เฉินช่าวเย่หยิบจานอาหารที่เย็นชืดแล้ว 20 จานขึ้นมาและตามไปที่บ้านพักของชูฮัน เฉินช่าวเย่มองไปรอบพร้อมถอนหายใจ “ที่พักของพลเอกช่างหรูหราเหลือเกิน ฉันคิดว่าของฉันหรูหราพอแล้วนะ แต่ไม่คิดว่าของหัวหน้าจะขนาดนี้!”

 

ชูฮันมองไปที่การประดับประดาภายในบ้านและพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

 

“ชูฮัน” ทันใดนั้นก็มีเสียงกระซิบของหลิวยู่ติงอยู่ด้านนอกของบ้าน

 

เฉินช่าวเย่มองไปที่น่องไก่ในมือ สายตาของชูฮันเป็นประกายจากนั้นเขาก็ออกคำสั่งกับหวังไคที่อยู่ห่างออกไปจากเขาหลายกิโลเมตรทันที “เมื่อถึงตอนบ่ายที่ฉันจะเข้าไปในห้องประชุม นายลอบเข้าไปในห้องข้อมูลแล้วช่วยฉันขโมยบางอย่างที…”

 

“นายจะพึ่งพาฉัน?” หวังไคแทบจะเป็นลม “นี่นายจะใช้แรงงานเด็ก?”

 

“เรื่องนี้ต้องรีบจัดการให้โดยเร็วที่สุด” ชูฮันพูดอย่างจริงจัง

 

“มันมากเกินไป ฉันสู้กับหนู 5 ตัววันนี้ ฉันเกือบจะถูกจับได้แล้วจนเกือบจะโดนเอาไปย่างกิน” หวังไคพูดไม่หยุดวัง “นี่ฉันยังไม่ทันได้หายใจ นายจะใช้งานฉันอีกแล้ว?”

 

“งั้นฉันจะไม่ให้น่องไก่นาย!”

 

“ฉันจะวางแผนเดี๋ยวนี้เลย”

 

———

 

ปี 2016, 1 มกราคม เวลาบ่ายโมงตรง ณ ห้องประชุมขนาดใหญ่ภายในเมืองชั้นในของค่ายซางจิงได้เปิดประชุมระดับสูงครั้งแรกของยุคโลกาวินาศขึ้น

 

ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่มนุษยชาติต้องประสบกับโลกาวินาศและซอมบี้จำนวนมหาศาลที่บุกทะลวง อีกทั้งยังมีการกำเนิดสายพันธุ์ลูกผสม การกดขี่ระยะยาวได้กดดันให้ผู้คนกลายเป็นนักรบได้ภายในเวลาไม่นาน ทั้งกองทัพซอมบี้ กลุ่มลูกผสมที่กำลังจะสร้างสงครามกับมนุษย์ ตอนนี้นำโดยซางจิงได้รวบรวมวิวัฒนาการและพรสวรรค์ระยะสูงและพลเอกจำนวน 15 คน เพื่อมาพูดคุยเกี่ยวกับแผนการการอยู่รอดของมนุษยชาติ!

 

ครั้งนี้เป็นการประชุมที่มีความสำคัญอย่างมาก ไม่มีใครมาสายและชูฮันก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

 

ห้องมีโต๊ะยาวตั้งอยู่กลางวงล้อมประกอบไปด้วยผู้มีอำนาจที่แท้จริงของซางจิงและพลเอก 15 คน ที่นั่งถูกจัดตามลำดับตำแหน่ง และในจำนวนคนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ก็มีคนที่ชูฮันรู้จักอยู่พอสมควร ทั้งเขี้ยวมังกร อี้ ฟาน จุนจื่อ จุ้ยชู และเฉินช่าวเย่

 

มองไปที่ความกดดันบนสีหน้าของแต่ละคน มันเป็นการประชุมที่ใหญ่โตที่สุดที่เคยมีมาตั้งแต่เกิดการปะทุ การเดินทางครั้งนี้ไม่เปล่าประโยชน์เลย!

 

ทางด้านซ้ายของชูฮันคือตวนเจียงเหว่ย ส่วนทางด้านขวาชูฮันไม่รู้จัก ส่วนฝั่งตรงข้ามคือพลเอกจวงฮงซึ่งอยู่ห่างออกไปแค่เพียง 1 เมตร สีหน้าของจวงฮงอัดแน่นไปด้วยอารมณ์หลากหลาย

 

ผู้บัญชาการมู๋ที่นั่งอยู่เก้าอี้ตัวแรกเปิดการประชุม

 

เลาหมิง ที่นั่งถัดไปจากผู้บัญชาการมู๋พยักหน้าและเริ่มดำเนินการประชุมหลังจากมองไปรอบๆ “เรื่องแรกก็คือ ข้อเสนอที่จะปลดตำแหน่งของชูฮันจากจดหมายลงนามของนายทหารจำนวนมาก ถูกปฏิเสธ”

 

พรึบ! พรึบ! พรึบ!

สายตานับร้อยพุ่งมาหาชูฮันทันที สายตาที่มองมาเหมือนจะทิ่มแทงชูฮันไปได้หลายรูแล้ว

 

แค่ก! แค่ก!

ชูฮันไอออกมา เรื่องแรกของการประชุมกลายเป็นการถกเถียงประเด็นของเขาว่าควรออกจากตำแหน่งมั้ย? คนพวกนี้อยากจะเล่นกับเขาจริงๆสินะ!

 

“ทำไมถึงปฏิเสธครับ?” จวงฮงรีบแย้งขึ้นมาทันที “มีคนมากมายร่วมลงนามและจำนวนลายเซ็นต์ที่ลงนามที่เกินมากกว่าครึ่งของคนในห้องนี้ แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงถูกปฏิเสธ? ผู้เฒ่าเลา ท่านเห็นแก่ตัวมาก!”

 

“ท่านครับ” บางคนรีบผุดลุกขึ้นพูดเสียงดัง “ชูฮันทำการปลอมแปลงเอกสารด้วยตัวเองอย่างลับๆ ไม่เคารพต่อตราตำแหน่งพลเอก ไม่เคารพค่ายซางจิง และไม่เคารพทุกคนที่เตรียมการคำสาบานตนให้เขา คนคนนี้เหมาะสมกับการเป็นพลเอกแล้วเหรอ?”

 

ชูฮันส่ายหัวอย่างหมดหนทาง เขาคิดว่ามันจะเป็นการประชุมที่เข้มวงดและจริงจัง แต่กลายเป็นว่ามันเป็นเรื่องดีที่สามารถสู้กันได้ในการประชุม ในเมื่อการประชุมนี่ไม่ได้เป็นระเบียบและทางการอย่างที่เขาคิด ใครก็สามารถลุกขึ้นมาคัดค้านได้ การประชุมแบบนี้ช่างเหมาะสมกับเขาสุดๆ!

 

“นี่เป็นคำสาบานตนที่ถูกมอบให้ชูฮันเมื่อเช้านี้ คนที่เป็นคนส่งมอบให้ชูฮันได้ถูกควบคุมตัวไว้แล้วในตอนนี้ เพราะฉะนั้นหัวข้อนี้ไม่ควรจะถูกยกขึ้นมาพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคุณ” เลาหมิงพูดอย่างขี้เกียจ จากนั้นก็โยนกระดาษลงกลางโต๊ะ

 

จวงฮงหยิบกระดาษที่มีคำสาบานตนขึ้นมาดูทันที และทันทีที่เขากวาดตาอ่านมัน ตาของจวงฮงก็เบิกกว้างตามมาด้วยความเงียบ คำสาบานตนถูกส่งต่อไปรอบๆวงและสุดท้ายก็กลับมาที่เลาหมิง ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบสงบทันทีที่ทุกคนได้เห็นกระดาษแผ่นนั้น

 

“เฮอะ!” เลาหมิงแสยะยิ้ม “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแต่ละคนคิดอะไรอยู่ ก่อนที่จะทำเรื่องนี้คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาด้วย จะให้ปลดตำแหน่งพลเอกงั้นเหรอ?”

 

“ข้อเสนอแรกถูกปฏิเสธไป” ในจังหวะนั้นผู้บัญชาการมู๋ก็พูดขัดเลาหมิงที่กำลังจิบชาอยู่ “มีข้อคัดค้านอะไรมั้ย?”

 

“ไม่”

 

“ไม่”

 

“ข้อต่อไป”

 

ทั่วทั้งห้องประชุมไม่มีใครส่งเสียงคัดค้าน อีกครั้งที่สถานการณ์นี้ทำให้ชูฮันอยากจะแหกปากออกมา มันทำให้เขาตะลึงมาก เป็นไปได้อย่างไรที่คนมากมายขณะนี้มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์เมื่อเช้านี้? เหตุการณ์ถูกเปิดเผยและเสียงที่คัดค้านทั้งหลายก็เงียบไปทันที นี่มันเกินไป!

 

และในจังหวะที่เลาหมิงกำลังจะพูดต่อ จู่ๆชูฮันก็ลุกขึ้นและพูดด้วยท่าทางโกรธจัด “ผมคัดค้าน!”

 

เสียงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันของชูฮันไม่เพียงแต่ทำให้ทุกคนตะลึง แต่ตวนเจียงเหว่ยที่นั่งอยู่ข้างชูฮันก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าชูฮันกำลังคิดอะไรอยู่

 

“ชูฮัน! คุณจะทำอะไร?” ผู้จัดการทรัพยากรในซางจิง…พันชางเซียนกลัวมากเขารีบลุกขึ้นถามเพื่อให้ชูฮันหยุดประเด็นนี้ “คุณจะบอกว่าตำแหน่งพลเอกนี้ผิด? หรือมันยุ่งยาก? เรื่องก่อนหน้านี้ก็ได้รับการตรวจสอบแล้ว”

 

ชูฮันสูดลมหายใจเข้าลึกมองไปที่พันชางเซียนอย่างหมดความอดทน ตามาด้วยสายตาของกลุ่มคนที่มองมาอย่างไม่เข้าใจ “ผมไม่ได้พูดว่าผมไม่อยากเป็นพลเอก?”

 

“แล้วคุณคัดค้านเรื่องอะไร?” พันชางเซียงโพล่งออกมา แต่เมื่อหลุดปากออกมาพันชางเซียนก็ต้องตะครุบปากตัวเอง ฉันจะถามเขาไปทำไม? นี่มันโอกาสของชูฮันชัดๆ!

 

มีรอยยิ้มบนหน้าชูฮันแวบผ่านจากนั้นเขาก็เอ่ยปาก “ผมอยากจะให้ตำแหน่งของผมเป็นการรับประกันแบบตลอดชีวิต!”

 

อย่างไรก็ตาม ชูฮันไม่ปล่อยโอกาสให้คนพวกนี้ได้ทันตั้งตัว เขาพูดต่อทันที “ดูสิ่งที่ผมได้พบเจอตั้งแต่ที่ผมมาถึงซางจิงสิ ถูกผู้คนรวมกันปองร้าย ถูกหลอกลวงและข่มขู่ชีวิต และตอนนี้ก็ยากที่จะรักษาตำแหน่งพลเอกเอาไว้ได้ แถมยังมีคนที่คอยจะทำร้ายอยู่ตลอด! ผมถูกปลอมแปลงเอกสารและจะบอกว่ามันง่ายที่จะเอาเรื่องคนที่จงใจทำเหรอ คิดว่ามันง่ายเหรอที่จะคิดคำสาบานตนขึ้นใหม่ทันที? ผมถูกกลั่นแกล้งบนต่อหน้าสายกี่พันคู่ที่มองมาตอนอยู่บนเวทีโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้ มันไม่ง่ายเลยที่จะคิดคำสาบานตนใหม่และรวดเร็วทันทีแบบนั้น แล้วผมทำให้กองทัพเสียหน้ามั้ย? เปล่า! ผมทำอะไรที่เป็นผลเสียต่อซางจิงมั้ย? เปล่า! ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแต่ทำไมผมต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการโดนปลดตำแหน่งแบบนี้!”

 

“เพราะฉะนั้น ผมจะต้องทำให้มั่นใจว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาต ผมขอให้ตำแหน่งพลเอกของผมมีผลตลอดชีวิต!”