ตอนที่ 852 สมบัติ

Elixir Supplier

“ฉันผิดหวังมาก ผิดหวังจริงๆ!” เจี้ยจื้อจายพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังอย่างที่สุด

“บอกฉันมา พวกแกเรียนอะไรที่โรงเรียน? พวกแกมัวทําอะไรตอนที่กําลังเรียนอยู่?หรือพวกแกเอาแต่อ่านนิยายเล่นเกมส์มือถือหรือกําลังใคร่ครวญเกี่ยวกับชีวิตอยู่?”

“พวกเขามีค่าพอที่จะได้รับความทุ่มเทจากพ่อแม่, ครู, หรือประเทศไหม?”

ในขณะที่ฟังค่าพูดของเขาอยู่นั้น ในหัวของแต่ละคนต่างว่างเปล่า

“อะไร? มันเกี่ยวอะไรกับประเทศ ประเทศมาเกี่ยวอะไรกับพวกเขาด้วย? มันไกลตัวเกินไป!”

ไอ้หมอนี่เป็นโรคประสาทรีเปล่า? เขาต้องเป็นโรคประสาทแน่ๆ

ถึงพวกเขาจะคิดแบบนั้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมา ถึงอีกฝ่ายจะเป็นพวกโรคจิตแต่เขาก็เป็นพวกมีฝีมือที่พวกเขาไม่สามารถสู้ได้เลยแม้แต่น้อย

“เชีย!”

บอกฉันมา ตอนนี้แกทํางานอะไรอยู่?”

“ยาม”

“ส่งพัสด”

“ส่งของ”

เอ่อ…

“ตอนนี้เป็นวันเสาร์เหรอ? หรือว่าเป็นวันหยุด? พวกแกไม่ต้องทํางานกันรึไง? พวกแกคิดจะพึ่งพาพ่อแม่ของตัวเองไม่ตลอดเลยเหรอหรือคิดจะให้ประเทศเป็นคนเลี้ยงดูพวกแก?” เจียจื้อจายจุดบุหรี่อีกมวนเขาดูโมโหมาก

“ดูพวกแกสิ! มือเท้าสั่นน้ำตาหลั่งอยู่ในอก พวกแกมันไม่มีอะไรเลยบอกตามตรงพวกแกมันไร้ประโยชน์!”

หูเหมยเหลือบมองเจี่ยจื้อจาย

“พวกแกอายุยังน้อย แต่กลับไม่คิดที่จะต้องใจเรียนหรือทํางานหนัก บอกฉันมาซินอกจากแทะโลมผู้หญิงกับเก็บค่าคุ้มครองแล้วพวกแกยังทําอะไรเป็นอีก? พวกแกอยากเข้าไปอยู่เป็นนักโทษในคุกใช่ไหม?”

“พี่ชาย เราจะไม่ทําอีกต่อไปแล้ว พี่ชายปล่อยพวกเราไปได้ไหม? เราจะทํางานหนักฉันสัญญา”
“ใช่ๆ ฉันสาบาน”

“ฉันก็สาบาน”

“ค่าสาบานของพวกแกมันไร้ประโยชน์” เจี้ยจื้อจายพูด

“เอาล่ะ ฉันหวังว่าพวกแกจะจดจําเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เอาไว้ให้ดี และก็หวังว่าพวกแกจะจ่าค่าพูดของฉันได้สักวันพวกแกจะรู้ว่าที่ฉันทําให้วันนี้ก็เพื่ออนาคตของพวกแกเอง” เจี้ยจื้อจายพูด

“เพื่อพวกเรา? แกต้องเป็นโรคประสาทแน่ๆ!”

“ไปได้แล้ว!”

หลังจากได้ยินคําพูดของเขา เหล่าชายหนุ่มก็รีบวิ่งออกไป พวกเขาหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็วทําตัวราวกับกระต่ายตื่นตูม พวกเขากลัวว่าชายคนนั้นอาจจะเสียใจที่ปล่อยพวกเขาไปแล้วสั่งสอนพวกเขาอีกครั้งใครที่จะทนได้? ไม่มีใครทนได้หรอก”

“นายพอใจรึยัง?” หูเหมยถาม

“ฉันพอใจมาก” เจี้ยจื้อจายพูดด้วยรอยยิ้มที่สบายอกสบายใจอย่างมาก

อยู่ๆหูเหมยก็ยื่นมือไปบิดหูของเขาเป็นวงหลม

“โอ๊ย! โอ๊ย! มันเจ็บนะ! ที่รัก อย่ารุนแรงส์!”

“นายคิดว่าการแกลังเด็กพวกนั้นมันสนุกสินะ สมองใครกันแน่ที่ยังไม่พัฒนาน่ะ?”

“ไม่ใช่นะ ฉันแค่ทําให้พวกเขาได้รู้ว่า พวกเขาไร้ความสามารถและหนทางของพวกเขายังอีกยาวไกลต่างหากล่ะ!”

“อย่ามาหลอกฉัน ไปตามหาเขียนเชิงกันดีไหม?”

“อ่อ ดี แล้วเขาอยู่ที่ไหนล่ะ?”

บนภูเขาด้านนอกหมู่บ้าน หวังเย้าได้ขุดหลุมที่กว้างเมตรครึ่งและลึกกว่าสองเมตร

“นายไม่โทรหาเขาเหรอ?” เจี้ยจื้อจายถาม

“ไม่ ไม่จําเป็นต้องโทรหาเขาหรอก เขาอาจจะกําลังยุ่งอยู่ก็ได้”จงหลิวชวนพูด

พวกเขาเดินไปรอบๆหมู่บ้าน แต่ก็ไม่พบหวังเย้า

“เขาอยู่ที่ไหน? หรือเขาจะทิ้งพวกเราแล้วกลับไปคนเดียวแล้ว?”

“หา? เป็นไปไม่ได้หรอก!”

“ฉันจะออกไปหาข้างนอก เผื่อจะเจอเขาที่นั่น” จงหลิวชวนมองออกไปด้านนอกสายตาของเขามองขึ้นข้างบน เขาเห็นควันลอยขึ้นมาจากภูเขาที่อยู่ด้านนอกรีสอร์ท

“ฉันจะไปกับนายด้วย” เจี่ยจื้อจายรีบพูด พวกเขาออกไปจากตัวอาคารและเดินขึ้นไปบนเขาพวกเขาเดินตามกลุ่มควันที่พวกเขาเห็นแล้วก็เจอกับหวังเย้าที่กาลังขุดดินอยู่

“เชียนเชิงกําลังทําอะไรอยู่เหรอครับ?” จงหลิวชวนถาม

“ก่าลังขุดหลุมอยู่” หวังเย้าพูดกลั้วหัวเราะ

เจี้ยจื้อจายเห็นว่าไม่มีอุปกรณ์ขุดอยู่แถวนี้เลย และถามออกไปว่า “เชียนเชิงใช่มือขุดอย่างเดียวเลยเหรอ?”

“ถูกแล้ว” หวังเย้าตอบ

“มือของเชียนเชิงต้องเป็นเหล็กแน่ๆ!” เจี้ยจื้อจายตกตะลึงที่หวังเย้าใช้มือขุดดินเขามองดูอย่างละเอียดแต่ก็พบว่าตามร่างของหวังเย้ายังคงสะอาดหมดจดไม่มีเศษดินแม้แต่น้อย ทั้งที่ขุดดินอยู่แต่ทําไมตัวเขาถึงยังสะอาดอยู่ล่ะ?

“เชียนเชิงกาลังหาอะไรอยู่เหรอ?” เขาถาม

“ผมกําาลังหาสมบัติอยู่ครับ?” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

“สมบัติ? ผมได้ยินมาว่า มีสุสานโบราณอยู่แถวนี้ด้วย เป็นแบบนั้นใช่ไหม?” ดวงตาของเจี่ยจื้อจายเป็นประกายขึ้นมาทันที แต่ไม่ใช่เพราะความร่ำรวยเขาแค่ต้องการความตื่นเต้นเท่านั้น

“อืม สมบัติกําลังจะถูกขุดขึ้นมาได้แล้วล่ะ” หวังเย้าพูด

ภายในหลุมนั้นร้อนมาก คาดว่าอุณหภูมิจะสูงกว่า 50 องศา หวังเย้ายังคงขุดต่อไปส่วนเจี้ยจื้อจายกับจงหลิวชวนก็เฝ้ามองอยู่เงียบๆ
อยู่ๆก็มีเสียงดังขึ้น

น้ำพุร้อนพุ่งออกมาจากปากหลุม

“หม?” หวังเย้ายิ้ง ฉันพลาดเหรอ? นี่ไม่ใช่ที่ฉันกําลังตามหา”

“มันน่าจะอยู่ตรงนี้ ทําไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”

เขาดมกลิ่นน้ำพุร้อน

“หืมมม กลิ่นสาปแรงมาก”

สายน้ำยังคงพุ่งออกมาไม่หยุด หวังเย้ายืนมองอยู่เงียบๆ

“ไม่นะ!”

แล้วเขาก็คิดขึ้นมาได้

“แมลงพวกนี้น่าจะกลัวน้ำ”

เขารีบกระโดดออกจากหลุม

“เชียนเชิงกาลังหาอะไรอยู่กันแน่?” เจี้ยจื้อจายถาม “ถ้ําเชียนเชิงบอกพวกเรา เราก็จะได้ไปหาเครื่องมือมาช่วยเขียนเชิงหาได้”

“ผมเห็นด้วยกับเขา” จงหลิวชวนพูด

“ผมกําลังหาแมลงอยู่” หวังเฝ้าตอบ

“แมลง? เชียนเชิงกาลังหาแมลงแบบไหนอยู่เหรอ?” ทั้งสองอึ้งไปกับค่าตอบที่ได้
รับ

“พวกมันเป็นแมลงที่น่าสนใจมาก” หวังเย้าพูดกลั้วหัวเราะ “ช่างเถอะผมว่าวันนี้เราคงหาพวกมันไม่เจอแล้วล่ะ”เขามองไปที่หลม
“หาพวกมัน?”

“ไม่ ผมขอคิดดูก่อน” หวังเย้าพูด

อยู่ๆก็มีเศษดินกระเด็นออกมาจากปากหลุม เผยให้เห็นโพลงขนาดเล็กมีบางอย่างอยู่ในโพลงนั้น

“อยู่ตรงนี้นี่เอง!” หวังเย้าหัวเราะ

เขาวาดผ่านอากาศ โพรงเล็กๆก็ขยายออกหลายเท่า เผยให้เห็นภาพด้านในมันคือแมลงรังของแมลงสีดําสนิทพวกมันอยู่กันอย่างหนาแน่นและทําให้คนป่วยได้

“นี่มันอะไรกัน?” เจี้ยจื้อจายตกตะลึง

“เกิดอะไรขึ้น?

“เชียนเชิง แมลงพวกนี้ก็คือสมบัติที่พูดถึงเหรอ?”

“ใช่ เป็นพวกมัน” หวังเย้าตอบ

เขาสะบัดมือ แล้วแมลงหลายตัวก็ถูกคว้าจับไว้ในอากาศ

แมลงพวกนี้ดูคล้ายกับหนอนแมลง แต่ปล้องขาของมันคมกว่าและดูดุร้ายพวกมันพยายามกัดมือของหวังเย้าแต่ก็โดนกาแพงที่มองไม่เห็นกั้นเอาไว้

“น่าสนใจ” หวังเย้าหยิบขวดแก้วออกมา แล้วใส่แมลงเหล่านั้นลงไป

“ผมหาสมบัติพบแล้ว” หวังเย้าพูด “พวกเรากลับกันเถอะ”

“รอเดี๋ยว”

หวังเย้าหันไปทางหลุมที่เขาขุดเอาไว้ เขาผลักสองมือออกไป ดินที่อยู่รอบๆถูกพลังบางอย่างผลักดันให้ไหลลงไปเติมปากหลุมจนเต็ม

“เชียนเชิงสุดยอดมาก!” เจี่ยจื้อจายถอนหายใจ

เขารู้สึกนับถือหวังเย้าจากส่วนลึกของจิตใจ เขาสามารถขุดหลุมขนาดใหญ่บนภูเขาได้โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ช่วย แถมตามตัวเขากลับไม่เปื้อนดินเลยแม้แต่นิดเดียวจากนั้นเขาทําเพียงออกท่าทางง่ายๆก็สามารถนําดินกลับไปเติมในหลุมจนเต็มได้ มันดูเป็นเรื่องลี้ลับเล็กน้อย

“เชียนเชิง มีคนตายเพราะแมลงพวกนี้ไปกี่คนแล้วครับ?”

“อืม เรื่องนี้พูดยาก” หวังเย้าพูด “ผมเคยได้รักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะพวกมันด้วย”

นี่มันแมลงพิษแบบไหนกัน? มันจําเป็นต้องน่าไปทําการทดลอง

“จริงด้วย พวกคุณฝึกเป็นยังไงบ้าง?” หวังเย้าถาม

“ใช่ มันเป็นด้วยดีเลยล่ะ” เจี่ยจื้อจายพูด

พวกเขากลับไปที่รีสอร์ทและขับรถกลับไปที่หมู่บ้าน เช่นเคย หวังเย้าชวนพวกเขาไปกินข้าวด้วยกันกับเขา

หลังกลับมาถึงที่บ้าน เจี่ยจื้อจายก็พูดว่า “เชียนเชิงไปจับแมลงมาล่ะ”

“แมลง? แมลงอะไร?” หูเหมยถามด้วยความงุนงง