ติ๊ง~

เสียงดนตรีจากจะเข้ไหลไปทั่วทั้งศาลามังกร ฟังราวกับว่าสวรรค์กําลังร้องเพลงและหยวนก็เล่นจะเข้ได้ดีขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขาเล่นนานขึ้น

ภายในไม่กี่นาทีหลังจากที่เขาสัมผัสจะเข้ครั้งแรกทักษะและการเคลื่อนไหวของหยวนได้เปลี่ยนไปอย่างมาก แม้กระทั่งการเล่นจะเข้ในสไตล์ของเขาเอง

นางฟ้าเฟยผู้นี้ตกตะลึงและร้องไห้อยู่ข้างในว่า

“การเคลื่อนไหวของมือของเขาเปลี่ยนไป! ในตอนแรกดูเหมือนว่าเขาจะลอกสไตล์ของข้า แต่จู่ๆเขาก็เริ่มใช้สไตล์ของตัวเอง! นี่หมายความว่า? นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่เล่นจะเข้จริงๆงั้นหรอ? แต่มันเป็นไปไม่ได้!”

อีกไม่กี่นาทีต่อมาหลังจากเล่นโน้ตดนตรีตัวสุดท้ายในเพลงจบ หยวนก็หยุดขยับมือและหันไปมองนางฟ้าเฟยก่อนจะพูดว่า

“เจ้าคิดว่ายังไง แม้ว่ามันจะค่อนข้างหยาบ แต่ข้าก็สามารถเล่นเพลงอย่างถูกต้อง”

“หยาบ?! เจ้าเรียกการแสดงนั้นว่า “หยาบ”?!” ทั้งชูป๋อและนางฟ้าเฟยร้องไห้ภายในใจหลังจากได้ยินคําพูดของเขา

“…”

นางฟ้าเฟยจ้องมองหยวนพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างรุนแรง และเธอก็พูดขึ้นหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง

“เล่นอีกครั้ง”

“หืม?” หยวนเลิกคิ้ว

“ข้าพูดว่าจะเล่นจะเข้อีกครั้ง เจ้าบอกว่าข้ามีข้อบกพร่องหลายอย่างในการแสดงใช่ไหม เจ้าจะต้องเล่นทุกเพลงที่ข้าทําผิดพลาดให้ข้าฟัง”

“เอ่อ..ข้าไม่รังเกียจ แต่เวลาของข้าที่ศาลามังกรหมดแล้ว…” หยวนพูดส่วนใหญ่เป็นเพราะเขาอยากเล่นจะเข้นานกว่านี้อีกหน่อยหลังจากรู้ว่ามันสนุกแค่ไหน

นางฟ้าเฟยหันไปมองชูป๋อก่อนที่จะพูดว่า

“ข้าจะจ่ายเงินสําหรับช่วงต่อเวลาพิเศษของเขา”

“ครับ!” ชูป๋อพยักหน้าอย่างประหม่า

“เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้นานเท่าที่จําเป็นแล้วในตอนนี้” นางฟ้าเฟยกล่าวหลังจากที่เธอกลับไปมองหยวน

หยวนพยักหน้าและเล่นจะเข้ต่อไป อีกสักครู่ต่อมาเขาก็เล่นเพลงที่แตกต่างไปจากเดิม

ติ๊ง~

“นี่คือเพลงต้นฉบับของข้า หงส์บินเหนือสวรรค์! มาดูกันว่าเขาจะเล่นได้อย่างถูกต้องหรือไม่!? นางฟ้าเฟยจ้องมองหยวนด้วยสายตาที่เฉียบคม และไม่กระพริบตาราวกับว่าเธอไม่สามารถพลาดการเคลื่อนไหวจากเขาได้เลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามยิ่งเธอฟังเพลงของหยวนนานเท่าไหร่นางฟ้าเฟยก็ยิ่งชื่นชมทักษะของหยวนมากขึ้น โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวมือของเขา แม้จะรู้สึกร้อนรนเล็กน้อยที่หยวนเล่นเพลงต้นฉบับของเธอได้ดีกว่าตัวเธอเอง!

สําหรับหยวนยิ่งเขาเล่นจะเข้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกสบายใจกับเครื่องดนตรีมากขึ้นเท่านั้นและเขาก็เริ่มเล่นจะเข้โดยหลับตาลงในเพลงที่สาม

ติ๊ง~

เมื่อหยวนเริ่มเล่นเพลงที่สี่แล้วนางฟ้าเฟยก็มานั่งข้างๆเขา แล้วหลับตาดื่มต่ำกับการเล่นจะเข้ของหยวนอย่างเต็มที่

อย่างรวดเร็วนางฟ้าเฟยพบว่าตัวเองซึมซับการแสดงของหยวนอย่างสมบูรณ์ รู้สึกราวกับว่าแต่ละโน้ตดนตรีที่หยวนเล่นกําลังนวดร่างกายและจิตใจของเธอ

แขกคนอื่นๆในศาลามังกรก็รู้สึกเช่นเดียวกัน และส่วนใหญ่ก็เลิกกินอาหารเพื่อมุ่งเน้นไปที่ดนตรีอย่างเต็มที่

” นางฟ้าเฟยถึงระดับใหม่ด้วยจะเข้ของเธองั้นหรอ ข้าเคยฟังจะเข้ของเธอหลายครั้งก่อนหน้านี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกแบบนี้…”

“ใช่…ข้ารู้สึกได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นทั่วร่างกายเพียงจากการฟังเพลงนี้ ข้าจะคิดที่จะใช้คะแนนการมีส่วนร่วมทั้งหมดของข้าถ้าข้าสามารถฟังเพลงนี้ได้นานขึ้นอีกหน่อย”

เพียงชั่วโมงเดียวต่อมาหยวนก็จบเพลงที่ 7 และเพลงสุดท้ายของเขา

“ข้าเล่นเสร็จแล้ว” หยวนหันไปมองนางฟ้าเฟยและพูดกับเธอหลังจากนั้น

อย่างไรก็ตามไม่มีการตอบรับใดๆจากนางฟ้าเฟยซึ่งนั่งอยู่ข้างๆเขา ดวงตาของเธอยังคงปิดอยู่ ดูเหมือนว่าจะหลับไป

“หื้อ..” หยวนไม่อยากรบกวนอารมณ์ที่สงบของเธอ เขาจึงลุกขึ้นยืนและเดินจากไปอย่างเงียบๆ

“จะทิ้งเธอไปแบบนี้จริงๆเหรอ?” ชูป๋อถามหยวนด้วยน้ำเสียงที่ต่ำและประหม่าเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าหยวนกําลังจะจากไป

“ใช่ข้ามีที่ที่ข้าต้องไป” หยวนตอบและเขาก็พูดว่า

” อาหารอร่อยจริงๆข้าจะกลับเมื่อข้ามีเวลา”

เมื่อหยวนออกจากศาลามังกรไปชูป๋อยังคงยืนอยู่ที่เดิมและอดทนรอให้นางฟ้าเฟยลืมตาอีกครั้ง

ชูป๋อไม่รู้ว่านางฟ้าเฟยกําลังประสบกับการรู้แจ้งอยู่ในช่วงเวลานี้ หลังจากที่เธอได้ฟังหยวนเล่นจะเข้ด้วยเหตุนี้เธอจึงยังคงอยู่ต่อไปอีกหลายชั่วโมงต่อมา

เมื่อนางฟ้าเฟยลืมตาขึ้นอีกครั้งหยวนก็หายไปนานแล้ว

“ไม่คิดว่าข้าจะได้รับประสบการณ์การรู้แจ้งจากการแสดงของศิษย์ชั้นนอก..ชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร?” นางฟ้าเฟยสงสัยในตัวเอง หลังจากที่เธอลืมตาออกมาจากการรู้แจ้ง ความรู้สึกราวกับว่าความเข้าใจของเธอกับจะเข้เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ

“ศิษย์คนนั้นไปไหนแล้ว?!” นางฟ้าเฟยถามชูป๋อด้วยสีหน้าตกตะลึงเมื่อรู้ว่าหยวนหายตัวไป

“ศิษย์คนนั้นออกไปแล้วเมื่อหกชั่วโมงที่แล้ว…” ชูป๋อตอบกลับอย่างเหงื่อตก

“อะไรนะ?! เขาหายตัวไปโดยไม่มีคําพูดอะไรเลยจริงๆเหรอ! แล้วเจ้าปล่อยเขาไปเหรอ?!” นางฟ้าเฟยกระแทกโต๊ะด้วยฝ่ามือของเธอทําให้มันสั่น

“ข้าขอโทษ ข้าคิดท่านคงเข้าใจ และข้าก็ไม่กล้าทําให้เขาอยู่นานเกินไป” ชูป๋อขอโทษอย่างรวดเร็ว

“ศิษย์คนนั้นชื่ออะไรนะ?” นางฟ้าเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ศิษย์หยวน”

“ศิษย์หยวน…เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเขาหรือเปล่า รู้ภูมิหลังของเขาหรือเปล่า?” นางฟ้าเฟยถามชูป๋อ

“ไม่รู้…” ชูป๋อรีบส่ายหัว

” ข้ารู้แค่ว่านี่เป็นครั้งแรกของเขาที่มาที่ศาลามังกร และเขาก็เป็นศิษย์คนใหม่ด้วย”

“ครั้งแรกที่ได้มาที่ศาลามังกรเหรอ! เขาเลยฟังเพลงของข้าเป็นครั้งแรกวันนี้?! และเขาก็เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอ?” นางฟ้าเฟยตกใจเมื่อรับรู้ถึงสถานการณ์

“ศิษย์หยวน .. ศิษย์หยวน … เจ้าเป็นใคร?” นางฟ้าเฟยจ้องมองไปที่จะเข้บนโต๊ะที่มีกลิ่นอายของความโดดเดี่ยวเหมือนกับว่าจะเข้ไม่พอใจที่หยวนทิ้งมันไว้ข้างหลัง