ตอนที่ 1481 ผลึกของวิญญาณอเวจี

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

เส้นไหมสีเงินเหล่านี้แน่นอนว่าย่อมเป็นปลาประหลาดแห่งแม่น้ำอเวจีที่หานลี่เห็นตอนแรก

 

 

ประหลาดเหล่านี้แต่ละตัวล้วนมีลักษณะบางยาวเหมือนเข็ม เแม้ว่าส้นไหมสีเงินที่วาดขึ้นมาจะไม่อาจทำอะไรปีศาจระดับสูงได้ แต่กลับเป็นอันตรายถึงชีวิตต่อปีศาจระดับต่ำที่ไม่อาจปล่อยลำแสงวิญญาณออกมาปกป้องร่างได้

 

 

ชั่วพริบตาปีศาจหลายร้อยตัวที่ล่วงหน้าเข้าไปในทางเดินก็ถูกแทงจนร่างเป็นรูพรุนกว่าครึ่ง แล้วล้มตึงลงกับพื้น

 

 

ปีศาจที่ทะลักเข้ามาจากด้านหลังพลันตกตะลึง แต่ปีศาจจำนวนไม่น้อยต่างทยอยกำลังสำแดงลำแสงวิญญาณออกมา ภูตทมิฬและหุ่นเชิดที่อยู่ทั้งสองด้านเองก็โบกสะบัดอาวุธมีดในมือ ชั่วขณะนั้นพลันต้านทานเส้นไหมสีเงินกว่าครึ่งเอาไว้ด้านนอก

 

 

เส้นไหมสีเงินที่อยู่ท่ามกลางม่านลำแสงสีดำยังคงพุ่งออกไปอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น

 

 

ส่วนปีศาจระดับต่ำที่เข้าไปอยู่กลางทางเดินต่างพยายามวิ่งหนีไปอีกด้านอย่างสุดชีวิตโดยมีผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตคนหนึ่งเปล่งเสียงร้องยาวๆ กระตุ้น

 

 

แม้ว่าจะเป็นปีศาจระดับต่ำ แต่เมื่อบินอย่างเต็มอัตรา ความเร็วของแต่ละตนล้วนน่าตกใจ

 

 

ไอปีศาจหมุนวนเป็นเกลียว ปีศาจจำนวนไม่น้อยข้ามผ่านทางเดินกว่าครึ่งไปได้แล้ว

 

 

และในตอนนั้นเองความเปลี่ยนแปลงก็ปรากฎขึ้น!

 

 

เงาสีดำเป็นสายๆ พลันปรากฎขึ้นกลางม่านลำแสงสีดำที่อยู่รอบๆ เสียงร้องประหลาดๆ ดังออกมาจากทั้งสี่ด้านแปดทิศ

 

 

เงาดำสนิทรูปทรงแตกต่างกันพลันปรากฎขึ้น บีบทะลักออกมาจากม่านลำแสงอย่างแปลกประหลาด

 

 

เงาสีดำเหล่านั้นบ้างก็อ้าปากออกพ่นลูกธนูน้ำสีขาวเป็นกลุ่มๆ ออกมา บ้างกลับเผยเขี้ยวแหลมคมเต็มปากออกมากระโจนเข้าฉีกทึ้งโรมรันกับปีศาจจนกลายเป็นก้อนกลมๆ

 

 

ปกติแล้วปีศาจที่ถูกธนูน้ำพ่นใส่จะทยอยกันล้มตึงจบชีวิตลง ที่มีลำแสงวิญญาณปกป้องร่าง ก็ดูเหมือนว่าจะไม่อาจต้านทานการลอบโจมตีจากลูกธนูน้ำได้ ชั่วพริบตาผิวกายพลันมีไอสีดำปรากฎขึ้น แต่ก็ต้านทานเอาไว้ได้แค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น

 

 

ส่วนปีศาจที่ฉีกทึ้งกับเงาสีดำเหล่านั้น เมื่อถูกกัดก็ดิ้นรนได้แค่เล็กน้อย แล้ววิญญาณก็แตกสลายไป ชั่วพริบตาซากศพก็กลายเป็นน้ำเหม็นคาวอาบย้อมไปทั่ว

 

 

คิดไม่ถึงว่าในปากของเงาสีดำเหล่านั้นจะมีพิษ!

 

 

“นี่คือภูตทมิฬ!”

 

 

แววตาของหานลี่มีลำแสงสีฟ้าเปล่งประกาย มองทุกอย่างอยู่ไกลๆ ด้วยความตระหนกตกใจ

 

 

ภายใต้เนตรวิญญาณ แน่นอนว่าเขาย่อมเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน เงาสีดำเหล่านี้คือซากวิญญาณรูปร่างประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วน แต่แค่ครานี้ล้วนกลายเป็นเหมือนผีดิบที่ไม่มีจิตสำนึก แค่พยายามกระโจนเข้าไปหาปีศาจที่มีชีวิต ไม่สนหุ่นเชิดและทหารภูติที่อยู่ด้านข้างทั้งสองฝั่งเลยสักกระผีก

 

 

แน่นอนว่าปีศาจระดับต่ำจำนวนนับไม่ถ้วนเองก็ไม่ใช่ว่าไม่มีกำลังต้านทาน ภายใต้การเสียเปรียบในคราแรกพวกมันบ้างก็พ่นลูกบอลเพลิงเป็นดวงๆ ออกมา บ้างก็ปล่อยเคล็ดวิชาสมบัติเมฆวายุต่างๆ ออกมาโถมโจมตีไปยังภูติทมิฬเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง

 

 

ทว่าสิ่งที่ทำให้ปีศาจประหวั่นพรั่นพรึงก็คือไม่ว่าจะใช้เคล็ดวิชาใดโจมตีไปบนร่างของภูติทมิฬเหล่านี้ ก็จะทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบและจมหายเข้าไปในร่างของพวกมันอย่างไร้ร่องรอย

 

 

คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีผลเลยสักนิด!

 

 

ครานี้ปีศาจทั้งหมดต่างขนพองสยองเกล้า

 

 

“เจ้าโง่! ภูติทมิฬไม่อาจออกห่างจากแม่น้ำอเวจีได้มากนัก แค่วิ่งออกจากทางเดินก็ปลอดภัยแล้ว” น้ำเสียงที่เย็นชาของลิ่วจู๋พลันดังสะท้อนไปมาในทางเดิน สั่นสะเทือนโสตประสาทหูทั้งสองข้างของปีศาจทั้งหมด

 

 

ชั่วขณะนั้นปีสาจระดับต่ำถึงได้เข้าใจ ทันใดนั้นก็ไม่สนการโจมตีภูติทมิฬอีก แค่พยายามบินไปยังอีกด้านของทางเดินอย่างสุดชีวิต

 

 

ระยะห่างหมื่นจั้งเศษสำหรับปีศาจที่มีความรวดเร็วเหล่านี้ แค่ไม่กี่ชั่วอึดใจก็ข้ามผ่านไปได้แล้ว

 

 

ส่วนปีศาจที่เหลือที่มีหุ่นเชิดและภูตทมิฬปกป้องอยู่ แม้ว่าจะถูกปลาประหลาดและภูตทมิฬลอบโจมตีจนได้รับบาดเจ็บหนัก ทว่าโชคดีที่ปีศาจระดับต่ำมีจำนวนไม่มากนัก ปีศาจที่ล้มตายจึงเป็นแค่หนึ่งในห้าส่วนจากปีศาจที่กระโจนเข้าไปในทางเดินเท่านั้น

 

 

ฝูงปีศาจระดับต่ำด้านหลังก็ยังคงทะลักเข้ามาราวกับคลื่นน้ำโดยมีปีศาจระดับสูงเป็นผู้กระตุ้น

 

 

กลิ่นอายโลหิตคละคลุ้งไปทั่วทั้งทางเดิน

 

 

มู่ชิง สตรีผู้งดงามและพวกที่อยู่ด้านนอกเห็นสถานการณ์ในทางเดิน ใบหน้าพลันเผยสีหน้าตึงเครียดออกมา กลับยังคงไม่มีผู้ใดลงมือช่วย เหมือนว่ากำลังรอคอยอะไรสักอย่างอย่างไรอย่างนั้น

 

 

ในตอนที่หานลี่กำลังขมวดคิ้วคาดเดาเจตนาของคนอื่นอยู่ในใจนั้น กลางอากาศในทางเดินก็มีเงายักษ์สีดำปรากฎขึ้น

 

 

พลิ้วไหวอย่างรุนแรง ม่านลำแสงสีดำที่แต่เดิมมั่นคงมากพลันสั่นเทา

 

 

เสียง “สวบๆ” ดังขึ้น หนวดยักษ์สองสามเส้นโจมตีทลายม่านลำแสงออกราวกับงูเหลือมยักษ์ ชั่วครู่ก็ทะลวงเข้าไปในทางเดิน

 

 

แค่กวาดไปอย่างส่งเดชก็ม้วนเอาปีศาจสิบกว่าตนที่หลบไม่ทันเข้าไป ดึงออกจากม่านลำแสงในแม่น้ำอเวจีอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า

 

 

หลังจากเสียงร้องครวญครางสิบกว่าเสียงดังขึ้น ปีศาจเหล่านั้นก็ดูเหมือนว่าจะถูกเงาสีดำยักษ์กลืนกินเข้าไปในท้อง จากนั้นหนวดยักษ์ก็ปรากฎขึ้นในทางเดินอีกครั้ง

 

 

ชั่วขณะนั้นพลันเกิดความโกลาหลขึ้นในบรรดาปีศาจระดับต่ำที่อยู่รอบๆ!

 

 

“ปรากฎกายแล้ว ลงมือ!”

 

 

เหล่าราชันย์ปีศาจเห็นหนวดปรากฎขึ้น พลันรู้สึกปิติยินดีขึ้นพร้อมกัน ลิ่วจู๋ยิ่งร้องตะโกนออกมาอย่างไม่ลังเลย

 

 

ชั่วขณะนั้นผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตทั้งสอง ลิ่วจู๋ มู่ชิง สตรีผู้งดงามและพวกรวมห้าคนพลันมีลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนเรือนร่าง และหายวับไปจากที่เดิม

 

 

ครู่ต่อมากลางอากาศที่หนวดปรากฎขึ้น ร่างห้าคนปรากฎขึ้นอีกครั้ง

 

 

มู่ชิงและพวกสี่คนชูมือขึ้นตะปบออกไปกลางอากาศพร้อมกัน

 

 

มือลำแสงยักษ์หลากสีสันสี่มือพลันปรากฎขึ้นทันที หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบก็ตะปบไปที่หนวดคนละเส้นแล้วออกแรงดึงลงมาด้านล่างพร้อมกัน

 

 

สิ่งมีชีวิตระดับหลอมร่างสี่คนลงมือพร้อมกัน เกรงว่าแม้แต่ภูเขายักษ์หมื่นใบมีดก็ยังถูกถอนขึ้นมาได้

 

 

เมื่อเสียงคำรามดังขึ้น เสียง “ปัง” พลันดังขึ้น เจ้าของหนวดถูกพลังมหาศาลสี่กลุ่มดึงจากม่านลำแสงเข้าไปในทางเดิน

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นก้อนเนื้อยักษ์สีขาวโพลน!

 

 

ไร้จมูกไร้ตา มีเพียงปากยักษ์ที่กินพื้นที่เกือบครึ่งตัวคน กว่าครึ่งของก้อนเนื้อมีหนวดยาวๆ เจ็ดแปดเส้น กว่าครึ่งถูกมือลำแสงตะปบเอาไว้ ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยได้เลยสักนิด หนวดเส้นอื่นๆ กลับโบกสะบัดไปมาอยู่กลางอากาศ ทุบลงมาหาเหล่าราชันย์ปีศาจอย่างแรง

 

 

เสียงแค่นเสียงด้วยความเย็นชาดังขึ้น!

 

 

กระบี่ลำแสงสีดำสนิทสายหนึ่งปรากฎขึ้นกลางอากาศ ลำแสงสีดำสว่างวาบ ผ่าก้อนเนื้อยักษ์ออกเป็นสองส่วนจากใจกลาง

 

 

เงาร่างคนสายหนึ่งพุ่งออกไปราวกับกลุ่มควัน พลิ้วไหวเล็กน้อยแล้วควักสิ่งหนึ่งออกมาจากก้อนเนื้อ จากนั้นลำแสงพลันมัวหม่นลงปรากฎร่างขึ้น

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นลิ่วจู๋ที่เมื่อครู่ไม่ได้ลงมืออะไรเลย

 

 

ครานี้เขาใช้มือหนึ่งถือผลึกหินสีขาวนวลเอาไว้เม็ดหนึ่ง ขนาดเท่าไข่ไก่ เปล่งแสงระยิบระยับ

 

 

“ในที่สุดก็ได้ผลึกวิญญาณอเวจีมา มีสิ่งนี้วันข้างหน้าก็สบายแล้ว” ลิ่วจู๋พิจารณาของในมือแล้วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

 

 

สตรีผู้งดงาม มู่ชิงและพวกเห็นว่าได้ผลึกหินนี้มาอย่างราบรื่น ก็เผยสีหน้าปลื้มอกปลื้มใจออกมา

 

 

“หึๆ ในแม่น้ำอเวจีจะมีจิตวิญญาณของแม่น้ำอเวจีอาศัยอยู่เพียงตนเดียวเท่านั้น การเคลื่อนไหวที่รุนแรงขนาดนี้ ไม่มีทางไม่ไปรบกวนสิ่งนี้ได้ แม้ว่ามันจะมีอิทธิฤทธิ์ แต่จะสู้พวกเราที่ร่วมมือกันโจมตีได้อย่างไร” ผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตเองก็หัวเราะหึๆ อย่างแปลกประหลาดออกมา

 

 

ใช่แล้ว! การร่วมมือกันเมื่อครู่ของคนเหล่านั้นดูเหมือนจะง่ายดาย แต่กลับเป็นผลมาจากการฝึกฝนมาหลายครั้ง ถึงได้สังหารจิตวิญญาณของแม่น้ำอเวจีที่มีความสามารถไม่น้อยลงได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

 

 

“ในเมื่อได้ของแล้ว พวกเราก็รีบข้ามไปเถิด ครั้งนี้มีเพียงภูตทมิฬที่ปรากฎตัว ไม่พบภูตโหดเ**้ยมตนอื่นที่พบครั้งที่แล้ว ก็นับว่าโชคดีแล้ว” มู่ชิงสะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเขียวม้วนวนออกไป ชั่วขณะนั้นพลันโผเข้าไปหาซากของภูตทมิฬที่แตกออกเป็นชิ้นๆ แล้วเอ่ยปากอย่างราบเรียบในเวลาเดียวกัน

 

 

คนอื่นๆ ไม่ได้มีเจตนาคัดค้านอะไร ทันใดนั้นก็กลายเป็นสายรุ้งเป็นสายๆ ทยอยกันพุ่งแหวกอากาศไปยังทางเดินอีกด้าน

 

 

ครานี้อีกด้านของทางเดินสีดำ รอจนลิ่วจู๋และพวกออกคำสั่งกับเหล่าปีศาจระดับสูงทุกคนแล้ว ก็เริ่มควบคุมลำแสงหลีกหนีบินเข้ามาในทางเดิน

 

 

หานลี่และวานรสีทองตามหลังปีศาจตนอื่นๆ ไป และจมหายเข้าไปข้างในเช่นกัน

 

 

สิ่งมีชีวิตระดับสูงอย่างหานลี่นั้น แน่นอนว่าการโจมตีของปลาประหลาดและภูตทมิฬย่อมไม่เพียงให้หวาดกลัว โดยเฉพาะตอนนี้ความเร็วของพวกเขาเหนือกว่าปีศาจระดับต่ำเป็นอย่างมาก

 

 

แค่ชั่วครู่พวกเขาก็ข้ามผ่านทางเดินมาได้อย่างปลอดภัย ปรากฎตัวกลางอากาศที่ไร้ที่สิ้นสุด

 

 

ส่วนปีศาจระดับต่ำที่บินออกมาจากทางเดินนั้น ก็ยังคงบินออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

 

หลังจากผ่านไปหนึ่งมื้ออาหาร ในที่สุดปีศาจสองสามหมื่นตัว ทหารภูตเกราะจันทราและหุ่นเชิดก็บินออกมาจากทางเดินสีดำจนหมด

 

 

ทหารภูตและหุ่นเชิดยังพอว่าแทบจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่ปีศาจระดับต่ำนั้นไม่เพียงจะหายไปส่วนหนึ่ง แม้แต่ตนที่มาปรากฎตัวที่นี่ก็ยังมีตนที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย โชคดีที่ปีศาจเหล่านี้ล้วนมีพลังฟื้นฟูที่น่าตกใจ จึงไม่จำเป็นต้องกลัดกลุ้มนัก

 

 

ลิ่วจู๋และพวกกลับทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ กลับรวมตัวกันปรึกษาอะไรกันสักอย่าง

 

 

หานลี่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ แววตาเปล่งประกายสว่างวาบขณะพิจารณาทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้า

 

 

เขาในครานี้อยู่เหนือพื้นดินไปสองสามพันจั้ง มองไปรอบๆ รอบๆ ล้วนเป็นเม็ดทรายสีดำสนิท และมีต้นหญ้าสีดำเหลืองความยาวสองสามชุ่นงอกอยู่ เผยให้เห็นความรกร้างอย่างน่าตกใจ

 

 

และเหนือศีรษะของพวกเขาก็มีน้ำของแม่น้ำอเวจีรวมตัวกันกลายเป็นท้องฟ้าสีขาวโพลน ราวกับว่าปกคลุมไปทั่วทั้งผืนดินก็ไม่ปาน

 

 

“ตามแผนที่วางไว้ ภูตทมิฬเกราะจันทราอยู่ด้านหน้า หุ่นเชิดอยู่ด้านหลัง” เหล่าราชันย์ปีศาจหารือกันเสร็จแล้ว หลังจากยืนยันตำแหน่งคร่าวๆ แล้ว ลิ่วจู๋ก็บินเข้ามาปากก็ออกคำสั่งไปด้วย

 

 

ชั่วขณะนั้นทุกคนพลันเกิดความโกลาหลขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นยังแบ่งออกเป็นสองสามกลุ่ม จากนั้นก็มุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่มโหฬาร

 

 

หานลี่ยังคงอยู่ยืนอยู่ด้านหลังมู่ชิงพร้อมกับวานรสีเหลือง

 

 

ร่างแน่งน้อยของมู่ชิงยืนอยู่บนดอกไม้ยักษ์สีทอง และคอยนั่งบัญชาการปีศาจระดับสูงอยู่ฝูงหนึ่ง

 

 

ลิ่วจู๋และสตรีผู้งดงามนำทหารภูตแปดพันตน และอาคมพายุทมิฬอยู่ด้านหน้า แน่นอนว่าผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตทั้งสองพลันกระตุ้นหุ่นเชิดอยู่ด้านหลัง

 

 

ทั้งกองทัพดูเหมือนมังกรยักษ์สีดำตัวหนึ่งที่เหาะไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็สลัดทางออกของทางเดินด้านหลังออกอย่างไร้ร่องรอย

 

 

หลังจากผ่านไปสองสามชั่วยาม ทั้งกองทัพก็บินออกมาจากทะเลทรายสีดำผืนนั้น ผลคือเบื้องหน้ามีของที่ทำให้หานลี่สูดลมหายใจเข้าด้วยความสยดสยอง

 

 

กระดูกสีขาวโพลนทอดสายตามองไปไม่เห็นปลายทาง!

 

 

ทางที่กองทัพเคลื่อนไปมีโครงกระดูกต่างๆ เรียงรายจนกลายเป็นที่ราบ โครงกระดูกเหล่านี้มีขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากัน เห็นได้ชัดว่าเป็นซากของสิ่งมีชีวิตหลายชนิด พวกมันบ้างก็กองสูงตระหง่าน บ้างก็เป็นด่างๆ แสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่คร่ำครึ

 

 

และยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นเหม็นเน่าที่โชยออกมาเป็นระลอกๆ พลันลอยมาจากที่ราบในส่วนลึกของโครงกระดูกนั้น

 

 

ทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นยิ่งรู้สึกกระสับกระส่าย

 

 

แต่กองทัพแค่หยุดชะงักไปเล็กน้อย ลิ่วจู๋และหญิงงามผมขาวที่เป็นผู้นำก็นำทัพเข้าไปในกองกระดูกนั้น

 

 

เข้ามาในรวดเดียวสิบลี้เศษ แต่สิ่งที่เข้ามาในครรลองสายตายังคงเป็นสีขาวโพลน และยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นอายเหม็นคละคลุ้งยังลอยตลบอบอวลขึ้นเรื่อยๆ

 

 

หานลี่ใช้ลำแสงวิญญาณห่อหุ้มร่างกันกลิ่นเหม็นนี้เอาไว้ แต่สายตากลับกวาดไปซ้ายทีขวาทีไม่หยุด รูม่านตาเปล่งแสงสีฟ้าออกมาเป็นบางครั้งคราว

 

 

แม้นว่าที่นี่จิตสัมผัสจะยังคงถูกกดเอาไว้ แต่จากความสามารถเนตรวิญญาณวารีกระจ่างของเขา กลับมองเห็นทุกอย่างที่อยู่ไกลๆ ได้อย่างง่ายดาย

 

 

ฉับพลันนั้นสีหน้าไม่อนาทรร้อนใจของหานลี่พลันเปลี่ยนเป็นตึงเครียด แล้วร้องอุทานออกมาเบาๆ