มันเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า ในที่สุด เสี่ยวหลัว เขาก็กลับมา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กลับมาคนเดียว เขากลับมากับผู้หญิงคนหนึ่ง!
“นี่มันคนสวย ซุน นี่?”
จาง ซูซาน เบิกตาของเขากว้างด้วยความประหลาดใจ
ผู้หญิงที่กลับมาบ้านพร้อมกับเสี่ยวหลัว คือ ซุนยู้!
เธอสวมชุดลำลองสีดำที่ถูกตัดเย็บอย่างประณีต ที่รอบคอมันเผยให้เห็นถึงกระดูกคอที่สวยงามของเธออย่างชัดเจน เธอสวมกระโปรงสั้นสีเทาและสวมกางขายาวทับอยู่อีกที มันโชว์ให้เห็นถึงเรียวขาที่เพรียวบางของเธอ ผมสีดำของเธอถูกมัดด้วยหางม้า เธอมีใบหน้ารูปไข่ขนาดเล็กจมูกที่ละเอียดอ่อนและมีปากเรียวเล็กที่น่ารัก ถึงแม้ว่าเธอจะรีบแต่งตัวออกมาอย่างรีบร้อน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงงดงาม
“พี่จาง!”
ซุนยู้ พูดทักทาย จาง ซูซาน อย่างสุภาพ และจากนั้นเธอก็เดินตรงเข้าไปหาคนทั้งห้าที่อยู่บนพื้นที่กำลังนอนหมดสติอยู่อย่างรวดเร็ว เธอวางกล่องปฐมพยาบาลที่เธอนำมาด้วยและเปิดมันออก จากนั้นเธอก็เริ่มรักษาบาดแผลให้กับพวกเขาในทันที
เนื่องจากมันมีบาดแผลมากมายในร่างกายของพวกเขา เสี่ยวหลัวจึงเดินเข้ามาช่วยถอดเสื้อผ้าของเขาพวกให้ เขาไม่สามารถปล่อยให้ ซุนยู้ ที่เป็นผู้หญิงถอดเสื้อผ้าของคนพวกนี้คนเดียวได้
“นี่คืออะไร? เกิดอะไรขึ้น? ความสัมพันธ์ของพวกเขามันพัฒนาไปข้างหน้ารวดเร็วเกินไปแล้ว!” จาง ซูซาน พึมพำกับตัวเอง
……
เป็นเวลาเกือบตี 2:00 น. พวกเขาจึงจัดการบาดแผลของพวกนั้นแล้วเสร็จ
เมื่อเวลาผ่านไปนานขนาดนี้เสื้อผ้าของเสี่ยวหลัวจึงแห้งสนิท โชคดีที่เขาหุ้มโทรศัพท์ของเขาด้วยกระดาษฟอยล์กันน้ำ ที่ฉีกเอาบางส่วนมาจากในโกดังสินค้า ก่อนที่เขาจะกระโดดลงไปในน้ำ มิฉะนั้นโทรศัพท์ของเขาก็คงจะพังไปแล้วในตอนนี้
“ทั้งสองคนจัดการบาดแผลของคนพวกนั้นเสร็จแล้วใช่ไหม”
เมื่อถามเสร็จ จาง ซูซาน ก็ดึงตัว เสี่ยวหลัว ออกไปที่มุมหนึ่งด้านนอกห้อง จากนั้นก็เขาใช้ภาษามือเพื่อถามว่า เสี่ยวหลัวและซุนยู้ ไปถึงไหนกันแล้ว จากนั้นเขาก็ยกนิ้วทั้งสองขึ้นมาและทำท่าเขาจูบกัน
“แกคิดผิดไปไกล เกินไปแล้ว” เสี่ยวหลัว ตอบ พร้อมกับกลอกตามองบน
“งั้นแล้วทำไม แกถึงขอให้เธอมาที่นี่หละ?”
“ฉันนึกไม่ออกเลย ว่าจะมีใครนอกจากเธอที่ช่วยฉันได้” เสี่ยวหลัว ตอบอย่างตรงไปตรงมา
เขาไม่สามารถเรียกน้องสาวของเขา เสี่ยวรุ่ยอิง มาได้ ถ้าเธอเห็นคนห้าคนที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิดจากมีด เสี่ยวรุ่ยอิง จะต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับตัวเขาอย่างแน่นอน แล้วเธอก็จะต้องถามคำถามกับเขาอย่างแน่นอนและเขาก็ขี้เกียจคิดหาเหตุผล มันมีเพียงแค่ ซุนยู้ เท่านั้นที่เพิ่งจะเลิกงานจากกะกลางคืน เมื่อเขาคุยกับเธอ เธอก็ตอบตกลงที่จะมาทันที
ทันใดนั้นซุนยู้ก็เดินออกมาจากห้องโถง เธอเช็ดเหงื่อที่ไหลจากหน้าผากของเธอ และบอกกับเสี่ยวหลัวว่า“ฉันช่วยพันแผลให้กับพวกเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
“ขอบคุณ!” เสี่ยวหลัวขอบคุณเธอด้วยใจจริง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยินดีช่วย”
ซุนยู้ยิ้มอย่างอายๆ เธอรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อเสี่ยวหลัว จากนั้นเธอก็พูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า“พี่เสี่ยวหลัว ฉันขอดูที่แขนของพี่หน่อสิ เมื่อตอนที่พี่มาหาฉัน ฉันก็คิดได้ว่ามันดูมีอะไรแปลกๆ พี่ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไรมันเป็นเพียงบาดแผลเล็กๆ มันไม่ได้สำคัญอะไร”
“บาดแผลเล็กๆ? เนื่องจาก คนสวยซุน อยู่ที่นี่แกควรปล่อยให้เธอตรวจสอบแผลเล็กๆของแกจะดีกว่านะ แผลยังไงก็ยังเป็นแผล นอกจากนี้ถ้ามันติดเชื้อขึ้นมาและเริ่มมีหนอง มันจะไม่กลายไปเป็นแผลใหญ่ไปเลยงั้นเหรอห่ะ!” จาง ซูซาน พูดขึ้น
“ไม่มีใครคิดว่าแกเป็นคนโง่หรอกนะ ถ้าแกไม่พูด”
เสี่ยวหลัวขมวดคิ้ว ขณะมองไปที่ จาง ซูซาน
“ลืมคำพูดของฉันไปเถอะ ฉันควรจะเข้าไปข้างในและดูแลพวกหมูที่นอนตายทั้งห้าคนนั่น เพื่อที่จะได้ไม่เป็นมือที่สามของแก”
จาง ซูซาน กลอกตาแล้วเดินเข้าไปในห้องโถง พร้อมกับปิดประตูเสียงดัง มันเป็นผลทำให้ตอนนี้มีเพียง เสี่ยวหลัว และ ซุนยู้ เท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้อยู่ข้างนอก
แก้มของซุนยู้ ขึ้นสีแดง เพราะคำพูดของ จาง ซูซาน มันโผงผางมาก ที่เขาพูดว่าตัวเองเป็นมือที่สาม
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับสิ่งนี้แล้วนั้น เธอเป็นกังวลเกี่ยวกับบาดแผลที่แขนของเสี่ยวหลัวมากกว่า: พี่เสี่ยวหลัว ฉันขอดูหน่อยสิ”
“มันไม่มีอะไรจริงๆ มันเป็นเพียงแค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น และมันก็คงจะหายได้ภายในสองสามวัน” เสี่ยวหลัวยิ้มเล็กน้อย ขณะที่พูด
เขาไม่ต้องการให้ ซุนยู้ เห็นแผลที่แขนของเขา มีดเก้าวงแหวนนั้นมันคมมากและบาดแผลของเขามันก็ลึกมาก หากเขาไม่ได้เย็บบาดแผลงเอาไว้ด้วยตัวเองและพันมันเอาไว้เพียงอย่างเดียว เลือดของเขามันก็คงจะไหลทะลักออกมาแล้ว
“ได้ค่ะ” เสี่ยวหลัวเขาดื้อรั้นเกินไป จนเธอทำได้เพียงแต่ยอมแพ้
เสี่ยวหลัว เขาไม่รู้ว่าจะพูดยังไง เขาคิดว่าเธอยังจะต้องไปทำงานอยู่ ดังนั้นเขาจึงพูดกับเธอว่า “ฉันเสียใจจริงๆ ที่รบกวนเวลาคุณมานานมากขนาดนี้ ฉันจะพาคุณกลับไปส่งที่โรงพยาบาลเอง”
“ได้ค่ะ!” ซุนยู้ พยักหน้าตอบรับ
เสี่ยวหลัวเคาะประตูและเอากุญแจรถมาจาก จาง ซูซาน และขับรถไปส่งซุนยู้กลับ
มันเป็นเวลากลางคืนที่เงียบสงบเมื่อ รถโคโรร่า สีขาวขับรถไปตามถนน
“คุณจะไม่ถามฉันเหรอ ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร?” เสี่ยวหลัว ถามขณะที่ขับรถ เขาทำลายความเงียบที่อยู่ในรถลง
“พวกเขาคือเพื่อนของพี่ ดังนั้นฉันจึงมั่นใจว่าพวกเขาเป็นคนดี” ซุนยู้ ตอบพร้อมกับส่ายหัว
“คนดี?”
“ใช่ค่ะ พี่เสี่ยวหลัวเป็นคนดี ดังนั้นเพื่อนของพี่ก็ควรที่จะเป็นคนดีเช่นกัน” ซุนยู้ ตอบพร้อมกับพยักหน้า บนใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอเผยรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ออกมา
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเสี่ยวหลัวนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด ถ้าซุนยู้ รู้ว่าเขาเพิ่งฆ่าคนไปมากกว่า 20 คนเมื่อไม่นานมานี้ เธอก็คงจะไม่คิดเช่นนี้ ในทางตรงกันข้ามเธอก็คงจะหวาดกลัวเขา และ ถอยหนีห่างออกไปจากเขาแน่ๆ
“พี่เสี่ยวหลัว เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงกำลังใกล้เข้ามาแล้ว พี่มีแผนที่จะทำอะไรบ้าง” ซุนยู้ ถาม
“ฉันยังไม่มีแผนที่จะทำอะไรเลย”
ซุนยู้ เผยรอยยิ้มขึ้นมา นัยน์ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวัง เธอพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุขว่า“พี่มาที่โรงพยาบาลเพื่อดูการแสดงดีไหม ที่โรงพยาบาลของเราเป็นเจ้าภาพจัดงานปาร์ตี้เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง พวกเขาเตรียมการมาเป็นพิเศษเลยนะ”
“คุณมีการแสดงบนเวทีหรือเปล่า” เสี่ยวหลัว ถาม
ซุนยู้พยักหน้าทันที: “อืม ฉันเพิ่งจะจัดตารางฝึกซ้อมเต้นรำกับพี่สาวในโรงพยาบาลเมื่อเร็วๆนี้ และพี่สาวเสี่ยวรุ่ยอิง ก็เหมือนว่าจะมีการเตรียมการแสดงอยู่เหมือนกัน เธอบอกการแสดงกับฉันมาแล้วแต่ฉันก็ลืมมันไปแล้ว ฉันก็เลยไม่รู้ว่าเธอจะแสดงอะไร”
“ได้สิแล้วฉันจะไปดู” เสี่ยวหลัวหัวเราะและเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
“การแสดงนี้ยอดเยี่ยมมาก และฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังอย่างแน่นอน” ซุนยู้ ยิ้มอย่างมีความสุข
เสี่ยวหลัวยิ้ม เขามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเป็นพิเศษกับผู้หญิงคนนี้ และเขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากเมื่ออยู่กับเธอ เขาไม่มีแรงกดดันอะไรเลย
“พี่เสี่ยวหลัว พี่ช่วยจอดรถหน่อยได้ไหม” ดวงตาของซุนยู้ นั้นส่องสว่างขึ้นในทันที ที่เธอมองไปที่ร้าค้าที่ขายอาหารข้างทาง
เสี่ยวหลัวค่อยๆจอดรถที่ข้างถนน
“พี่ชอบกินมันหวานเผาไหม?” ซุนยู้ ถามเขาขึ้นมาในทันที
“ก็ชอบอยู่นะ” เสี่ยวหลัว พยักหน้า
“งั้นพวกเรามาซื้อมันกันเถอะ ดูสิที่ร้านแผงลอยริมถนนมันมีมันหวานเผาขายอยู่ด้วย”
ก่อนที่เสี่ยวหลัวจะทันได้พูดอะไร ซุนยู้ เธอก็ผลักประตูรถเปิดออกแล้ววิ่งลงไปอย่างตื่นเต้น ดูเหมือนว่าเธอจะชอบมันหวานเผาเอามากๆ
เมื่อเห็นเธอลงไป เสี่ยวหลัวจึงต้องลงจากรถไปกับเธอด้วย จากในระยะไกลเขาสามารถได้กลิ่นที่แสนอร่อยที่ลอยอยู่ในอากาศของมันเผาได้เลย ซึ่งสิ่งนี้มันได้กระตุ้นความทรงจำในวัยเด็กของเขาขึ้นมามากมาย
“เถ้าแก่ ฉันขอสองหัว!”
“ราคา 2 เซ็น”
เจ้าของร้านแผงลอยหยิบมันหวานสองอันออกมาจากเตาปิ้งที่อยู่ข้างๆเขา ซึ่งมันทำหน้าที่เป็นเตาอบ เขาห่อพวกเขาไว้ด้วยกระดาษเอกสารและส่งต่อมันไปยังซุนยู้
ขณะที่ซุนยู้กำลังจะจ่ายเงิน เสี่ยวหลัวเขากลับมอบเงินไปให้กับเจ้าของร้าน 20 เซ็น ซะก่อนแล้วพูดว่า“ฉันอยากได้อีกสองหัว”
ตอนนี้เขารู้สึกหิวเล็กน้อย เนื่องจากพวกเขากำลังจะกินมันหวานเผา ดังนั้นเขาก็ควรที่จะกินมันให้อย่างเต็มที่
ซุนยู้เงยหน้าขึ้นมามองเขา แล้วยิ้มอย่างมีความสุข
……
เซียวหลัว เขาขับรถไปจอดที่สวนสาธารณะในเขตกวงหมิง แล้วนั่งลงตรงโต๊ะหินที่มีกระดานโกะสลักอยู่ พวกเขาทั้งสองคนเป็นพวกเดียวที่อยู่ในสวนสาธารณะที่กว้างใหญ่แห่งนี้ มันมีแสงที่สลัวรางอยู่เล็กน้อย และหากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็จะเห็นดวงดาว เหล่าแมลงที่ไม่รู้จักพากันบินออกมาจากมุมของพุ่มไม้ และส่งเสียงดังราวกับว่าพวกมันกำลังบินอยู่ข้างหูของพวกเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น