เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1193 กงหว่านถิง

แปลโดย iPAT

แสงแรกแห่งรุ่งอรุณส่องสะท้อนกลีบดอกไม้และใบหญ้ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้าง

อสรพิษสีเลือดเลื้อยคลานออกจากถ้ำของมันหลังจากคืนอันหนาวเหน็บ

เมื่ออุณหภูมิในร่างกายของมันกลับสู่สภาพปกติ มันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งเข้ากลืนกินเหยื่อเพื่อเก็บไว้รับมือกับความหนาวเย็นของคืนถัดไป

ในโลกนี้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด

อสรพิษตัวนี้ยังเลื้อยคลานต่อไป แต่ในจังหวะที่มันกำลังจะล่าเหยื่อตัวถัดไป เสียงระเบิดกลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน

“บึม บึม บึม บึม…”

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับเสียงกลองสงคราม

วังขนาดใหญ่เคลื่อนที่ผ่านก้อนเมฆและร่อนลงบนทุ่งหญ้าแห่งนี้

มันเป็นวังที่งดงามและมีสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนแลบลั่นอยู่รอบๆ

ในวังหลังนี้ นู๋เอ๋อกู่หัวเราะเสียงดัง “วังอสนีทรงพลังจริงๆ! งานประลองทุ่งโลหิตครั้งนี้เผ่านู๋เอ๋อของข้าจะใช้วังอสนีหลังนี้กำหราบศัตรูทั้งหมด ฮ่าฮ่าฮ่า”

เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงของฝ่ายธรรมะในภาคเหนือ เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียงและมีความสำเร็จที่น่าประทับใจ พลังการต่อสู้ของเขาอยู่ในระดับเดียวกับกวนซูของเผ่ากวน บัณฑิตสันโดษ และไป่ซุ้ยฮัน

นู๋เอ๋อกู่มีศีรษะเล็กแต่ท้องโต ใบหน้าซีดขาว แขนขาของเขาเล็กลีบเหมือนกิ่งไม้แห้ง โดยรวมแล้วเขาดูเหมือนคนป่วย

ตอนนี้นู๋เอ๋อกู่กำลังควบคุมวังอสนีและมีความสุขกับพลังอำนาจของมัน

นอกจากนู๋เอ๋อกู่ยังมีผู้อมตะเผ่านู๋เอ๋ออีกหลายคน ท่ามกลางพวกเขามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งขมวดคิ้วและตะโกน “เอาล่ะ นู๋เอ๋อกู่ หยุดใช้สายฟ้า มันเสียงดังเกินไป หากเจ้าใช้อีกครั้ง ข้าจะเปลี่ยนเจ้าเป็นคางคก”

เมื่อนู๋เอ๋อกู่ได้ยินการข่มขู่ของหญิงสาว ความตื่นเต้นของเขาอันตรธานหายไปในทันที

“ท่านยายทวด ข้าผิดไปแล้ว!” เขารีบหันหลังกลับและโค้งศีรษะขอโทษ

เด็กหญิงโบกมือ “เสี่ยวกู่ เจ้าต้องทำตัวให้ดี เราไม่ควรเปิดเผยความสามารถมากเกินไปในการประลองครั้งนี้ เผ่ากวนและเผ่าหลิวอยู่ใกล้เผ่าไป่ซูมากที่สุด หากเราใช้ความพยายามมากเกินไป พวกเขาจะเฝ้าดูอยู่ข้างสนามและรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์”

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะทำตามคำแนะนำของท่านยายทวด” นู๋เอ๋อกู่ตบหน้าอกของตนเองด้วยความมั่นใจ

ผู้อมตะเผ่านู๋เอ่อคนอื่นๆแทบไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้

ตามลำดับอาวุโส ผู้อมตะหญิงตัวเล็กผู้นี้คือยายทวดของนู๋เอ๋อกู่

จุดสำคัญที่สุดก็คือนางแข็งแกร่งมาก นางเคยทดสอบท่าไม้ตายอมตะของนางกับนู๋เอ๋อกู่ตั้งแต่เขายังเด็ก ความเจ็ดปวดที่นู๋เอ๋อกู่ได้รับทำให้เขาหวาดกลัวยายทวดผู้นี้เป็นอย่างมาก

“หือ คนเผ่ากงมาแล้วงั้นหรือ?” เป็นเพียงเวลานี้ที่เด็กหญิงมองเห็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกหลังหนึ่งอยู่ในระยะไกล

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้คือวังตะวันตกของเผ่ากงที่ส่องประกายเจิดจ้าราวกับแสงตะวัน

เมื่อนู๋เอ๋อกู่เห็นหญิงที่ยืนอยู่ที่ทางเข้าของวังตะวันตก เขาขมวดคิ้วทันที “เหตุใดเป็นนาง?”

หญิงผู้นี้ดูเหมือนอายุยี่สิบปลายๆ นางสวมเครื่องแต่งกายที่หรูหราราวจักรพรรดินี เส้นผมสีดำของนางถูกผูกมัดด้วยหยกและเครื่องประทับทอง ผิวของนางขาวราวหิมะ คิ้วของนางเรียวยาว ดวงตาแหลมคม โดยรวมแล้วภาพลักษณ์ของนางดูสง่างามมาก

“กงหว่านถิง?” เด็กหญิงเผ่านู๋เอ๋ออุทานด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ไปกับข้า”

ผู้อมตะเผ่านู๋เอ๋อบินออกจากวังอสนีและเดินทางไปยังทางเข้าวังตะวันตก

เด็กหญิงกล่าวทักทาย “น้องหว่านถิง หวังว่าเจ้าจะสบายดี”

กงหว่านถิงเผยรอยยิ้มบาง “พี่นู๋เอ๋อเฉียน วันนี้เป็นวันดีที่ได้พบท่าน”

ผู้อมตะทั้งสองยืนอยู่บนทุ่งโลหิต สถานที่จัดงานประลองครั้งใหญ่ของภาคเหนือ

ต่อมาคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังที่สามก็ปรากฏขึ้น

หอคอยเทพแสง!

มันเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะของเผ่าเหยา

ผู้อมตะเผ่าเหยา เหยาหยวนอิงบินออกมาและทักทายผู้อมตะหญิงของกงและเผ่านู๋เอ๋อ

นู๋เอ๋อกู่ลอบส่งเสียงไปหานู๋เอ๋อเฉียนอย่างลับๆ “ท่านยายทวด ดูเหมือนเผากงจะส่งกงหว่านถิงมาในครั้งนี้ กระทั่งเผ่าเหยาก็ยังส่งคนระดับสูงมาที่นี่”

นู๋เอ๋อเฉียนตอบกลับ “กงหว่านถิงเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการขององค์ชายฟงเซี่ยน ผู้ใดจะกล้าไม่เคารพนาง กระทั่งเหยากวงจะมาด้วยตนเอง เขาก็ยังต้องสุภาพกับนาง แต่คนที่เผ่าเหยาส่งมาคือเหยาหยวนอิง นางมีธรรมชาติที่อ่อนโยน นางไม่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้และสังหาร แต่นางมีความสามารถพิเศษด้านการรักษา ดูเหมือนเผ่าเหยาจะไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากนัก”

ผู้อมตะที่แต่ละเผ่าส่งมาสามารถบอกความคิดของพวกเขา

ในการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก เผ่ากงพบกับความสูญเสียมากที่สุด กงเอ๋อถูกลงโทษหลังจากกลับไป ครั้งนี้เผ่ากงต้องการส่งองค์ชายฟงเซี่ยนมาแต่องค์ชายฟงเซี่ยนปฏิเสธ ดังนั้นเผ่ากงจึงต้องส่งตัวเลือกที่ดีที่สุดลำดับถัดไปมาที่นี่ นั่นก็คือกงหว่านถิง

นางเป็นภรรยาขององค์ชายฟงเซี่ยน นางเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่แข็งแกร่ง พิจารณาจากตัวตนของนาง คนผู้หนึ่งสามารถบอกได้ว่าเป้าหมายของเผ่ากงในครั้งนี้คือการกอบกู้ชื่อเสียงของพวกเขา

เผ่าเหยาส่งเหยาหยวนอิงมา นางเป็นผู้อมตะสายรักษาที่ไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ เหยากวงเป็นสหายของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู พวกเขาตกลงที่จะจัดงานประลองครั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของถ้ำสวรรค์นิรันดร เห็นได้ชัดว่าเหยากวงยังให้ความสำคัญกับการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดของเขาเป็นหลัก

เผ่านู๋เอ๋อส่งนู๋เอ๋อเฉียนและนู๋เอ๋อกู่มาในครั้งนีั เนื่องจากนู๋เอ๋อกู่เป็นคนที่ไม่สามารถพึ่งพา ดังนั้นนู๋เอ๋อเฉียนที่มีประสบการณ์และเชื่อถือได้จึงต้องตามมาดูแลเขา

สมาชิกตระกูลฮวงจินปรากฏตัวขึ้นทีละกองกำลัง

เผ่าหลิว เผ่าเย่หลิว เผ่าจางอวี๋ เผ่าเมิ้ง เผ่าหยวน เผ่าเหนียงเอ๋อ เผ่ามู่หลาน เผ่ากวน

กองกำลังตระกูลฮวงจินมีทั้งหมดสิบเอ็ดเผ่า ทุกกองกำลังเป็นกองกำลังใหญ่ของภาคเหนือ

แต่ก่อนหน้านี้มีอีกสองเผ่า

หนึ่งคือเผ่าตงฟาง แต่น่าเสียดายที่ตงฟางชางฟานทำลายเผ่าของตนเองลงด้วยแผนการฟื้นคืนชีพของเขา

อาจกล่าวได้ว่าเผ่าตงฟางประสบความสำเร็จเพราะตงฟางชางฟานและล่มสลายเพราะตงฟางชางฟานเช่นกัน

อีกหนึ่งคือเผ่าไห่ เผ่าไห่มีผู้อมตะจำนวนมาก แต่พวกเขาถูกเผ่าไป่ซูกลืนกินและต้องละทิ้งแซ่ไห่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกตระกูลฮวงจินอีกต่อไปและกระทั่งถูกดูหมิ่น

“คารวะเทพธิดากงหว่านถิง” เช่นเดียวกับเผ่าเหยาและเผ่านู๋เอ๋อ ผู้อมตะจากเผ่าต่างๆล้วนทักทายกงหว่านถิงด้วยความอ่อนน้อม

พลังการต่อสู้ของกงหว่านถิงทำให้นางกลายเป็นผู้นำของฝ่ายธรรมะ สิ่งสำคัญที่สุดคือนางเป็นภรรยาขององค์ชายฟงเซี่ยน

“เผ่ากงส่งเทพธิดาหว่านถิงมาจริงๆ ชัดเจนว่าพวกเขาต้องการสะกดข่มเผ่าเหยา”

“คนของเผ่ากงชอบดูถูกผู้อื่น กล่าวตามตรง ข้าชอบเผ่าเหยามากกว่า อย่างน้อยที่สุดเหยากวงก็เป็นคนตระกูลฮวงจินของเรา”

ผู้อมตะเผ่าต่างๆลอบพูดคุย ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นใต้น้ำของฝ่ายธรรมะ

“เมื่อเทพธิดาหว่านถิงอยู่ที่นี่ ข้า เหยาหยวนอิงจะกล้าถือป้ายคำสั่งนี้ได้อย่างไร?” เหยาหยวนอิงมอบป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรให้กับกงหว่านถิงโดยตรง

กงหว่านถิงปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม

เหยาหยวนอิงพยายามเสนอให้นางเป็นครั้งที่สอง

กงหว่านถิงปฏิเสธอีกครั้ง เว้นเพียงท่าทีของนางที่ดูอ่อนลงไปมาก

เหยาหยวนอิงเสนอเป็นครั้งที่สาม สุดท้ายกงหว่านถิงจึงต้องรับป้ายคำสั่งเอาไว้ด้วยการแสดงออกราวกับนางถูกบังคับ

หลังจากนางหยิบมันขึ้นมา นางก็วางมันไว้ที่ทางเข้าวังตะวันตก

กงหว่านถิงกล่าว “ทุกท่าน เชิญเข้าไปข้างใน ข้าได้เตรียมสุราอาหารเอาไว้แล้ว”

ผู้อมตะทุกคนรับคำเชิญนางจาก

ก่อนหน้านี้กงเอ๋อเคยชวนคนอื่นๆเช่นกันแต่ไม่มีผู้ใดเข้าไป อย่างไรก็ตามกงหว่านถิงแตกต่างออกไป ทุกคนต้องให้เกียรตินาง

ทุกเผ่านั่นในตำแหน่งตามสถานะของตน

เผ่านู๋เอ๋อนั่งเก้าอี้ตัวแรกจากด้านขวาเพราะพวกเขานำวังอสนีมา

เผ่าอื่นๆถูกจัดเรียงตามกองกำลังที่พวกเขาส่งมาเช่นกัน

นี่อาจทำให้บางคนไม่พอใจ แต่ต่อหน้ากงหว่านถิง ผู้ใดจะกล้าแสดงออก

“เหตุใดเผ่าเหนียงเอ๋อของข้าถึงอยู่ลำดับสุดท้าย? กงหว่านถิงดูถูกพวกเรางั้นหรือ?” เหนียงเอ๋อปิงซื่อลอบพูดคุยกับผู้อาวุโสเผ่าเหนียงเอ๋อที่นั่งอยู่ด้านข้าง

ครั้งนี้เผ่าเหนียงเอ๋อส่งเหนียงเอ๋อฝูและเหนียงเอ๋ออี้ฟางมาพร้อมกับเหนียงเอ๋อปิงซื่อ

ผู้อาวุโสเผ่าเหนียงเอ๋อวางมือบนไหล่ของเหนียงเอ๋อปิงซื่อและให้กำลังใจ “ปิงซื่อ หากเจ้าไม่พอใจก็จงสังหารคู่ต่อสู้ในการประลองครั้งนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ตำแหน่งของเราจะถูกเปลี่ยน สิ่งนี้จะแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีของเผ่าเหนียงเอ๋อของเราอีกด้วย”

“ผู้อาวุโสอี้ฟาง ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าจะทำเช่นนั้น!” เหนียงเอ๋อปิงซื่อกำหมัดแน่นขณะที่ดวงตาส่องประกายขึ้น

จากที่นั่งหลัก กงหว่านถิงลอบสังเกตการเคลื่อนไหวของทุกคน เมื่อเห็นการแสดงออกของเหนียงเอ๋อปิงซื่อ นางลอบขบขันอยู่ภายใน ‘อย่าตั้งคำถามกับผู้ตั้งกฎ!’