ตอน 924 ขอพักหน่อย

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่รู้ว่าเกือบหนึ่งในสามของกองทัพกำลังมองหาศัตรูที่อาจอยู่ในพื้นที่ 

 

 

เมื่อหน่วยสอดแนมจากทัพเฮยอวี่ได้รู้ข่าวนี้ พวกเขาก็ตกใจมาก ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจโจมตีช่องเขาเว่ยเป่ยเป็นอันดับแรก! 

 

 

ภูเขาราชาหลี่ว์ยังคงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีผู้คนกว่าห้าพันคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่ และเกิดควันจำนวนมาก เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ทั่วทั้งภูเขาก็เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องและเสียงหัวเราะ 

 

 

ถึงแม้ว่าหลี่ว์ซู่จะได้รับหน้าที่ด้านการทหาร แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามการใช้เวลาว่างของพวกเขา เวลาว่างยังคงเป็นอิสระมาก พวกเขาเพียงแต่ต้องจริงจังกับการนอนการฝึก และบทเรียนวัฒนธรรมเท่านั้น เพราะถ้าพวกเขาไม่จริงจัง พวกเขาจะต้องได้รับผลร้ายแรงที่ตามมา 

 

 

หลี่ว์ซู่สนับสนุนความสมดุลระหว่างความตึงเครียดและการผ่อนคลาย ตอนแรกเขาเป็นกังวลว่าคนเหล่านี้อาจจะติดเล่นเกินไป แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เลวร้ายอะไร ทัพอู่เว่ยทั้งหมดก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

ในตอนแรกที่ทัพชิงไซมาเข้าร่วม พวกเขาไม่คุ้นเคยกับสิ่งนี้ แต่ทัพอู่เว่ยปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และหลิวอี้เจา ผู้บัญชาการของพวกเขาก็เป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของหลี่ว์ซู่ ดังนั้นในที่สุดพวกเขาก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้ที่นี่ 

 

 

จากนั้น จางเว่ยอวี่ก็เริ่มถ่ายทอดวิธีการให้กับพวกเขาและช่วยให้แต่ละคนผ่านข้อจำกัดไปได้เช่นเดียวกับทัพอู่เว่ย ทุกคนยังจำสิ่งที่หลิวอี้เจาพูดได้ว่า ในอนาคต พวกเขาทั้งหมดจะขอบคุณการตัดสินใจของเขา 

 

 

ในความเป็นจริง มีคนที่มีความสุขแล้ว เพียงสิ่งเดียวในโลกใบนี้ที่ปลอดภัย สิ่งนั้นก็คือพลังของพวกเขาเอง! 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนเข้าใจดีว่าถึงแม้ทัพอู่เว่ยอาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ความแข็งแกร่งโดยเฉลี่ยของพวกเขานั้นเกือบจะเทียบเท่ากับทัพเฮยอวี่! 

 

 

จางเว่ยอวี่ถอนหายใจ เขาพูดกับตัวเองว่า “โชคดีที่ทัพอู่เว่ยและทัพชิงไซมีขนาดเล็ก ไม่งั้นคงยากที่จะจัดการกับคนจำนวนมากเกินไป ยาสมุนไพรทั้งหมดในรัศมีห้าสิบเมตรถูกเก็บมา ในที่สุดเส้นชีวิตของพวกเขาก็คงที่ พวกเราสามารถฝึกพวกเขาต่อไปได้” 

 

 

ยาสมุนไพรบนภูเขามีจำนวนไม่จำกัด จะมีต้นใหม่ๆ ขึ้นมาอยู่เสมอ แต่การเติบโตไม่สามารถตอบสนองความต้องการของทัพอู่เว่ยได้ 

 

 

ดังนั้นจำนวนคนห้าพันคงจึงกำลังดี เพราะถ้ามีมากกว่านี้ ยาสมุนไพรก็จะมีไม่พอ 

 

 

หลังจากที่พวกเขาทุกคนคุ้นเคยกับการแบกก้อนหินข้ามภูเขาแล้ว พลังระเบิดและความแข็งแกร่งโดยรวมที่ทัพอู่เว่ยได้รับก็ไปถึงระดับใหม่ จางเว่ยอวี่หัวเราะ “ทุกคนคิดว่าแค่วิธีการฝึกก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าพวกเขาไม่เชี่ยวชาญในร่างกายของตัวเอง พวกเขายังจะคิดว่าตัวเองสามารถต่อสู้ได้ยังไง ตราบเท่าที่พวกเขาเต็มใจที่จะทนทุกข์ พวกเขาก็จะยังคงก้าวข้ามขีด จำกัดของวิธีการของพวกเขาได้” 

 

 

เดิมทีพวกเขามทั้งหมดห้าสิบสองทีม ทีมละหกสิบคน แต่ตอนนี้จำนวนเพิ่มขึ้นยี่สิบเอ็ดทีม รวมเป็นเจ็ดสิบสามทีม 

 

 

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นระหว่างทีมทั้งเจ็ดสิบสามทีม พวกเขาเปรียบเทียบเวลาที่ใช้ในการข้ามภูเขาและแข่งขันกันเพื่อเป็นคนแรกที่กลับมา 

 

 

ทุกคนกระตือรือร้นที่จะแข่งขัน ทัพอู่เว่ยซึ่งเคยเป็นเหมือนปลาเค็มกลับกลายเป็นสิงโตทันทีหลังจากที่พวกเขาเอาชนะทัพชิงไซได้ ไม่ว่ากำลังคนจะแตกต่างกันสักเท่าไร แต่ก็ยังคงเป็นทัพชิงไซที่พวกเขาชื่นชม แต่พวกเขาก็เอาชนะได้อย่างง่ายดาย 

 

 

นี่คือสิ่งที่หลี่ว์ซู่กำลังทำอยู่ตอนนี้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ตอนอยู่ระดับหก แผนภูมิดาราของเขาสามารถรองรับน้ำหนักได้หนึ่งพัสองร้อยกิโลกรัม ตอนนี้เขากำลังฝึกฝนร่างกายอีกครั้ง หากเขาสามารถหลุดพ้นจากโซ่ตรวนได้ เขาอาจรองรับน้ำหนักได้ถึงสองพันสี่ร้อยกิโลกรัม เขาจะสามารถบดขยี้คนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกับเขาได้อย่างสมบูรณ์ 

 

 

แต่เมื่อเทียบกับทัพอู่เว่ยและคนธรรมดา วิธีการฝึกของหลี่ว์ซู่นั้นดีกว่า 

 

 

ก่อนหน้านี้ จางเว่ยอวี่พยายามถามหลี่ว์ซู่ว่าเขาสามารถส่งต่อท่วงท่าวิชากระบี่ไปยังทัพอู่เว่ยได้หรือไม่ แต่หลี่ว์ซู่ปฏิเสธเนื่องจากเขาไม่ได้รับอนุญาตจากอาจารย์ของเขา 

 

 

ดังนั้น จางเว่ยอวี่จึงได้รู้ข้อมูลใหม่ว่าหลี่ว์ซู่มีอาจารย์ 

 

 

จางเว่ยอวี่เริ่มจินตนาการ ถ้าหลี่ว์ซู่น่าทึ่งขนาดนี้ เช่นนั้นอาจารย์ของเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาไม่รู้ว่าอาจารย์ของหลี่ว์ซู่เป็นใคร และพวกเขาจะสามารถยืมพลังของพวกเขาในอนาคตได้หรือไม่ 

 

 

จนถึงตอนนี้ จางเว่ยอวี่มักจะคิดถึงวันในอนาคตที่อาจเกิดขึ้น และเก็บรักษาพลังของเขาไว้ สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือหลิวอี้เจา สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องแยกทางกับหลี่ว์ซู่ 

 

 

เขาควรบอกใบ้หลี่ว์ซู่และให้เขาสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อสาเหตุที่ยิ่งใหญ่ดีหรือไม่… 

 

 

จางเว่ยอวี่พูดกับหลี่ว์ซู่ว่า “นายต้องเข้าใจว่า สำหรับกองทัพระดับนี้ ฉันสามารถทำให้พวกเขาก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว แต่อย่าลืมว่าจอมทัพสวรรค์คนอื่นก็ทำได้เช่นเดียวกัน หากนายไม่สามารถสร้างกองทัพเช่นทหารมังกรจักรพรรดิได้ ก็จะไม่มีอนาคตสำหรับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นทหารมังกรจักรวรรดินั้นแตกต่างกัน แม้ว่าจะมีทหารหลวงเพียงห้าสิบนายและทหารมังกรจักรพรรดิอีกห้าพันนาย แต่เหล่าจอมทัพสวรรค์ก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขา… 

 

 

จางเว่ยอวี่พูดแบบนี้เพื่อให้หลี่ว์ซู่เข้าใจว่าบุคคลที่น่าประทับใจที่สุดในโลกนี้ก็คือราชาแห่งทวยเทพ 

 

 

แต่หลี่ว์ซู่คิดว่า…ถ้าเขาสามารถแลกเปลี่ยนผลล้างไขกระดูกได้เพียงพอ เขาจะสามารถสร้างกองทัพทหารมังกรจักรพรรดิได้หรือไม่ ถ้าสิ่งที่จางเว่ยอวี่พูดนั้นถูกต้อง และทหารมังกรจักรพรรดิแข็งแกร่งขนาดนั้น… 

 

 

หลี่ว์ซู่เกิดความคิดขึ้นมาว่า “ถ้าผมสามารถกลายเป็นจอมทัพสวรรค์ได้ ทั่วทั้งเขตแดนก็จะสามารถซื้อได้แต่สบู่ของผมใช่ไหม ถึงแม้จะมีคนอื่นผลิตสบู่ แต่ก็คงไม่กล้าขาย!” 

 

 

จางเว่ยอวี่พูดไม่ออก 

 

 

[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +666!] 

 

 

ดังนั้น แนวความคิดของนายก็คือการกลายเป็นจอมทัพสวรรค์อย่างนั้นเหรอ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือนายต้องการขายสบู่ในขณะที่เป็นจอมทัพสวรรค์อย่างนั้นเหรอ 

 

 

หลี่ว์ซู่มองจางเว่ยอวี่ที่หันหลังจากไปอย่างร่าเริง เขามักจะพูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้อยู่เสมอ ขอเขาพักบ้างเถอะ! 

 

 

หลี่ว์ซู่จะไม่มีทางล้มเลิกธุรกิจอันยิ่งใหญ่อย่างการขายสบู่ของเขาแน่! 

 

 

ในขณะนั้น ในที่สุดทัพเฮยอวี่ทัพเฮยอวี่ก็เริ่มเปิดฉากโจมตีช่องเขาเว่ยเป่ย เสียงรัวกลองรบทำแนวเทือกเขาทั้งหมดสั่นสะเทือน 

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และหลี่ว์ซู่แอบไปที่นอกสนามรบเพื่อดูสถานการณ์ เขาตระหนักว่าการต่อสู้ที่ป้อมปราการหลังพยัคฆ์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การฝึกบไเพ็ญบนโลกมนุษย์ เทียบไม่ได้กับการต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเลยแม้แต่น้อย 

 

 

ผู้ฝึกบำเพ็ญตายไปทีละคน ป้อมปราการของเมืองเริ่มแตกอย่างช้าๆ เมฆดำเหนือศีรษะลอยอยู่ต่ำมาก ราวกับว่าพายุจะเกิดขึ้นได้ทุกขณะ 

 

 

ทหารจากทัพเฮยอวี่สวมชุดเกราะสีดำ พวกเขาปีนขึ้นอาวุธขนาดใหญ่ที่ใช้ทำลายเมือง พวกเขาไม่กลัวความตาย 

 

 

เมื่อพวกเขาปีนขึ้นไปบนกำแพง คนที่อยู่บนกำแพงก็บินเข้าหาพวกเขา ทุกคนต่างอยู่ในความเร็วสูงสุด ผู้ที่แข็งแกร่งจะอยู่รอดและผู้ที่อ่อนแอจะต้องตาย 

 

 

นี่คือลักษณะที่ควรจะเป็นของสงครามในยุคแห่งการฝึกบำเพ็ญ 

 

 

“ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มการต่อสู้” หลี่ว์ซู่พูดกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เมื่อเขากลับไปที่ภูเขาราชาหลี่ว์ “ตามหาแม่ทัพใหญ่ของทัพอู่เว่ย และบอกเขาว่าทัพอู่เว่ยจะช่วยยับยั้งทัพเฮยอวี่เอง ฉันไม่ได้เสเเสร้งว่าสุภาพ แต่ฉันต้องการช่วยพวกเขาในการต่อต้านฝ่ายตรงข้ามจริงๆ” 

 

 

“รับทราบ ท่านเทพ” หลิวอี้เจากำกำปั้นของเขาไว้ในมืออีกข้าง และบินตรงไปยังช่องเขาเว่ยเป่ย นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการเสนอเงื่อนไข ผู้บัญชาการของช่องเขาเว่ยเป่ยจะต้องๆ การความช่วยเหลือทุกหยาดหยดที่เขาจะได้รับ 

 

 

จางเว่ยอวี่คิดถึงเรื่องนี้และถามว่า “ท่านเทพ นี่พวกเรากำลังนำทัพอู่เว่ยเข้าสู่สงครามหรือเปล่า นายควรคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ ทัพเฮยอวี่แข็งแกร่งเกินไป ต่อให้รออยู่เบื้องหลังก็ไม่เป็นไร 

 

 

หลี่ว์ซู่ส่ายหัว “ยังไงพวกเราก็ต้องสู้” 

 

 

จางเว่ยอวี่รู้สึกสับสน เขาไม่เข้าใจเลย “ทำไม” 

 

 

“คุณไม่คิดว่าทัพอู่เว่ยกำลังขาดแคลนเกราะและอาวุธหรอกเหรอ…” 

 

 

จางเว่ยอวี่อ้าปากค้างอย่างตกใจ นี่เขามองไปถึงชุดเกราะและอาวุธแล้วเหรอ!