ตอนที่ 247

Taming Master

กริ๊ง-

 

  • ท่านประสบความสำเร็จในการปลดปล่อยนักเวทย์มนตร์ยอดเยี่ยมโซล่า
  • ท่านทำเควสต์ ‘พลังแห่งเทพดวงอาทิตย์ II (ลับ) (เชื่อม)’ สำเร็จแล้ว
  • ชื่อเสียงของท่านเพิ่มขึ้น 300,000 หน่วย
  • จากนี้ไป นักเวทย์มนตร์ยอดเยี่ยมโซล่าจะเริ่มติดตามท่านไปทุกที่
  • หากท่านปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด (ค่าชื่อเสียงมากกว่า 5 ล้านหน่วยและอย่างน้อยมีต่ำแหน่งดยุค) ท่านจะสามารถรับโซล่าเป็นผู้ติดตามได้

 

ในขณะที่อ่านข้อความของระบบที่ปรากฏขึ้น รีเมียร์ก็แสดงความยินดี

‘ในที่สุด! ด้วยสิ่งนี่ ฉันเอาชนะวิกฤตมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง’

ระดับความยากของภารกิจนี้ซึ่งเธอจำเป็นต้องปลดปล่อยโซล่าเพื่อให้ได้มาซึ่งอัญมณีของเทพดวงอาทิตย์นั้นช่างโหดร้ายอย่างแท้จริง

เมื่อพิจารณาว่ามันเป็นภารกิจที่มีระดับความยากระดับ SSS เวลาที่เธอต้องเคลียร์มันค่อนข้างสั้น อย่างไรก็ตามเหมือนกับการเดินบนน้ำแข็งบางๆ มันเป็นเควสน์ที่เธอต้องการ เพื่อเอาชนะช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงอย่างหวุดหวิด

‘ฉันนี่โชคดีจัง’

มีสถานการณ์ที่สำคัญระหว่างที่มันเกือบจะจบลงสำหรับเธอ แต่เรเมียร์ประสบความสำเร็จในการเคลียร์เควสต์อย่างปลอดภัยและตอนนี้เธอยืนจ้องมองไปที่นักเวทย์มนตร์หัวขาวที่ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ

“คุณคือโซล่า?”

จากคำถามของรีเมียร์ โซล่าซึ่งหลับตาก็ค่อยๆลืมตาขึ้น

“ถูกต้อง ชื่อของข้าคือโซล่า”

โซล่าซึ่งตอบกลับได้มองรีเมียร์อย่างรอบคอบ

และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“อ๊ะ! โปรดยกโทษความหยาบคายของข้าด้วย”

ขณะที่โซลาร์สะดุ้งและก้มหน้า รีเมียร์ก็ทำสีหน้างุนงงและถาม

“มีอะไรหรอคะ?”

โซล่าตอบกลับ

“ข้าไม่รู้จักทูตของเทพแห่งดวงอาทิตย์และทำตัวหยาบคาย”

รีเมียร์ซึ่งเข้าใจปฏิกิริยาของโซล่าแล้วก็โบกมือให้เธอขณะที่เธอตอบกลับ

“ไม่หรอก คุณไม่มีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้น”

และในขณะนั้น การสนทนาของทั้งสองคนก็เริ่มดำเนินต่อไปโดยไม่คำนึงถึงความประสงค์ของรีเมียร์

จากด้านข้างของระบบหลัก ในขณะที่เปิดใช้งานเควสต์ใหม่ มันได้เริ่มควบคุมตัวละครของรีเมียร์

‘อืมม ฉันมักจะมีความรู้สึกนี้ แต่จริงๆแล้วมันค่อนข้างแปลก’

รีเมียร์เริ่มครุ่นคิดถึงบทสนทนา

“ฮ่าๆ สำหรับทูตของเทพแห่งดวงอาทิตย์มาปรากฏตัวต่อหน้าข้า มันต้องเป็นเพราะสัญญาณของสงครามมิติที่เกิดขึ้นอีกครั้งจึงปรากฏให้เห็น”

“ถูกต้องโซล่า ความแข็งแกร่งของคุณเป็นสิ่งจำเป็นซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมาหาคุณ”

และประมาณ 5 นาทีการสนทนาของทั้งสองคนก็ดำเนินต่อไป

เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับความจริงที่ว่าสงครามมิติกำลังจะเริ่มต้นขึ้นและคำอธิบายให้โซล่าฟังเกี่ยวกับเควสต์ที่รีเมียร์ดำเนินมาจนถึงตอนนี้

“ตามที่คาดไว้… ดูเหมือนว่าปีศาจร้ายยังไม่สามารถละทิ้งความทะเยอทะยานนั้นได้”

“ถูกต้อง และในไม่ช้าตอนนี้ประตูมิติอาจจะเปิดออก”

“อืมม…”

โซล่าที่พึมพัมก็รวบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันขณะหลับตา

เมื่อเขาทำเช่นนั้นพร้อมกับแสงสีขาวที่ส่องรอบมือของเขาคลื่นพลังงานก็เริ่มเพิ่มขึ้น

Whoong-!

และหลังจากนั้นไม่นาน โซล่าซึ่งลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็ท่องด้วยเสียงเบาๆ

“แน่นอน! ข้ารู้สึกได้ถึงพลังของ ‘หินอัญเชิญปีศาจ’ อีกครั้ง”

“หินอัญเชิญปีศาจ คุณหมายถึง…?”

“สื่อที่เปิดประตูมิติ พวกมันได้เริ่มทำงานอีกครั้ง”

“ถ้าอย่างนั้นเราต้องทำยังไง? โปรดช่วยเราด้วยโซล่า”

“ข้าล้มเหลวเมื่อพันปีก่อน แต่เมื่อเรารู้ถึงความทะเยอทะยานของพวกมันล่วงหน้าเช่นนี้เราต้องลดจำนวนประตูมิติให้ได้มากที่สุด”

“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?”

โซล่าพยักหน้าช้าๆขณะหลับตาอีกครั้ง

จากหน้าผากที่เหี่ยวย่นของเขา เขาเริ่มมีเหงื่อออกราวกับว่าฝนกำลังตกและไม่นานหลังจากนั้นแสงสีขาวที่พันรอบมือของเขาก็เริ่มพุ่งไปบนอากาศในกลุ่มเมฆหนา

“ฮึบ!”

Whiiing-!

พร้อมกับเสียงโห่ร้องอย่างดังของโซล่าที่ดังขึ้นในความเงียบ ประตูทางเข้าขนาดยักษ์ก็เปิดขึ้นต่อหน้าทั้งสองคน

และตัวละครของรีเมียร์ซึ่งได้รับการปลดปล่อยจากการควบคุมก็กลับเข้าสู่การควบคุมของเธออีกครั้ง

รีเมียร์รีบถามโซล่า

“ประตูมิตินี้คืออะไร?”

โซล่าตอบกลับ

“นี่คือประตูมิติที่จะนำเราไปสู่โซน 50 ของอาณาจักรปีศาจซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการอัญเชิญหินอัญเชิญปีศาจทั้งหก”

รีเมียร์ที่ได้ยินคำพูดของโซล่าก็สะดุ้ง

‘อะไรกัน? ตอนนี้เราอยู่ในโซน 80 เท่านั้น แต่นี่คือประตูมิติที่จะพาเราไปยังโซน 50 ในคราวเดียว?’

รีเมียร์ซึ่งเดาไม่ออกว่าระดับความยากของโซน 50 จะเป็นอย่างไรก็ครุ่นคิดชั่วขณะ

อย่างไรก็ตาม ไม่มีเหตุผลที่เธอจะปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้

‘แม้ว่ามอนสเตอร์จะแข็งแกร่งขึ้น แต่พวกมันจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน? ส่วนใหญ่แล้วมีเพียงอสูรเวทย์มนตร์ระดับสูงเท่านั้นที่จะปรากฏตัว’

และในขณะที่เธอยังมี ‘โซล่า’ ซึ่งเธอไม่สามารถประเมินได้ว่าเป็นกำลังเสริมที่แข็งแกร่ง รีเมียร์ก็พยักหน้าทันที

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”

และเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอก็จำได้ถึงการมีอยู่ของเอียนซึ่งมักจะดำเนินการผ่านแผนที่นำหน้าเธอไปหนึ่งก้าว

‘ถ้าฉันผ่านประตูมิตินี้ ฉันก็น่าจะนำหน้าเจ้านั่นได้แล้วใช่มั้ย?’

มุมปากของรีเมียร์ซึ่งมียกขึ้นเล็กน้อยเมื่อคิดเช่นนั้นและโซลาร์พยักหน้าขณะที่เขาค่อยๆขยับเท้า

“ข้าจะเข้าไปก่อนและเจ้า ‘ทูตแห่งดวงอาทิตย์’ โปรดตามหลังข้ามาด้วย”

“ค่ะ”

ทันทีที่เขาได้ยินคำตอบของรีเมียร์ โซล่าก็หายตัวไปในพอร์ทัลทันทีและรีเมียร์ก็ติดตามเขาไปโดยไม่ลังเล

 

* * *

 

“อืมม เจ้ากำลังบอกว่ามาทำลายหินอัญเชิญปีศาจในสองพื้นที่นี้ที่นี่ใช่มั้ย?”

เอียนพยักหน้าไปทางริคาร์โดที่พูดขณะชี้ไปที่แผนที่

“ครับ ผมคิดว่าเราต้องทำตามที่คุณบอก”

เช่นนั้น ริคาร์โด้ซึ่งมองไปรอบๆพลังการต่อสู้ขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับมันชี้ไปที่ด้านหนึ่งของแผนที่ขณะที่เขาพูดต่อ

“ข้าจะทำลายหินอัญเชิญปีศาจที่อยู่ตรงนี้ ดังนั้นเจ้าไปที่นั่น”

“ห้ะะ?”

ช่วยไม่ได้ที่คำพูดของริคาร์โดจะทำให้เอียนรู้สึกกระวนกระวาย

‘ไม่สิ เราจะไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ?’

ริคาร์โด้เคยบอกเขาว่าอสูรเวทย์มนตร์ที่พิทักษ์หินมิติปีศาจนั้นเป็นอสูรเวทย์มนตร์ระดับ Heroic ที่ใกล้เคียงกับเลเวล 400

ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะมีเพียงอสูรเวทย์มนตร์ระดับสูงเลเวล 300 ที่คอยปกป้องโดยรอบ แต่ก็ยังมีพวกมันอย่างน้อยสิบตัว ดังนั้นเมื่อเขาบอกให้เอียนจัดการพื้นที่หนึ่งด้วยตัวเขาเองเขาก็ตกตะลึง

“เจ้ารออะไรอยู่? เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว”

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้เท้าของเอียนไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างง่ายดาย

“ไม่ใช่ว่าจะดีที่สุดถ้าผมไปกับท่านริคาร์โดหรอครับ?”

อย่างไรก็ตาม การอุทธรณ์ของเอียนยังไม่ได้ผล

“ถ้าเราเคลื่อนไหวแบบนั้น เราจะไม่สามารถหยุดสองจุดนี้ได้ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไม่มีเวลาเพียงพอ”

ด้วยคำพูดเหล่านั้น ในที่สุดก็ช่วยไม่ได้ที่เอียนจะพยักหน้า

“ถ้างั้น… ผมคิดว่ามันช่วยไม่ได้”

 

* * *

 

  • ท่านได้เข้าสู่ ‘อเวจีมืดมิดที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง’
  • ท่านเป็นคนแรกที่ค้นพบดันเจี้ยน ‘อเวจีมืดมิดที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง’
  • ในอีก 7 วันข้างหน้า ค่าประสบการณ์ทั้งหมดที่ท่านได้รับจะเพิ่มเป็นสองเท่า
  • ท่านได้รับชื่อเสียง 100,000 หน่วย

 

หมัดทั้งสองของรีเมียร์ที่เห็นข้อความที่ปรากฏขึ้นมาก็กำหมัดแน่นโดยอัตโนมัติ

‘เอาล่ะ! ในที่สุดฉันก็นำหน้าแล้วสินะ?’

นับตั้งแต่อาณาจักรปีศาจเปิดขึ้น ความภาคภูมิใจของรีเมียร์ก็เจ็บปวดจากความเสียใจที่ต้องอยู่ข้างหลังหนึ่งก้าวเสมอ

ด้วยความพอใจที่ในที่สุดเธอก็แซงหน้าเอียน อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ

และต่อหน้าของเธอ ในขณะที่เธอเป็นแบบนี้ โซล่าก็พูด

“นี่คือสถานที่ที่ประกอบด้วยทั้งหมด 3 ชั้น รีเมียร์”

“ฉันเข้าใจแล้ว ถ้างั้นหินอัญเชิญปีศาจอยู่ที่ชั้นใต้ดินชั้น 3 สินะ?”

โซล่าพยักหน้า

“ถูกต้อง ข้ารู้สึกว่าเราต้องลงไปที่จุดนั้นให้เร็วที่สุดและทำลายหินอัญเชิญปีศาจเพราะข้าเปิดประตูแล้ว มีโอกาสสูงที่ปีศาจร้ายจะสังเกตเห็น ดังนั้นหากเราช้าต่อไป ถึงเวลาแล้วก็เป็นไปได้ที่ปีศาจร้ายระดับขุนนางหรือราชาปีศาจจะปรากฏตัวเพื่อขัดขวางเรา”

รีเมียร์พยักหน้า

‘ราชาปีศาจหรอ… มันน่ากลัวที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้’

อย่างไรก็ตามในตอนนั้น จากประตูของสถานที่ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับรีเมียร์ เสียงสะท้อนก็เริ่มดังออกมา

Keu-keuk- Keu-keu-keuk-!

เช่นนั้น รีเมียร์ก็ลุกลี้ลุกลนและโซล่าก็ทำสีหน้าตกใจเช่นกัน

“ไม่! ไม่มีทางที่พวกเขาสังเกตเห็นและปรากฏตัวขึ้นมาแล้วใช่ไหม?”

เมื่อรีเมียร์พูด โซล่าเหงื่อแตกขณะที่เขาตอบกลับ

“มะ… ไม่มีทางเป็นอย่างนั้น แม้ว่าพวกมันจะสังเกตเห็นคลื่นพลังงาน แต่ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะมาเร็วขนาดนี้…!”

ทั้งสองคนเริ่มร่ายเวทมนตร์อย่างรวดเร็วและพวกเขาจ้องมองไปที่ประตูของสถานที่ที่เปิดออกอย่างช้าๆ

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็ยิ่งลุกลี้ลุกลนมากขึ้น

รีเมียร์ยิ่งตะลึงยิ่งกว่าโซล่า

‘เป็นไปได้ยังไง…?’

ชายที่เปิดประตูและปรากฏตัวขึ้นเอียงคอขณะมองไปที่รีเมียร์ขณะที่เขาพูด

“ห้ะ? มีคนมาที่นี่แล้วได้ยังไง? และยิ่งไปกว่านั้น เป็นผู้เล่นด้วย?”

เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเอียนและแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง รีเมียร์จ้องมองเขา

‘บ้าไปแล้ว! นั่นคือสิ่งที่นายจะพูดงั้นหรอ?’

เธอเคลื่อนย้ายจากโซน 80 ไปยังโซน 50 ซึ่งเป็นโซนขั้นสูงของอาณาจักรปีศาจโดยมีประตูมิติซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นการโกง

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่คู่ต่อสู้ของเธอมาถึงโซน 50 ในเวลาเดียวกันกับเธอโดยไม่มีประตูมิติใดๆความจริงที่ว่าเธอกำลังลุกลี้ลุกลนก็สมเหตุสมผล

รีเมียร์จ้องไปที่เอียนขณะที่เธอพูด

“นายคือ ‘เอียน’ งั้นหรอ?”

เมื่อรีเมียร์ถาม เอียนซึ่งประหลาดใจเล็กน้อยก็ตอบกลับ

“เธอรู้จักชื่อฉันงั้นหรอ? ถูกต้อง ผมคือเอียน เธอเป็นใครกัน?”

รีเมียร์รู้สึกสิ้นหวังอย่างเหลือเชื่อ

‘อะไรกัน เจ้านี่ไม่แม้แต่จะรู้จักชื่อฉันงั้นหรอ?’

รูปลักษณ์ภายนอกของรีเมียร์นั้นมีเอกลักษณ์อย่างไม่น่าเชื่อ

เธอสวมเสื้อคลุมยาวสีแดง

ด้วยผิวสีซีดที่ตัดกับมัน รูปลักษณ์ของเธอยังประกอบไปด้วยคฑาเปลวเพลิง

เธอยังเป็นผู้เล่นในการจัดอันดับที่มีชื่อเสียงอย่างมาก แม้แต่ในชุมชนอย่างเป็นทางการ ดังนั้นเธอจึงช่วยไม่ได้ที่จะตกใจกับความจริงที่ว่าเอียนจำเธอไม่ได้

“เฮ้อ…”

รีเมียร์ซึ่งถอนหายใจสั้นๆได้พูดอย่างช้าๆอีกครั้ง

“ฉันชื่อรีเมียร์”

“อ่อ ฉันเข้าใจแล้ว”

ในขณะเดียวกันเอียนที่ได้ยินชื่อของเรเมียร์ก็เอียงคอ

‘หืมม? รีเมียร์หรอ… มันเป็นชื่อที่คุ้นเคยจังนะ’

และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็จำได้ว่าเคยได้ยินชื่อนั้นที่ไหน

‘ถูกต้อง! ID ของผู้เล่นอันดับ 1 ในการจัดอันดับนักเวทย์มนตร์อย่างไม่เป็นทางการคือรีเมียร์!’

รีเมียร์ถามเอียนอีกครั้ง

“จะว่าไปแล้วเหตุผลอะไรที่นายมาที่นี่ล่ะเอียน?”

ในตอนนั้นเอียนที่กำลังคิดถึงตัวตนของรีเมียร์อยู่ชั่วขณะก็เกาหลังหัวขณะที่เขาตอบ

“อ่อ สำหรับฉัน มันเป็นเพราะเควสต์ ฉันจำเป็นต้องทำลายหินอัญเชิญปีศาจ ฉันรู้สึกว่าเธอมีเควสต์ที่คล้ายกันกับฉันด้วย แม้ว่า…”

เช่นนั้น รีเมียร์แสดงรอยยิ้มอันขมขื่นขณะที่เธอพยักหน้า

“ถูกต้องแล้ว ฉันยังได้รับเควสต์ที่บอกให้ทำลายหินอัญเชิญปีศาจด้วย”

ทันทีที่เขาได้ยินคำตอบของรีเมียร์ เอียนก็ขอไปปาร์ตี้ด้วยกันทันที

‘นี่มันออกมาได้ดี ตามความเป็นจริงแล้วระดับความยากที่อยู่ภายในนั้นจะยากอย่างมาก แต่ถ้าเธอเป็นนักเวทย์มนตร์อันดับ 1 เธอก็จะยังมีประโยชน์มากกว่าเพียงเล็กน้อย’

 

  • ท่านได้ขอเข้าร่วมปาร์ตี้กับผู้เล่นนักเวทย์มนตร์ ‘รีเมียร์’

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่แตกต่างจากเอียน รีเมียร์ที่ไม่เคยได้ยินจากโซล่าเกี่ยวกับระดับความยากภายในดันเจี้ยนนั้นถูกกลืนไปด้วยความขัดแย้งชั่วขณะ

‘ฉันจะได้ประโยชน์จากการร่วมปาร์ตี้กับเจ้านี่ไหม?’

อย่างไรก็ตามในตอนนั้น โซล่าซึ่งอยู่ข้างหลังเธอดูเหมือนจะค้นพบบางอย่างเมื่อดวงตาของเขาเบิกโพลง

“ไม่นะ… เจ้า เจ้า!”

เมื่อนั้นสายตาของรีเมียร์และเอียนก็หันไปทางโซล่าโดยธรรมชาติและคำพูดของเขาก็ดำเนินต่อ

“ไคซาร์! ไคซาร์เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?”

เมื่อโซล่าพูด ไคซาร์ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเอียนเดินออกมา

“อืมม… ตาแก่ รู้จักข้าด้วยงั้นหรอ?”

เมื่อไคซาร์พูด โซล่าตกตะลึง

“เจ้านี่… จากข้อเท็จจริงที่ว่าวิธีการพูดของเจ้าเหมือนกับที่เคยเป็นมา เจ้าคือไคซาร์อย่างแน่นอน เจ้าสูญเสียความทรงจำงั้นหรอ?”

ไคซาร์พยักหน้าขณะที่เขาตอบกลับ

“ถูกต้อง ข้ารวบรวมชิ้นส่วนความทรงจำของตัวเองไว้มากมาย แต่ยังไม่สามารถกู้คืนได้ทั้งหมด”

ทันใดนั้น โซล่าก็จับมือของรีเมียร์และเขาก็พูดด้วยความตื่นเต้น

“รีเมียร์ เราต้องไปกับพวกเขาไม่ว่ายังไงก็ตาม!”