กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์ ตอนที่ 79 ท้าทายองค์ราชา ตอนที่ 79 ท้าทายองค์ราชา เมื่อเสียงต่ําของเจี้ยนหวูเซิงแผ่กระจายออกไปทั่วจัตุรัส สายตาทุกคู่ก็รั้งรวมไปอยู่ที่ร่างขององค์ชายจี้หลิง ดูเหมือนว่าองค์ชายจี้หลิงก็คาดเดาออกแต่แรกแล้วเช่นกันว่าเจี้ยนหวี่เพิ่งจะท้าทายตนเอง ซึ่งสีหน้าท่าทางของเขาก็ยังเป็นปกติ เขาก้าวขึ้นไปที่ลานประลองและยืนห่างจากเจี้ยนหรู่เชิง10 เมตร มุมปากของเขายังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ “เจี้ยนหวู่เชิง การจัดอันดับของท่านผู้ดูแลนั้นเป็นผลลัพธ์สุดท้าย ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่เจ้าก็ไม่ใช่คู่มือของราชาผู้นี้แน่นอน !” จี้หลิงจ้องมองอีกฝ่ายพลางกล่าวด้วยเสียงนุ่มลึก น้ําเสียงของเขาเหมือนเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง ใบหน้าของเจี้ยนหวู่เชิงดูมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆแต่ดวงตาของมันกลับเต็มไปด้วยความคิดต่อสู้อันรุนแรง มันตะโกนตอบกลับว่า “องค์ชาย ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าผู้ใดเป็นอันดับหนึ่ง ท่านต้องลองสู้กับข้าดูก่อนถึงจะทราบ” “ข้าน้อยล่วงเกินแล้ว รับกระบวนท่า !” สุดท้ายมันก็ชักกระบี่ออกมาแล้วทะยานไปหาจี้หลิง ท่าร่างของมันนับว่ารวดเร็วมากจนเกิดภาพติดตาอยู่ด้านหลัง “เช้ง !” มันชักกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็วและดุดันจนผู้ชมนับหมนต่างก็ตกใจ บางคนก็กลั้นหายใจและรู้สึกกดดันแทนองค์ชายจี้หลิง ลําแสงกระบี่ที่แหลมคมและไร้คู่เปรียบ เปล่งประกายราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาฉีกชั้นบรรยากาศยามราตรี อัจฉริยะหลายคนหน้าถอดสีและสํานึกตัวว่าไม่อาจหยุดเพลงกระบี่นี้ของเจี้ยนหวู่เชิงได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม จี้หลิงสีหน้าไม่เปลี่ยน ยังคงสงบเยือกเย็นและเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ “เพลงกระบี่เพลิงทรราชย์ !” จี้หลิงชักกระบี่พลางคํารามกึกก้องและกวาดกระบวาดเป็นลําแสงกระบี่รูปทรงพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ลําแสงกระบี่สีแดงที่เขาร่ายรําออกมาลุกเป็นไฟ มันหมุนตัวเป็นคลื่นความร้อนในวงแหวนและหอบพัดสายลม ” ปัง!” รังสีกระบี่สองสายปะทะกันและระเบิดออกเป็นเสียงดัง วิชากระบี่ของเจี้ยนหรู่เชิงถูกทําลายโดยวิชากระบี่ของจี้หลิงและทําให้มันต้องถูกกระแทกถอยรูดไปถึง 5 ก้าว “ฟาดฟันสามคลื่นเพลิง !” จี้หลิงแค่นเสียงและซัดรังสีกระบี่เพลิงออกไปอีกสามสายทันที เจี้ยนหวี่เพิ่งถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวไฟที่ร้อนแรงและไร้ที่หลบซ่อน มันทําได้เพียงวาดกระบีต้านรับอย่างยากลําบากเท่านั้น ในใจของมันตกตะลึงและแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา “เคร้ง เคร้ง เคร้ง !” กระบี่ของชายหนุ่มทั้งสองปะทะกันอีกครั้งและเจี้ยนหวี่เชิงก็ถูกกระแทกถอยไปอีกหกก้าว ต่อมาจี้หลิงก็เปิดการโจมตีต่อเนื่องอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า จนทําให้เจี้ยนหรู่เชิงตกอยู่ท่ามกลางพายุกระบี่ จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนในจัตุรัสที่ได้เห็นจี้หลิงสะกดข่มเจี้ยนหว่เชิงไว้ได้โดยสิ้นเชิงต่างก็ส่งเสียงอุทานอย่างไม่น่าเชื่อออกมา ทุกคนเข้าใจแล้วว่าองค์ชายน้อยเก็บซ่อนพลังฝีมือมาโดยตลอด จนบัดนี้พระองค์เพิ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริง ! การประลองครั้งนี้เป็นการสัประยุทธ์ที่น่าตื่นตะลึงและน่าซึ่งที่สุดนับตั้งแต่มีการเริ่มประลองมา ทั้งจี้หลิงและเจี้ยนหวูเซิงต่างก็มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดการต่อสู้อันดุเดือดของพวกเขาทั้งสองโอบล้อมไปทั่วเวทีเงาร่างของทั้งคู่กระพริบไหวซ้ายทีขวาที่อย่างพร่ามัวจนแทบไม่อาจจับตามองได้ทัน ผู้ชมนับหมื่นคนต่างก็จดจ้องมองการต่อสู้อันแพรวพราวด้วยความตื่นเต้น ในไม่ช้า เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ องค์ชายจี้หลิงยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังลมปราณและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วปาเถื่อน โดยไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บใดๆ ส่วนเจี้ยนหรู่เชิงรับกระบี่ไปเต็มๆ 5 แผล กลางหลังหน้า อก แขน และต้นขา โดยมีแผลกระบี่ลึกถึงกระดูกจนโลหิตไหลชุ่มโชก เขาเป็นดั่งลูกศรที่พุ่งไปสุดหล้า และทําได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไร้ทางเลือก “องค์ชายน้อย ข้ายอมรับว่าสู้ท่านไม่ได้ ข้าขอยอมแพ้ !” เมื่อได้ยินเจี้ยนหรู่เชิงประกาศยอมแพ้ จี้หลิงก็สอดกระบี่คืนฝักและเผยรอยยิ้มอย่างสง่างาม ในที่สุดทุกคนในจตุรัสก็ได้ประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงขององค์ชายจี้หลิงและเชื่อในสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ การจัดอันดับพลังยุทธ์เป็นการจัดอันดับโดยคนของนิกายหนุนสวรรค์ซึ่งไม่ผิดพลาดและเที่ยงตรง เมื่อเจี้ยนหวี่เพิ่งยอมแพ้และลงจากเวที ฮั่นเฉียวเชิงก็เดินสวนขึ้นไปและประกาศเสียงดังว่า “เจี้ยนหวี่เพิ่งท้า ทายล้มเหลวและอันดับยังคงเดิม” “มีผู้ใดคิดจะท้าทายอีกหรือไม่ ?” เหล่ารุ่นเยาว์ต่างเงียบและไม่มีใครคิดจะขึ้นไปท้าทาย เดิมที่เว่ยหลิงเฟิงที่อยู่อันดับสี่คิดจะท้ารบกับจี้เทียนซิงเพื่อชิงอันดับสามและแก้แค้นให้สหายสนิท, เจียงไปอ” อย่างไรก็ตามหลังจากความล้มเหลวในการท้ารบของเจี้ยนหรู่เชิง ในใจของมันก็เต็มไปด้วยความลังเลและไม่กล้าลงมือแต่เนิ่นๆเพราะกลัวจะสูญเสียพลัง ผู้คนนับหมื่นในจัตุรัสต่างก็เริ่มเชื่อมั่นแล้วว่าการจัดอันดับที่ผู้ดูแลฮั่นประกาศนั้นถูกต้อง องค์ชายจี้หลิงสมควรเป็นอันดับหนึ่งโดยแท้ อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ฝูงชนกระซิบกระซาบกัน เงาร่างชายหนุ่มในอาภรณ์สีดําก็ผุดลุกขึ้นยืน “ข้า จี้เทียนซิงขอท้าทายจี้หลิงตอนนี้ 1” จี้เทียนซิงเดินขึ้นไปบนลานประลองอย่างไร้อารมณ์ ดวงตาจดจ้องไปที่องค์ชายจี้หลิงอย่างเย็นเยือกและปลดปล่อยแววตาที่ยั่วยุท้าทายออกไป ทันใดนั้นเองสายตาของคนนับหมื่นจับจ้องที่ร่างของเขาฝูงชนระเบิดเสียงฮือฮาออกมาทันที “สวรรค์ ! ขนาดเจี้ยนหรู่เชิงยังสู้องค์ชายไม่ได้ แต่จี้เทียนซิงกลับหาญกล้าท้าทายเชียวหรือ !?” “หมอนี่เดือดร้อนจริงๆ ! พลังยุทธ์ขององค์ชายอย่างน้อยก็อยู่ในเขตแดนต้นกําเนิดแท้จริงขั้นที่ 7 เชียวนะ !” “มันข้องใจกับการจัดอันดับของผู้ดูแลสินะ ? อวดดีนัก !” “เหอๆ ข้าไม่แปลกใจสักนิดเพราะขี้เทียนซึ่งเคยเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งมาก่อน การได้อันดับที่สามย่อมทําให้มันไม่พอใจและคิดจะช่วงชิงตําแหน่งกลับคืนมา !” “ข้าขอเดิมพันว่าขี้เทียนซิงจะพ่ายให้กับองค์ราชาภายใน 30 กระบวนท่า !” “โห ? 30 กระบวนท่า ? เจ้าประเมินค่ามันสูงเกินไปแล้วข้าว่า 20 เอ้า !” ผู้คนจํานวนมากต่างสนทนาเย้ยหยันต่อจี้เทียนซิงและมั่นใจว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้ด้วยความอวดดีไม่ประมาณตนมีเพียงองค์หญิงน้อยจี้เค่อเท่านั้นที่เงยหน้ามองจี้เทียนซิงและโบกมือกําลังใจให้เขา “พี่ใหญ่เทียนซิง ข้าเชื่อในตัวท่าน ! สู้ให้เต็มที่เลย !” ท่ามกลางเสียงดังสนั่นของผู้คน จี้เทียนก็เดินขึ้นลานประลองด้วยรอยยิ้มมั่นใจ “จี้เทียนซิง เจ้าฟื้นพลังยุทธ์กลับมาได้แต่ยังคิดว่าตนเองเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งอยู่งั้นหรือ ?” “ฮีๆ เจ้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อยสําหรับความเหิมเกริมวันนี้ ! ราชาผู้นี้จะสั่งสอนให้เจ้าได้รู้ว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งก็คือข้าเท่านั้น เจ้าเป็นเพียงก้อนหินให้ข้าเหยียบย่ํา !” น้ําเสียงของจี้หลิงเยือกเย็นและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า เขาสลัดคราบสุภาพบุรุษผู้มากน้ําใจไปโดยสิ้นเชิง จี้เทียนชิงมั่นใจแล้วว่าจี้หลิงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวล มันเป็นศัตรูที่ต้องฆ่าให้ตายกันไปข้าง ! ดังนั้นการที่จี้หลิงคิดจะฆ่าเขาก็ไม่ทําให้แปลกใจแม้แต่น้อย ดวงตาของจี้เทียนซิงจ้องมองไปที่จี้หลิงอย่างมืดมนและกล่าวด้วยน้ําเสียงเย็นชา “จี้หลิง ! ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ว่า แผนการและอุบายทั้งหมดทั้งปวงของเจ้า สุดท้ายก็เป็นฟองสบู่ในความฝัน! ความมั่นใจและความเย่อหยิ่งของเจ้าจะจบลงที่นี่ ! วันนี้ 1” เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง ! เมื่อสิ้นเสียง จี้เทียนซิงก็สาดปราณกระบี่ 6 สายออกมาทันที่และแปรเปลี่ยนเป็นรังสีข่ายกระบี่สีทองที่โอบล้อมรอบตัวจี้หลิง “ศาสตร์ลับอี้เจี้ยน รังสีข่ายกระบี่ !” ชายหนุ่มกุมกระบี่มังกรดําไว้ในมือซ้ายและใช้ศาสตร์ลับอดี้เจี้ยนด้วยมือขวาเพื่อควบคุมปราณกระบี่ทั้งหมดให้ก่อตัวเป็นตาข่ายกระบี่ที่ปกคลุมร่างของจี้หลิง “ฟุบ ฟุบ ฟุบ !” ปราณกระบี่กระพริบถี่และลากเป็นลําแสงตาข่ายกระบี่สีทองยาวและบีบเข้าหาจี้หลิง “โฮ ?” สีหน้าของจี้หลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยและชักกระบี่ออกจากฝึกเพื่อโจมตีกลับทันที “เพลงกระบี่เพลิงทรราชย์ !” จี้หลิงใช้เพลงกระบี่ที่รุนแรงที่สุดออกมา ฟาดฟันเป็นรังสีกระบี่นับสิบสายต้านรับข่ายกระบี่สีทองของจี้เทียนซิงอย่างดุ ดัน