เสียงของผู้บัญชาการมู๋แฝงไปด้วยความมึนงงมันเกิดอะไรขึ้นกันจู่ๆชูฮันถึงพ่นน้ำออกมาแบบนี้?

 

จวงฮงที่นั่งอยู่ตรงข้ามชูฮันซึมเซาไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่เข้าร่วมกองทัพมาจนถึงตอนนี้เป็นเวลาหลายปี แม้แต่วันที่ยากลำบากอย่างเช่นช่วงอาทิตย์แรกของการปะทุโลกาวินาศ เขาก็ยังไม่เคยถูกน้ำเน่าแบบนี้พ่นใส่หน้ามาก่อน!

 

“ชูฮัน!” จวงฮงลุกขึ้นยืนพลางจ้องเขม็งมาที่ชูฮันอย่างโกรธจัด เขาทนไม่ไหวที่จะจัดการชูฮันที่ทำกับเขาแบบนี้ “นี้มันหมายความว่าอะไรวะ?”

 

ชูฮันไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ขอโทษทีน้ำมันร้อนเกินไป”

 

“แก! แก แก แก! ไอ้เ*ย ไปตายซะ!” จวงฮงแทบจะเสียการควบคุมเพราะคำตอบของชูฮัน มันมีไฟสุมรอการระเบิดอยู่ในอกของจวงฮง ถ้านี่ไม่ใช่อยู่ในห้องประชุม เขาจะจัดการชูฮันแน่นอน

 

ชูฮันไม่ได้สนใจจวงฮงเลยสักนิด เขาจ้องไปที่ข้อความในกระดาษหน้าที่ 50 ในมือ ซึ่งมันมีอยู่ข้อความเขียนอยู่สองประโยค มันง่ายมากที่จะแยกแยะความแตกต่างของคำทั้งสองสองประโยคนี้…วิธีการพูด

 

“ทีมกุ้งเสือดำ ตามไม่ทันหรอก” คำพูดนี่เป็นของเสี่ยวเคินอย่างแน่ๆ

 

“ทีมความลับของพระเจ้า นายไม่มีทางจับได้ ฮ่าฮ่าฮ่า!” นี่ต้องเป็นหลูปิงเซ่อแน่นอน

 

เมื่อเห็นคำพูดพวกนี้ ชูฮันก็อยากจะพ่นเลือดใส่หน้าทั้งเสี่ยวเคินและหลูปิงเซ่อ สองคนนี้กำลังทำบ้าอะไรอยู่!?

 

ไม่นานชูฮันก็รับรู้ได้ถึงความสามารถของทีมลาดตระเวนของซางจิง เหอเฟิงบอกว่าทั้งสองทีมนี้ไม่ได้ติดต่อมาเลยสักช่องทาง แต่เด็กชายส่งกระดาษข้อความให้ไม่ใช่เหรอไง? เห็นได้ชัดว่าเด็กผู้ชายนั่นคือเจิ้งเทียนอี้ที่อยู่ในทีมความลับของพระเจ้า ซึ่งมันต้องเป็นความคิดของหลูปิงเซ่อแน่ๆ

 

ชูฮันให้คำแนะนำทั้งสองทีมไปเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น แต่เขาไม่คิดว่าเลยหลังจากที่แยกย้ายกันไปเพียง 2 เดือน ทั้งสองทีมจะกลายเป็นแบบนี้

 

เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจมาก!

 

ชูฮันเหมือนจะสามารถคาดการณ์สถานการณ์ปัจจุบันของทั้งสองทีมได้ หลูปิงเซ่อชอบหลอกลวง มันจึงไม่แปลกที่เขาจะล่อทีมความลับของพระเจ้าไปตลอดทางเพื่อฆ่า แต่ทีมกุ้งเสือดำก็เต็มไปด้วยเล่ห์ เสี่ยวเคินพาทีมของตัวเองย้อนกลับไล่ตามทีมความลับของพระเจ้าไปเหมือนกัน!

 

เป็นการดึงชักเย่อการต่อสู้ที่ดีใช่มั้ยล่ะ?

 

ตามความคิดเห็นก่อนหน้านี้ของเหอเฟิง ความสามารถในการต่อสู้ของทั้งสองทีมนั้นสูงขึ้นมากหลายเท่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่เห็นชูฮันเห็นเมื่อตอนที่เขาเข้ารับการประเมิณเสาหินของวิวัฒนาการระยะ 3 จากนั้นเมื่อมองที่ความเร็วของการเดินป่าที่ชูฮันได้ให้ระยะเวลาของทั้งสองทีมสามเดือน ทั้งๆที่ชูฮันรู้ดีว่าด้วยประสิทธิภาพของคนพวกนั้นระยะเวลามันน่าจะสั้นลงเหลือเพียง 2 เดือนเท่านั้น

 

“ชูฮัน?” จู่ๆเสียงของหวังไคก็ดังขึ้นในหัวของชูฮัน “นายพึ่งทำมันอีกแล้ว มันเกิดความผันผวนอารมณ์ขึ้น นี่ป่ายหวีเนอกระโดดมาเปลื้องผ้าต่อหน้านายอยู่เหรอไงกัน?”

 

“ทำงานของแกไปซะ!”

 

“มาเร็วๆเข้า” มีความภาคภูมิใจอยู่ในน้ำเสียงของหวังไค “ให้ฉันไปรอนายที่ไหน?”

 

“ที่เดิม”

 

ตวนเจียงเหว่ยที่นั่งถัดไปจากชูฮันมองถ้วยน้ำชาของชูฮันอย่างสงสัย น้ำนั้นร้อนเกินไปเหรอ? แต่ชานี่มันเย็นแล้ว

 

“ไม่เป็นอะไร” ผู้บัญชาการมู๋โบกมืดปัด “ดำเนินการประชุมต่อ”

 

เหอเฟิงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะหารือประเด็นเดิมต่อ ถึงแม้เขาจะมีความสนใจในตัวทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้า แต่ตอนนี้ที่ชูฮันขัดจังหวะขึ้นมามันทำให้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะดำเนินการต่ออีก เขาจึงเพียงข้ามไปที่หัวข้อถัดไป “หัวข้อต่อไป หลังจากการจัดตั้งยุคโลกาวินาศขึ้นอย่างเป็นทางการ เรายังมีเรื่องสกุลเงินที่ต้องพูดคุยกัน และมูลค่าที่แปลงเป็นสกุลเงินและหน่วยเงิน พวกคุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”

 

“นี่แหละประเด็น” มีคนเข้าร่วมการสนทนาด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง

 

“ใช่ แล้วโลกาวินาศล่ะ?” มีคนแนะนำ

 

“ไม่ ไม่ มันไม่น่าฟังเลย” บางคนก็คัดค้านทันที

 

“เราอยู่ในยุคใหม่ที่เราเรียกว่ายุคโลกาวินาศใช่มั้ย? ไม่เรียกเงินโลกาวินาศไปเลยล่ะ?”

 

“ความจริงแล้วทั้งสองแนวคิดมันก็ดี แต่ถึงอย่างนั้นสกุลเงินโลกาวินาศมันไม่เหมาะสม”

 

การประชุมดำเนินไปอย่างเพลิดเพลิน จวงฮงที่ผมยังไม่แห้งดีถูกลืมเลือนไป

 

เมื่อมองไปที่กลุ่มคนที่เอาแต่พูดคุยกันมาเป็นเวลานาน ผู้บัญชาการมู๋ก็เคาะมือลงบนโต๊ะ “ชูฮัน นายคิดว่ายังไง?”

 

ทุกคนในห้องประชุมเงียบสนิททันทีพลางจ้องมาที่ชูฮันด้วยสายตารังเกียจ

 

“หน่วยเงินควรแบ่งออกเป็น หนึ่ง ห้า สิบ หนึ่งร้อยและห้าร้อย ราคาที่เฉพาะเจาะจงจะขึ้นอยู่กับวิธีการตัดสินใจของซางจิง ส่วนสำหรับสกุลเงิน—-” ชูฮันเกือบจะตอบสกุลเงินของชาติที่แล้วออกไปแล้วโดยไม่รู้ หากเขาก็รีบหุบปากพลันสายตาก็เริ่มดำดิ่งลง “ล่มสลาย”

 

“เหรียญล่มสลาย?”

 

หลายคนต่างมองหน้ากัน ผู้คนจำนวนไม่สามารถตามทันความคิดของชูฮันได้ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชูฮันได้เสนอชื่อลึกลับอย่างคำว่า*‘ล่มสลาย’*

 

“ล่มสลาย? ล่มสลาย มันมีความสำคัญพิเศษอะไรรึเปล่า?” ผู้บัญชาการมู๋มองชูฮันด้วยความสงสัยใคร่รู้ ผู้บัญชาการมู๋สัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของชูฮันค่อนข้างจะจริงจังอย่างมากเมื่อพูดคำว่าล่มสลายขึ้นมา ชูฮันไม่ได้พูดเล่นเลยสักนิดหรือแม้แต่จะต่อรอง หากเขากำลังแถลงอยู่ต่างหาก

 

ผู้บัญชาการมู๋พูดออกมาเพียงแค่ประโยคเดียวหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง “กลับไปที่เดิม กลับไปจุดเดิม”

 

ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงมีแววตาประกาย ตวนเจียงเหว่ย เหอซาง กวนหลง ก็ต่างมีประกายแวบในดวงตา หลายคนประหลาดใจที่ได้เห็นชูฮันผู้ซึ่งหยาบคายและไม่มีมารยาทสามารถพูดอะไรที่เป็นงานเป็นการได้ด้วย

 

“ชูฮัน” ทันใดนั้นเสียงของหวังไคก็ดังขึ้น มันแฝงไปด้วยความกังวล “มีบางอย่างเกิดขึ้น เร็วเข้า!”

 

จู่ๆชฮูันก็รู้สึกแน่นหน้าอก จากนั้นเขาก็มองไปที่สามคนตรงหน้าด้วยสายนิ่งๆ ชูฮันหมดความอดทน เขายื่นมืออกไปและเคาะลงบนโต๊ะบนประชุม “แล้วพวกคุณมีความคิดเห็นอะไรบ้างล่ะ? มันไม่มีอะไรตายตัว”

 

ขณะที่ทุกคนกำลังจะเอ่ยปาก——

 

“ไม่ต้องพูดถึงคำถามเหล่านี้ คุณชอบเงินมากมั้ย? ใช้เวลาที่มีคิดถึงกลยุทธ์ในการฆ่าซอมบี้และแก้ไขปัญหาของอาหารขาดแคลนภายในค่ายดีกว่า” ชูฮันพูดอย่างรวดเร็ว คำถามที่ตรงไปตรงมาของชูฮันได้สร้างความเจ็บปวดโดยตรงแก่พวกคนที่เอาแต่สนใจเรื่องค่าสกุลเงิน

 

ผู้บัญชาการมู๋ เลาหมิง และเหอเฟิงยังคงนิ่งเฉย ทว่าก่อนที่พวกเขาจะได้ทันพูด ชูฮันก็ส่งสายตามาประมาณว่า ‘*ฉันเป็นหัวหน้า ฉันมีเรื่องสุดท้ายที่ต้องพูด’*จากนั้นก็เคาะมือลงโต๊ะ “เอาล่ะ คำถามต่อไป พวกคุณเคยคิดเรื่องแลกเปลี่ยนเงินล่มสลายกับคริสตัลมากมายที่มีมั้ย?”

 

หลายคนประหลาดใจ หากชูฮันก็ชิงพูดขึ้นก่อนที่ใครจะได้ทันพูด “คริสตัลของซอมบี้ระยะสอง สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญล่มสลาย100 ได้ คริสตัลของซอมบี้ระยะสาม 3 อันหรือคริสตัลซอมบี้ระยะสี่ 2 อันสามารถแลกเป็นเหรียบล่มสลาย 500 ได้…”

 

ชูฮันพูดจบก็ผุดลุกขึ้นยืน เขามองไปรอบๆ “มีปัญหาอะไรมั้ย? ถ้าไม่ ผมขอตัวก่อน ในเมื่อทุกอย่างตกลงได้แล้ว”

 

“อ้วนเฉินมากับฉัน” โดยไม่คำนึงถึงสายตาอึ้งตะลึงของทั้งห้องประชุม ชูฮันเดินตรงออกไปที่ประตูห้องประชุมทันที

 

เฉินช่าวเย่รีบดึงสติกลับมาจากอาการตกใจและเดินตามชูฮันออกไปพลางส่งเสียงกระซิบถาม “หัวหน้า หัวหน้า? เฮ้ หัวหน้าจะไปไหน?”

 

ชูฮันขยิบตาใส่เจ้าอ้วนเฉิน มันมีแสงประกายวาบผ่านนัยน์ตาชูฮัน “ไปเอาปืนมา!”