหัวเราะลั่นออกมาอย่างหยุดไม่ได้ การหัวเราะรุนแรงจนลูเซียนสั่นไปทั้งตัว
นักเวทคัวโทนตัวนี้ระบุตำแหน่งของเขาด้วยพลังวิญญาณ
พลังวิญญาณของลูเซียนเริ่มหมดและอ่อนแรง เพราะการหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของเขา เขาไม่สามารถร่ายคาถาหรือเรียกใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ได้ทั้งนั้น เท้าและแขนของเขาเริ่มอ่อนแรงและความเร็วของเขาตกลงอย่างน่าใจหาย
แม้ว่ายังหัวเราะเหมือนคนบ้า ลูเซียนกำลังกังวลสุดขีด เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ตอบโต้ให้ได้ผล การจู่โจมระลอกต่อไปนักเวทเมอร์ล็อกตัวนี้จะสังหารเขาได้ง่ายๆ
ลูเซียนกำหมัดซ้ายแน่นเพื่อสัมผัสถึงความเย็นของแหวน ‘แหวนอาฆาตเหมันต์’
สูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด เขาส่งความรู้สึกเย็นจากแหวนไปยังวิญญาณและพลังวิญญาณของเขาเพื่อระงับการหัวเราะสุดแสนอันตรายนี้ลงให้ได้
ทันทีที่ลูเซียนรู้สึกว่าเขาขยับตัวได้ เขาม้วนตัวไปกับพื้นถอยให้ห่างจากเมอร์ล็อก
เพียงแค่ครึ่งวินาทีต่อมา มวลพลังสายฟ้าปะทะเข้ากับจุดที่ลูเซียนกำลังหัวเราะอยู่เมื่อครู่และระเบิด จนห้องใต้ท้องเรือของนักเวทฝึกหัดกลายเป็นซากปรักหักพังไม่เหลือชิ้นดี
เส้นพลังสายฟ้าเล็กๆ ยังคาอยู่ระหว่างเส้นทางการวิ่งของมวลพลังสายฟ้า ลูเซียนก็ได้บาดเจ็บ เขารู้สึกทั้งเจ็บปวดทั้งชามหาศาล ผมของเขาตั้งตรง
อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดจากมวลพลังสายฟ้าทำให้ลูเซียนฟื้นสติจากการหัวเราะ เขาใช้โอกาสนี้เรียกใช้ ‘กำไลเชือกอัคคี’ ปล่อยลูกไฟทรงพลังพุ่งตรงใส่นักเวทเมอร์ล็อก
ลูเซียนต้องรอดตายให้ได้ก่อน เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องการจัดการกับร่องรอยการต่อสู้ที่เกิดจากลูกไฟในตอนนี้
แม้ว่าพลังของลูกไฟจะทรงพลังจนน่าขนลุก แต่นักเวทเมอร์ล็อกยังมีท่าทีใจเย็นมาก มันยกไม้เท้าปะการังขึ้นอีกครั้ง เมอร์ล็อกสร้างตัวมันเองขึ้นมาอีกตัว
ตัวที่ถูกสร้างขึ้นมาเหมือนกับเมอร์ล็อกเจ้าของร่างทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งสองตัวมีไม้เท้าปะการัง ทั้งสองตัวมีดวงตาสีเงินที่เยือกเย็น และทั้งสองตัวมีร่างที่เต็มไปด้วยเกล็ดเปล่งแดงสีแดง
เมื่อลูกไฟปะทะเข้ากับร่างของเมอร์ล็อกที่ลูเซียนเล็งเป้าไว้ตอนแรก ภาพสะท้อนของนักเวทเมอร์ล็อกแตกร้าวราวกับกระจกและสลายไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม นักเวทเมอร์ล็อกตัวจริงกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้ยืนอยู่ข้างๆ เจ้าตัวปลอม ภายในการคุ้มกันของ ‘เวทต้านทานพลัง’ และพวยน้ำขนาดใหญ่
ลูเซียนรู้สึกสิ้นหวังไปเสี้ยววินาที เขาไม่อยากเชื่อสายตาว่าอาคมโจมตีที่รุนแรงที่สุดจองเขาถูกนักเวทเมอร์ล็อกจัดการอย่างง่ายดาย!
นั่นคือเวทมนตร์ระดับสอง ‘กระจก’ ซึ่งสามารถสร้างภาพสะท้อนของผู้ร่ายเวทขึ้นมาหลายภาพเพื่อย้ายตัวผู้ร่ายเวทจากเป้าหมายการโจมตี ก่อนที่ภาพสะท้อนจะถูกทำลาย ผู้ร่ายเวทตัวจริงจะไม่ได้รับบาดเจ็บ
บางครั้งในการต่อสู้ ระดับเวทมนตร์อย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ขึ้นอยู่กับการใช้เวทอย่างถูกต้องถูกเวลาด้วย
ลูเซียนไม่มีทางเลือก การสิ้นหวังเอาตอนนี้หมายถึงความตาย ดังนั้น เขาเริ่มเคลื่อนที่ไปรอบๆ ด้วยความรวดเร็วอีกครั้ง เมื่อนักเวทเมอร์ล็อกยังฟื้นฟูพลังอยู่จากการร่ายคาถาครั้งที่ผ่านมา
ตอนลูเซียนกำลังเคลื่อนที่ไป เขาเรียกใช้รูปแบบเวทมนตร์อีกหนึ่งรูปแบบในวิญญาณ
เวทมนตระดับหนึ่ง ‘เวทสร้างความกลัว’
เงาถูกเรียกมา และเงาก็กระโจนเข้าใส่เมอร์ล็อกอย่างรวดเร็ว
ลูเซียนหวังว่าอาคมนี้จะมีผลต่อเมอร์ล็อกบ้าง เพื่อให้ลูเซียนได้มีโอกาสในการร่ายคาถาหรือล่าถอย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเงาจะปะทะเข้ากับนักเวทคัวโทนอย่างจัง เมอร์ล็อกดูเหมือนจะสามารถต้านทานอาคมบทนี้ ดวงตาสีเงินของมันเยือกเย็นและสงบนิ่ง ราวกับกำลังยืนดูการต่อสู้ของคนอื่น
ลูเซียนเห็นแสงแปลบปลาบผ่านดวงตาสีเงินของนักเวทเมอร์ล็อก แล้วเขาก็เห็นรูปแบบสีน้ำเงินซับซ้อนมากที่เป็นปริศนาและดึงดูดลูเซียนไว้ไม่ให้ละสายตา
ณ ตอนนั้น ‘ดาวหลักแห่งเทวลิขิต’ ของลูเซียนเริ่มเปล่งแสงสว่างจ้า นั่นเป็นสัญญาบอกและกระตุ้นลูเซียนให้รู้ว่าอันตรายกำลังมาถึง
พลังดวงดาวของลูเซียนเชื่อมโยงกับ ‘แหวนอาฆาตเหมันต์’ บนมือซ้ายของลูเซียน ลูเซียนรู้สึกถึงความกลัวที่คืบคลานเข้ามา ทันใดนั้น เขาเรียกสติคืนมาและดึงพลังจากกำไลและใช้ ‘โล่เพลิง’ ในทันที
ลูเซียนถูกควบคุมโดยเวทมนตร์ระดับสอง ‘วิญญาณสะกดจิต’! ของนักเวทเมอร์ล็อก
มวลน้ำก้อนใหญ่พลัดใส่คลุมตัวลูเซียน เขารู้สึกถึงแรงดันมหาศาลในน้ำ และเพลิงรอบตัวของเขาค่อยๆ มอด
เวทมนตร์ระดับสองอีกบท ‘ฟองอากาศถ่วงน้ำ’
เมื่อลูเซียนกำลังจะหมดสติอยู่ในฟองอากาศขนาดใหญ่นั้น เพลิงที่เขาเรียกมาเผามวลน้ำจนระเหยกลายเป็นไอเกือบหมดและทำลายอาคมนั้นลงได้ ขณะที่เพลิงและฟองอากาศหายไปพร้อมกัน ลูเซียนถลาม้วนตัวไปกับพื้นอีกครั้งทั้งๆ ที่ยังไม่มีโอกาสได้หายใจเต็มปอด ก็เพราะมีมวลพลังสายฟ้าถูกซัดใส่เขาอีกระลอก!
ลูเซียนไม่เคยรู้สึกหมดหวังขนาดนี้มาก่อน เขาตระหนักแล้วว่าเขาโชคดีขนาดไหนแล้วที่เอาชนะ ‘ฮันต์’ นักเวทศาสตร์มืดมาได้
ในสถานการณ์นี้ การเลือกร่ายอาคมมีความสำคัญมาก หากเลือกผิดนั่นอาจหมายถึงการจบชีวิตง่ายๆ
ลูเซียนสังเกตว่าดูเหมือนนักเวทเมอร์ล็อกร่ายเวทระดับสองที่เรียกว่า ‘จิตกล’ ใส่ตัวเอง ดังนั้น เวทมนตร์ที่จ้องเล่นงานสภาพจิตยังไม่ได้ผล
การร่ายเวท ‘จิตกล’ สามารถเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตที่มีอารมณ์ให้กลายเป็นสิ่งกลไก เช่น โกเล็มเหล็ก ดังนั้น จึงสามารถต้านทานเวทหลายๆ บทที่จ้องเล่นงานสภาพจิตของฝ่ายตรงข้าม
ลูเซียนรู้ว่านักเวทเมอร์ล็อกเชี่ยวชาญในการใช้เวทป้องกัน ดังนั้น ค่อนข้างเป็นไปที่การใช้เวทโจมตีของเขาหลายต่อหลายครั้ง หากไม่วางแผนอย่างรอบคอบ อาจสูญเปล่าเมื่อต้องเจอกับอสูรกายเช่นนี้
เมื่อคิดอย่างรวดเร็ว ลูเซียนวางแผนกลยุทธ์ที่เป็นไปได้ขึ้นมา
พอเมอร์ล็อกกำลังจะฟื้นพลังจากการร่ายเวทครั้งล่าสุดอีกครั้ง ลูเซียนวางแผนใช้ระเบิดจากลูกไฟคอยคุ้มกันเขา เพื่อกระโดดลงไปในน้ำหาโอกาสอันน้อยนิดที่จะรอดชีวิต
นอกจากนี้ ลูเซียนรู้สึกว่ากำลังเสริมของอัศวินกำลังจะมาถึงในไม่ช้า
‘เดี๋ยว’
ความคิดวูบหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัวลูเซียน
‘หลักของเวท “จิตกล” คือการฝังการทำงานตามกลไกลเข้าในสิ่งมีชีวิต ในกรณีนี้ จะไม่มีการผลิตฮอร์โมน และคลื่นสมองของสิ่งมีชีวิตก็กลายเป็นสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้น ผู้ใช้เวทนี้ยังต้านทานเวทที่จ้องเล่นงานสภาพจิต’ ลูเซียนคิดกับตัวเองอย่างรวดเร็ว ‘ว่ากันว่าวิญญาณของสิ่งมีชีวิตไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเท่ากับผู้ควบคุมของชีวิตที่ถูกเล่นแร่แปรธาตุ’
ลูเซียนรู้สึกถึงความหวังเล็กๆ ดังนั้น เขายกเลิกแผนที่จะหนีเพื่อคว้าโอกาสดีกว่าที่จะรอดชีวิต
เขาแฝงกายเข้ากับเงาและเริ่มจู่โจมนักเวทเมอร์ล็อกอีกครั้ง
คลื่นพลังที่มองไม่เห็นแผ่นออกจากวิญญาณของลูเซียน และสร้างเป็นคลื่นเวทมนตร์ทรงพลัง
เวทมนตร์ระดับหนึ่ง ‘เวทลวงใจคน’ ไม่เพียงใช้ได้ผลกับมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเล่นงานสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์แบบนี้ได้ด้วย!
นักเวทเมอร์ล็อกมีรอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนหน้า
‘ไม่มีทางที่ “เวทลวงใจคน” จะใช้ได้ผล’ เมอร์ล็อกคิด
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้น มันรู้สึกว่าลูเซียน มนุษย์ผู้ยืนอยู่ตรงหน้ามัน เป็นเจ้าแห่งมหาสมุทรที่มันเคารพบูชา
เมอร์ล็อกผ่อนการเคลื่อนพลังวิญญาณและหยุดร่ายคาถาเวทมนตร์ระดับสอง ‘ฟองอากาศถ่วงน้ำ’ โดยไม่ทันยั้งคิด
นักเวทเมอร์ล็อกตระหนักได้ในทันทีว่านี่มันไม่ถูกต้อง
แม้ว่าพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของนักเวทเมอร์ล็อกจะป้องกันตัวมันจากเวทบทต่อไปของลูเซียนได้สักพัก แต่ด้วยความรู้สึกที่ทิ่มแทงอยู่ในในที่เกิดจากเวทมนตร์ของลูเซียน เมอร์ล็อกสูญเสียสมาธิไปชั่วขณะ
‘เวทลวงใจคน’ รูปแบบนี้ลูเซียนพัฒนาขึ้นเอง โดยเน้นผลกระทบของเวทมนตร์ต่อวิญญาณของบุคคล แต่ลดพลังความรุนแรงจากการแทรกแซงคลื่นสมอง ดังนั้น จึงเป็นผลดีกว่าในการใช้เล่นงานนักเวท!
ความล้มเหลวในการร่ายคาถา ‘เวทลวงใจคน’ ใส่นักเวทเมอร์ล็อกทำให้ลูเซียนมีผลตีกลับเช่นกัน ดังนั้น เขาจึงรู้สึกหน้ามืดอยู่เป็นวินาที แต่ก็ไม่สามารถห้ามลูเซียนจากการเรียกใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ของเขา
ลูกไฟขนาดเท่าศีรษะมนุษย์ปรากฏขึ้นกลางอากาศและพุ่งเข้าใส่นักเวทเมอร์ล็อก
ตอนนี้ เมอร์ล็อกเหลือเพียงการคุ้มภัยจาก ‘เวทต้านทานพลัง’ และฟองอากาศ จ้องมองลูกไฟพุ่งเข้ามาใส่ เมอร์ล็อกดูยอมรับสภาพและหมดหวัง
สายเกินไปที่จะร่ายคาถาหรือเรียกใช้อุปกรณ์เวทมนตร์
ตู้ม!
ลูกไฟระเบิด
ชิ้นส่วนของนักเวทเมอร์ล็อกระเบิดกระจัดกระจายเป็นเศษเนื้อ บางชิ้นดำเป็นตอตะโก
อย่างไรก็ตาม แขนขาของเมอร์ล็อกยังคงขยับอยู่บนพื้นเรือ ตะเกียกตะกายกลับไปหาส่วนลำตัว
แน่นอน ลูเซียนคงไม่ปล่อยให้มันกลับมาได้อีกครั้ง
ลูเซียนถือ ‘ดาบอะเลิร์ต’ ในมือขวา และ ‘กริชดูดพลัง’ ในมือซ้าย เขากระโดดเข้าทำลายอวัยวะสำคัญที่เหลือของเมอร์ล็อก
แสงคมกริบวูบผ่าน หัวของเมอร์ล็อกขาดกระเด็น
ณ ตอนนี้ มีคนเดินลงบันไดลงมา เขาเห็นร่างเมอร์ล็อกที่ไร้วิญญาณและเห็นลูเซียนเช่นกัน
“เจ้าฆ่ามันหรือ!?” ทอมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ทอมสู้กับเมอร์ล็อกตัวนี้บนดาดฟ้าเรือก่อนหน้านี้ และเขารู้ดีว่ามันเป็นนักเวทระดับสองที่แข็งแกร่งมาก
ตอนที่ทอมรีบวิ่งลงบันไดมาข้างล่าง เขาไม่เพียงลงมาคุ้มกัน ‘หินคลื่น’ เท่านั้น แต่ลงมาช่วยลูเซียนกับนักเวทฝึกหัดด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายในหนึ่งนาที นักเวทเมอร์ล็อกก็ถูกลูเซียนสังหารได้แล้ว
……………………………………….