กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 554
สีชิ่นยิ้ม “แล้วก็นายน้อยแห่งหุบเขาน่าหลาน ข้าคิดว่าเขาสนใจแม่นางกู้มาก เพื่อแม่นางกู้ บางทีเขาอาจจะยอมฝ่าฝืนกฎของหุบเขา และเข้าไปในเขตหวงห้าม”
“หากน่าหลานหลิงลั่วเข้ามา หุบเขาต้นหุยไม่มีทางปล่อยให้เขาเข้ามาตามลำพังอย่างแน่นอน และถึงตอนนั้นเหล่าสัตว์ประหลาดทั้งหลายของหุบเขาต้นหุยก็คงจะเข้ามาเช่นกัน อีกอย่าง……พวกเราบุกรุกเข้าไปในเขตหวงห้าม เป็นไปไม่ได้ที่คนของหุบเขาต้นหุยจะไม่รู้”
ฮวาฉี่หลัวมองอันนี้ มองอันนั้น และชี้ไปที่ตัวเอง “ในเมื่อมีคนเข้ามาในเขตหวงห้ามมากมายเช่นนี้ ก็เทียบไม่ได้กับข้าเพียงคนเดียว ท่านพี่ไป๋ ท่านให้ข้าเข้าไปด้วยเถอะ”
“มันอันตรายเกินไป เอาอย่างนี้ เจ้าไปหาที่ซ่อนก่อน จากนั้นก็รอให้พวกเขาออกมาแล้วค่อยจากไปพร้อมกัน จำไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างใน เจ้าห้ามเข้าไปอย่างเด็ดขาด”
“ก็ได้……”
“อีกอย่าง ไม่ว่ากำลังคนจะมากขนาดไหน ไม่ว่าพวกเขาจะต่อสู้กันอย่างไร เจ้าก็ห้ามเข้าไปยุ่ง”
“ตกลง……ถึงอย่างไรพวกเขาก็จะไม่ทำร้ายเจ้าและท่านพี่กู้ ดังนั้นข้าจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับพวกเขา”
สีชิ่นครุ่นคิด “ดูเหมือนน้องหญิงฮวาฉี่หลัวกับแม่นางกู้จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา”
“แน่นอน หากท่านกล้าทำอะไรนาง ระวังว่าข้าจะไม่เกรงใจท่าน” นางยกกำปั้นขึ้นมาทำท่าทาง และมองไปที่สีชิ่นอย่างเยาะเย้ย
“ไม่ทราบว่าน้องหญิงฮวาฉี่หลัวและแม่นางกู้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ข้าเพียงแค่รู้สึกสงสัย เผ่าน้ำแข็งตัดขาดจากโลกภายนอกมาแต่ไหนแต่ไร และไม่ค่อยปรากฏตัว เช่นนั้นจะรู้จักแม่นางกู้ได้อย่างไร”
“ฮึ ข้าไม่บอกท่านหรอก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากท่านกล้าทำร้ายท่านพี่กู้ของข้า เผ่าน้ำแข็งของเราจะไม่ปล่อยท่านไปแน่”
ไป๋จิ่นปัดผมที่หน้าผากของตัวเอง และยิ้มกว้างอย่างสง่างาม
“ดูเหมือนว่าแม่นางสีจะสนใจแม่นางกู้มาก ไม่ทราบว่าแม่นางสีกับแม่นางกู้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร?”
“หออันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับใครทั้งสิ้น ไปกันเถอะ น้องหญิงไป๋จิ่น หากยังไม่ไป แม้ว่าในนั้นจะมีของมีค่าอยู่ แต่ก็ถูกคนแย่งชิงไปหมดแล้ว”
“ก็ได้”
หลังจากกล่าวลาฮวาฉี่หลัวแล้ว เงาหนึ่งสีขาวเงาหนึ่งสีแดงก็ปีนขึ้นไป
ไม่นานหลังจากที่พวกนางจากไป เหวินเเส่าอี๋และผู้อาวุโสหลายคนแห่งเผ่าเพลิงฟ้า รวมทั้งน่าหลานหลิงลั่วก็ได้สังเกตดูค่ายกลอย่างละเอียดถี่ถ้วน และทยอยตามกันไป
ฮวาฉี่หลัวซ่อนตัวอยู่ในความมืด และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
คนเหล่านี้พากันขึ้นไปทำอะไร?
หรือว่าข้างในจะมีของมีค่าอยู่จริง ๆ?
นางไม่อยากซ่อนตัวอยู่ข้างล่างคนเดียว จึงปีนตามขึ้นไป
ไม่นานหลังจากปีนขึ้นไป ฮวาฉี่หลัวก็ตกตะลึง
นั่นมันอะไรกัน ข้างหน้าล้วนแต่เป็นโซ่เหล็กต่าง ๆ ทั้งใหญ่และเล็ก และรอบ ๆ โซ่แต่ละเส้นก็มีไอสีดำ
เดิมทีนางอยากจะเดินตรงเข้าไป
แต่เมื่อคิดถึงนัยน์ตาที่หนักอึ้งของไป๋จิ่นแล้ว นางก็ครุ่นคิดและนึกขึ้นได้
นางพลิกฝ่ามือข้างขวา และผ้าต่วนหลากสีแถบยาวเส้นหนึ่งก็สะบัดพลิ้วออกมา
เมื่อผ้าต่วนไปสัมผัสกับไอสีดำก็สะบั้นในทันที และไม่เหลือแม้แต่ซาก
ฮวาฉี่หลัวตบหน้าอกของตัวเอง
ไม่เป็นไร ๆ โชคดีที่เมื่อครู่นางไม่ได้เดินเข้าไป
นี่มันไอสีดำอะไรกัน ทำไมถึงพิษร้ายแรงเช่นนี้?
อีกทั้งยังมองไม่เห็นปลายอีกด้านหนึ่ง
ไม่รู้ว่าโซ่เหล็กเก้าเส้นเปื้อนไอสีดำตั้งแต่เมื่อไหร่
ฮวาฉี่หลัวคิดว่าไม่สามารถขึ้นไปได้แล้ว
และอยากจะลงก็ลงไม่ได้
ติดอยู่ตรงกลาง
“แย่แล้ว ๆ จะทำอย่างไรดี?หรือว่าข้าต้องติดอยู่ที่นี่?ไม่ได้นะ ไอสีดำกำลังแพร่กระจาย หากไม่รีบออกไปจากที่นี่ ชีวิตน้อย ๆ ของข้าจะจบลงที่นี่ไม่ได้”
จนกระทั่งตอนนี้ ฮวาฉี่หลัวจึงเข้าใจว่าทำไมท่านพี่ไป๋จึงต้องระมัดระวัง
“ข้างบน ข้างล่าง ใครก็ได้ช่วยข้าที เฮ้ย…”
นางไม่อยากตะโกน แต่ก็ไม่อยากตาย นางจึงทำได้เพียงตะโกนขอความช่วยเหลือ ไม่รู้ว่ามีใครได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของนางหรือไม่ หลังจากที่รออยู่นานก็ไม่มีใครลงมาช่วยนางเลย
ไอสีดำยังคงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ฮวาฉี่หลัวกังวลเป็นอย่างมาก
“มีใครสามารถช่วยข้าได้บ้าง?ข้ากำลังจะถูกกัดกร่อน ท่านพี่กู้……ท่านพี่ไป๋……”
เสียงของนางดังมากขนาดนี้ ท่านพี่กู้และท่านพี่ไป๋ไม่มีทางที่จะไม่ได้ยิน พวกนางกำลังเผชิญกับอันตรายอะไรอยู่ข้างบนหรือไม่?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฮวาฉี่หลัวไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง นางก็คิดหาทางที่จะปีนขึ้นไปดู
นางกัดฟันและต้องการใช้วิชาตัวเบาข้ามโซ่เหล็กที่แน่นหนาไป หลังจากลองอยู่หลายครั้ง นางก็กระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด “โมโหแทบแย่ ช่วงนี้กินจนอ้วนเกินไป ทำอย่างไรดี ๆ ……”
นางเกาหัวอย่างหงุดหงิด ทรุดตัวลงและตะโกนว่า “หากใครสามารถพาข้าขึ้นไปได้ ข้าจะแต่งงานกับคนผู้นั้น”
“แม่หนู ไม่ว่าจะเป็นใคร เจ้าก็จะแต่งงานด้วยงั้นหรือ?”
“แต่ง ๆ ๆ แม้ว่าจะแต่งกับหมูกับหมา ข้าก็จะแต่ง”
ใบหน้าของฮวาฉี่หลัวดูดีใจ แต่เมื่อเห็นเงาที่เหมือนกับสายลมพัดผ่านช่องว่างในโซ่เหล็กหนาทึบ
ช่องว่างมีขนาดเล็กและสลับซับซ้อน แต่ผู้ที่มาดูไม่เป็นอันตราย และนางสามารถหลีกเลี่ยงได้หากจะเข้ามาหานาง
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของฮวาฉี่หลัวหุบลงเรื่อย ๆ และคร่ำครวญ “หา……เป็นชายชรา และเป็นชายชราในวัยหกสิบเศษ ๆ ”
ผู้อาวุโสเจ็ดผมหงอกทั้งหัว ผิวหนังเหี่ยวย่น และหนวดเคราขาวราวกับหิมะ แต่นัยน์ตาดูมีชีวิตชีวา ร่างกายแข็งแรง ทำไมเขาดูไม่เหมือนคนแก่เลย
“แม่หนู อย่ามองว่าข้าผมหงอก จริง ๆ แล้วข้าเด็กกว่าที่เจ้าคิดมาก”
“รีบดึงข้าขึ้นไปเถอะ ใครจะไปเชื่อ จะเป็นปู่ของข้าได้อยู่แล้ว”
“แม่หนูหน้าตาดีนะ แต่ปากคอเราะราย ช่างพูดจาได้ไม่น่าฟังเอาเสียเลย”
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสเจ็ดกำลังจะจากไป เขาปีนขึ้นไป ฮวาฉี่หลัวรีบกอดขาของเขาไว้ และกล่าวอย่างไม่น่าเวทนา “ท่านอย่าทิ้งข้าไว้ที่นี่คนเดียว ข้าจะต้องตาย”
“เจ้าบอกว่าข้าแก่จนจะเป็นปู่ของเจ้าได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
“ท่านปู่……ไม่……สามี จากนี้ไปท่านจะเป็นสามีของข้า……”
“ตูม……”
ผู้อาวุโสเจ็ดตกใจมากจนเกือบจะตกลงไป หากไม่ใช่เพราะฮวาฉี่หลัวกอดขาของเขาไว้แน่น เกรงว่าเขาคงตายอยู่ที่นี่ไปแล้ว
เขาสะบัด แต่ก็ไม่สามารถสะบัดฮวาฉี่หลัวออกไปได้
“แม่หนู เราอายุเราต่างกันมาก เจ้าเรียกข้าว่าสามี อยากให้ข้าตกใจงั้นหรือ?”
ฮวาฉี่หลัวยิ้มหวาน “ท่านพี่”
“ไป ๆ ๆ ท่านพี่อะไรกัน อย่าเรียกส่งเดช ข้ายังหนุ่มยังแน่น”
“ท่านพี่”
เส้นผมสีดำสามเส้นไหลลงมาจากบนหัวของผู้อาวุโสเจ็ด
“สตรีชอบก่อเรื่องวุ่นวาย ข้าไม่คิดจะแต่งภรรยา เจ้าไม่ต้องมาดึงรั้งข้า”
“เฮ้อ ทำข้าตกอกตกใจ ท่านไม่คิดจะแต่งภรรยาก็ดี ข้าก็ไม่อยากแต่งงานกับตาแก่หากเรื่องแพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของข้าคงเสียหายขนาดไหน”
“แล้วเจ้าจับขาข้าไว้ทำไม?”
“ท่านปู่ ท่านพาข้าขึ้นไปเถอะ”
“ไป ๆ ๆ ท่านปู่อะไรกัน ข้าบอกแล้วว่าข้ายังหนุ่มยังแน่น หยุดพูดว่าข้าแก่ได้แล้ว”
“ท่านลุง”
“ไม่น่าฟังเอาเสียเลย”
“ท่านอา”
“ยิ่งไม่น่าฟัง”
“ท่านพ่อ……”
ตูม……
ผู้อาวุโสเจ็ดล้มลง และเกือบจะถูกไอสีดำกัดเซาะ
เขาเงยหน้าขึ้นและมองฮวาฉี่หลัวที่ยิ้มให้เขาอย่างไร้เดียงสา นัยน์ตาชุ่มชื้นอย่างอธิบายไม่ถูก
ท่านพ่อ……
ก็แค่เรียกว่า……
หัวใจของเขาอ่อนปวกเปียก……
“ยังไม่ปล่อยมืออีก ไอสีดำกำลังแพร่กระจาย อยากให้ข้าถูกฝังไปพร้อมกับเจ้าหรือ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ”
ฮวาฉี่หลัวจับแขนของเขาไว้แน่น นางกลัวว่าเขาจะสะบัดนางทิ้งกลางทาง
“ท่านพ่อ ข้าอยากขึ้นไป”
“เจ้าเด็กคนนี้ วุ่นวายยิ่งนัก ไอสีดำเพียงเล็กน้อยก็ไม่สามารถจัดการได้ แล้วยังอยากจะขึ้นไปอีกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้างหน้าคืออะไร?นั่นคือค่ายกลสังหารโบราณที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับเจ็ดก็ยากที่จะฝ่าออกไปได้อย่างปลอดภัย”
“ยอดฝีมือระดับเจ็ดก็ยากที่จะฝ่าออกไปได้?แต่ในตอนนี้พวกเราต้องเข้าไปไม่ได้ออกไป”
หากไม่ใช่เพราะท่าทีที่จริงจังและประหลาดใจของนาง ผู้อาวุโสเจ็ดคงคิดว่านางกำลังหยอกล้อเขา
เขาเลอะเลือดมากพออยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะต้องมารับบุตรสาวบุญธรรม และเลอะเลือดยิ่งกว่าเขาเสียอีก
ไอสีดำเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า และเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เส้นทางด้านล่างถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์ มีเพียงการพยายามปีนขึ้นไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาส
ผู้อาวุโสเจ็ดเอาแขนโอบนางไว้ และเคลื่อนผ่านช่องว่างของโซ่ที่หนาทึบและกล่าวว่า “แม้ว่าอยากจะออกไปในตอนนี้ ก็ออกไปไม่ได้”
“เช่นนั้นก็ดีสิ พวกเราจะได้ไปตามท่านพี่ไป๋และท่านพี่กู้”
“แม่หนู เจ้าช่างไร้เดียงสายิ่งนัก”
“ท่านพ่อ ท่านช่างเป็นคนดียิ่งนัก กลับไปแล้วข้าจะให้ท่านพี่ไป๋และท่านพี่กู้ยอมรับท่านเป็นพ่อบุญธรรม มีคนมากมายคอยเป็นห่วง พวกนางคงจะดีใจ”
“ฉ่า……”
ผู้อาวุโสเจ็ดแทบอยากจะให้ไอสีดำกัดกิน
เขากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าคิดว่าทุกคนจะใจกว้างเช่นเดียวกับเจ้างั้นหรือ?เห็นใครก็นับถือเป็นพ่อ”
อาหน่วนเป็นหัวหน้าเผ่าของพวกเขา หากให้นางยอมรับเขาเป็นพ่อ นี่จะไม่เป็นการทำให้เขาอายุสั้นหรือ?