ตอนที่ 1093 จัดการอย่างเงียบเชียบ

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ทุกความขัดแย้งย่อมมีจุดจบ หากแต่ถังหนิงนึกไม่ถึงว่าเรื่องจะมาลงเอยด้วยการที่ต้องแลกชีวิตของหันซิวเช่อกับความจริงหันเจี๋ยจึงจะรู้สึกตัว 

 

 

แม้ว่าหันซิวเช่อจะก่อเรื่องเดือดร้อนให้เธอมามาก โดยเฉพาะการตามใส่ร้ายเธอไม่หยุดหย่อน อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าแม่ตัวเองถูกใส่ความแล้วกลับตัวทัน 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังคุกเข่าทั้งร่างที่อาบเลือดอย่างรักษาคำพูดของตัวเอง 

 

 

เมื่อคิดดังนั้นถังหนิงสูดหายใจลึกพลางคิดว่าทุกอย่างได้ผ่านพ้นไปแล้ว 

 

 

“ถังหนิง คุณยินดีที่จะให้อภัยซิวเช่อไหม” 

 

 

หลังได้ยินคำถามของซูอวี๋ ถังหนิงก็ส่งยิ้มผ่อนคลายให้ “แน่สิคะ เราไม่ได้ติดค้างอะไรกันแล้ว การให้อภัยไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ” 

 

 

คืนนั้นเดิมทีโม่ถิงวางแผนจะปล่อยแถลงการณ์ให้ถังหนิง แต่เธอบอกเขาว่าต้องการออกมาพูดด้วยตัวเอง เธอจึงใช้บัญชีโซเชียลของเขาโพสต์ข้อความ [อะไรผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป การคุกเข่านั่นเป็นเรื่องจริงจังเสียจนตอนนี้ฉันเห็นว่าทุกอย่างเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว ดังนั้นฉันให้อภัยคุณค่ะ หวังว่าคุณจะรับรู้และไปสู่สุคติ!] 

 

 

แม้แต่เรื่องบาดหมางที่รุนแรงที่สุดก็อาจถูกลืมเลือนไปได้ด้วยการคุกเข่าที่จริงจังขนาดนี้ 

 

 

[แม้ว่าหันซิวเช่อจะเป็นคนที่ออกจะโหดร้ายไปสักหน่อย แต่หลังจากที่ได้เห็นวิดีโอที่เขาขอโทษ ฉันก็ยังรู้สึกเจ็บปวด ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้นคงไม่มีทางได้สติยั้งคิด แต่ใครจะคิดว่าเขาจะกลับตัวจริงๆ 

 

 

[ความจริงแล้วหันซิวเช่อไม่ใช่คนที่โหดร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ ถ้าคุณคิดเรื่องนี้ เขาถูกหลอกมาตั้งแต่ยังเด็กและมีความคิดต่อผู้หญิงผิดๆ เพราะไม่รู้ว่าแม่ตัวเองถูกใส่ความ แต่หลังจากเขารู้ว่าแม่ของตัวเองไม่ผิด เขาก็หันกลับมาช่วยเธอไม่ใช่เหรอคะ 

 

 

[พูดอีกอย่างก็คือทุกอย่างมันน่าหดหู่จริงๆ ค่ะ!] 

 

 

 

 

 

[โอ๊ะ ดูที่ถังหนิงยกโทษให้เขาสิ เขาต้องรู้สึกโล่งใจอยู่บนสวรรค์แน่ๆ] 

 

 

[หลังการตายน่าสงสาร ตอนนี้เรื่องเลวร้ายที่เขาทำก็ถูกสะสางแล้วสินะ ขอให้ชาติหน้าเขาเป็นคนดีด้วยเถอะ!] 

 

 

 

 

 

เพราะการเสียชีวิตของหันซิวเช่อนั้นน่าสลดใจ เขาจึงได้รับการให้อภัยในท้ายที่สุด แม้ว่าเขาจะทำเรื่องเลวร้ายมามากมายก็ตาม 

 

 

ในขณะเดียวกันหลังจากตระกูลหันได้รับการลงโทษอย่างสาสม ความเกลียดชังที่ทุกคนมีต่อพวกเขาก็เจือจางลงไป ถึงอย่างไรคนหนึ่งก็สูญเสียลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ในขณะที่อีกคนได้สูญเสียน้องชายที่รักไป พวกเขาไม่ได้ยึดติดกับอำนาจและเงินทองในท้ายที่สุด กลับยอมปล่อยวางทุกสิ่งแทน 

 

 

ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตามหาหลี่ฉิงไอ้.. 

 

 

… 

 

 

หากแต่พวกเขาจะตามหาตัวใครสักคนที่วางแผนหลบหนีได้ง่ายๆ อย่างไร 

 

 

ซูอวี๋ ลู่เช่อ หลงเจี่ย และแม้กระทั่งตระกูลหันทุ่มเทในการตามล่าตัวนังปีศาจ อย่างไรก็ตามพวกเขายังไม่ได้ข่าวคราวใดๆ หลังผ่านไปสองวัน 

 

 

ไม่นานเรื่องก็ไปถึงมือตำรวจ แต่ในที่สุดหลงเจี่ยก็ได้เบาะแสมาจากคนรู้จักของเธอ 

 

 

“มีบางคนเห็นหลี่ฉิงไอ้กำลังจะออกทะเลไปจากท่าเรือโกลเด้นริงค่ะ 

 

 

“ฉันไม่มั่นใจว่าข้อมูลนี้เชื่อถือได้แค่ไหน แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่เรารู้ตอนนี้ค่ะ” 

 

 

หลังจากฟังคำพูดหลงเจี่ย ถังหนิงก็เปิดแผนที่และถามขึ้น “ตรงข้ามท่าเรือโกลเด้นริงคืออะไร” 

 

 

“น่าจะเป็นเกาะร้างแห่งหนึ่งนะคะ แต่ว่ามันเป็นทางสะดวกที่จะเข้าเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” 

 

 

“ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปหยุดเธอไว้ อย่าให้เธอข้ามชายแดนไปได้เด็ดขาด” ถังหนิงเอ่ย “บอกให้ลู่เช่อกับซูอวี๋จัดการเรื่องนี้อย่างเงียบเชียบด้วย” 

 

 

“รับทราบค่ะ” 

 

 

นี่ไม่ใช่ข้อมูลที่แน่ชัด พวกเขาทำได้เพียงพึ่งพาโชคชะตาและความหวังว่าหันซิวเช่อจะคอยเฝ้ามองและช่วยให้พวกเขาหยุดหลี่ฉิงไอ้ไว้ได้ 

 

 

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ลืมคิดถึงความเป็นไปได้ที่หลี่ฉิงไอ้จงใจจะทำให้พวกเขาไขว้เขว 

 

 

ทว่าคนตระกูลหันได้ลั่นเอาไว้แล้วว่าพวกเขาจะตามล่าตัวเธอจนถึงสุดขอบโลก อย่างไรเสียพวกเขาจะลืมว่าเธอฆ่าคนที่พวกเขารักลงได้อย่างไร 

 

 

สามชั่วโมงต่อมา หลงเจี่ยรายงานว่าพวกเขาสกัดหลี่ฉิงไอ้ที่ท่าเรือไว้ได้สำเร็จ ผู้หญิงคนนั้นเจ้าเล่ห์พอที่จะปลอมตัวเป็นคนป่วยโรคติดต่อ น่าเสียดายที่เธอไม่อาจรอดพ้นสายตาแหลมคมของลู่เช่อไปได้ 

 

 

“พาตัวเธอกลับมาก่อน อย่าเพิ่งส่งให้ตำรวจ” 

 

 

ถังหนิงโทรไปบอกความคืบหน้าในซูอวี๋รู้ “คุณน้าซูคะ ให้ตระกูลหันเป็นคนจัดการเรื่องนี้แล้วคุณก็คอยดูอยู่ห่างๆ นะคะ ฉันไม่อยากให้มือคุณสกปรก ยังไงพวกเขาก็ติดค้างคุณเอาไว้” 

 

 

ซูอวี๋ครุ่นคิดก่อนตอบตกลง 

 

 

“แต่คุณต้องบอกเขาว่าห้ามทำร้ายเธอนะคะ ยังไงเดี๋ยวพวกเขาก็ต้องส่งตัวเธอให้ทางตำรวจ อย่าให้พวกเขาทำลายชีวิตที่เหลือของตัวเองเพราะคนอย่างนั้นเลยค่ะ” 

 

 

“ฉันล่ะอยากให้พวกเขาทำลายชีวิตของตัวเองจริงๆ!” ซูอวี๋เอ่ยคำพูดพวกนี้ออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อน ทว่าในความเป็นจริงเธอคงไม่มีทางส่งลูกชายที่เหลืออยู่เข้าคุกได้ 

 

 

เมื่อเธอต่อสายหาหันเจี๋ย น้ำเสียงเธอจึงเย็นชาทั้งที่เธอมีเจตนาดี “ถังหนิงเจอตัวเธอแล้ว แต่แกต้องส่งตัวเธอให้ตำรวจหลังจากนั้น ถ้าฉลาดพอก็อย่าลงไม่ลงมือกับเธอจะดีกว่านะ มีวิธีอีกมาที่จะทำให้คนทรมาน 

 

 

“พวกแกติดค้างถังหนิงอีกแล้ว! 

 

 

“หันเจี๋ย ฉันมาคิดถึงเรื่องที่แกยังเด็กเมื่อยี่สิบปีก่อนถึงได้ตัดสินใจทำเรื่องแย่ๆ ลงไป ฉันจะยกโทษให้แกแล้วกัน แต่จะไม่ยอมรับแกเข้ามาอยู่ในชีวิตอีก หวังว่าแกจะรู้ตัวว่าต่อไปนี้ควรทำอะไร ยังไงน้องชายของแกก็จากไปแล้ว ฉันไม่อยากให้มีเรื่องเกิดขึ้นกับแกอีกเหมือนกัน” 

 

 

“ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ถังหนิงอีกเด็ดขาด!” หันเจี๋ยรับคำ 

 

 

หลังจากคุยจบ ซูอวี๋ก็วางสาย ในขณะที่คุณพ่อหันมองหันเจี๋ยด้วยความคาดหวัง 

 

 

“พวกเขาเจอตัวเธอแล้วครับ!” หันเจี๋ยเอ่ย 

 

 

“ถังหนิงติดต่อคนรู้จักเพื่อตามหาหลี่ฉิงไอ้ให้เรา พ่อครับเราทำสิ่งที่พอทำได้โดยที่ไม่ไปล้ำเส้นเถอะ ถังหนิงยังอยากส่งตัวเธอให้ทางตำรวจอยู่!” 

 

 

เมื่อได้ยินดังนี้ คุณพ่อหันก็พยักหน้ารับ “ฉันเข้าใจแล้วแค่ได้เห็นผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งฉันก็พอใจแล้วล่ะ” 

 

 

ด้วยความร่วมมือกันระหว่างพ่อลูก ถังหนิงกับลู่เช่อส่งตัวผู้หญิงคนนั้นมาที่บ้านที่อยู่ห่างไกลผู้คนแถบนั้น เธอแค่ถูกขังอยู่ด้านในโดยที่ไม่มีใครลงไม้ลงมือกับเธอ 

 

 

อีกด้านของประตู คุณพ่อหันอยากจะบุกเข้าไปในบ้านและฟาดก้านคอของเธอสักที แต่เขารู้ว่าทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะยังไงลูกชายที่ต้องดูแล 

 

 

เขาจึงทำได้แค่สาปส่งหลี่ฉิงไอ้ผ่านบานประตู “หลี่ฉิงไอ้ นังชั่ว!” 

 

 

เมื่อเจ้าของชื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย เธอถอยกรูดไปด้วยความกลัว “ทำไมถึงเอาฉันมาขังที่นี่ คุณต้องการอะไร” 

 

 

“ยังมีหน้ามาถามอย่างนั้นอีกเหรอ” 

 

 

“ฉันไม่ได้ฆ่าหันซิวเช่อนะ ฉันแค่ส่งคนไปสั่งสอนเขาเฉยๆ เขาเป็นคนที่พยายามขัดขืนแล้วก็หนีไป มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลยนะ…” 

 

 

หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ หันเจี๋ยก็ระงับความโกรธไว้ไม่ไหว เปิดประตูพุ่งเข้าไปด้านใน เอามือบีบคอหลี่ฉิงไอ้ไว้ “เธอเชื่อไหมถ้าฉันจะบอกว่าฉันบีบคอเธอจนตายได้น่ะ”