96 เซียวชูหรันอยากเปลี่ยนบ้าน

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 96 เซียวชูหรันอยากเปลี่ยนบ้าน

เย่เฉินเดินจากไป ภายใต้สายตาเลื่อมใสศรัทธาของทุกคน

ระหว่างทางที่ซ่งหวั่นถิงส่งเขากลับไป ก็อดไม่ได้ที่จะพิจารณามองดูเขา

เย่เฉินในตอนนี้ แต่กลับกลายเป็นบุคคลธรรมดาปกติเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ดูไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นคนที่มีพลังที่แข็งแกร่ง

ในใจของเธอรู้สึกตกตะลึง และก็รู้สึกค่อนข้างแปลกประหลาด

เมื่อกี้ บนร่างกายเย่เฉินเปล่งประกายให้เห็นถึงความมีพลังที่เหนือกว่า ทำให้ผู้คนต่างก็กลัวเกรง

แต่ตอนนี้ ท่าทีแบบนั้นกลับไม่มีแล้ว ดูยังไงก็ไม่แปลกไปจากคนธรรมดาบนท้องถนน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาตั้งใจที่จะปกปิดตนเอง หรือนี่เป็นเพียงความรู้สึกที่คิดไปเอง

ซ่งหวั่นถิงถามขึ้นอย่างอดทนไม่ไหวว่า “เย่เฉิน ฟ้าผ่านั่น…. มาได้เพราะคุณเรียกจริงหรือ?”

เย่เฉินมองดูเธอ อย่างอมยิ้ม

“คุณเดาดูสิ? หากผมบอกว่าเป็นความบังเอิญ คุณจะเชื่อไหม?”

ในหัวสมองของซ่งหวั่นถิง ก็ปรากฏภาพที่เย่เฉินร้องเรียกฟ้าผ่าขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

แสงฟ้าแลบในขณะที่ฟ้าผ่า เขายืนอยู่อย่างภาคภูมิใจ ท่าทีเรียบเฉย

จริงๆแล้วผู้ชายแบบนี้ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนได้เห็น ต่างก็ล้วนชื่นชมหมายปอง

ซ่งหวั่นถิงก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว แต่แล้วเธอก็รีบส่ายหัว

ล้อเล่นอะไรกัน

แม้แต่นักฟิสิกส์ที่เก่งที่สุดในโลก ก็ไม่สามารถควบคุมฟ้าผ่า

หากเย่เฉินสามารถสั่งให้ฟ้าผ่าได้จริง เขายังจะเป็นเหมือนดั่งตอนนี้ ที่เป็นลูกเขยที่น่าสงสารคนหนึ่ง?

หรือว่า ฟ้าที่ผ่าเมื่อกี้เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ?

……

เมื่อเย่เฉินกลับไปถึงหน้าประตูบ้าน ก็ได้ยินเสียงของหม่าหลัน ที่เป็นแม่ยายดังอยู่ในห้อง

“บอกเธอแต่แรกแล้วว่าให้หาสามีที่มีความสามารถ เธอก็ไม่ฟัง เธอดูลูกเขยของหวังลี่เฟินสิ คนอื่นมีความสามารถแค่ไหน ซื้อบ้านสี่ห้องนอนให้เธออยู่ ร้อยแปดสิบกว่าตารางเมตร กว้างขวางแค่ไหน? แล้วดูบ้านเราสิ ทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบตารางเมตร อยู่กันอย่างแออัด”

พูดจบ แม่ยายก็พูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจอีกว่า “ลูกเขยคนอื่นต่างก็ฝากความหวังได้ เธอแต่งงานกับเย่เฉิน กลับไม่มีอะไรเลย คาดหวังในตัวเขา ชาตินี้ฉันคงไม่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่”

น้ำเสียงไม่พอใจของเซียวชูหรันก็ดังขึ้นว่า “แม่ จะไปอิจฉาคนอื่นทำไม อีกอย่างตอนนี้หนูก็ได้ขึ้นตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการแล้ว เราเก็บเงินกันอีกไม่กี่ปี จะไม่สามารถซื้อบ้านหลังใหญ่ได้หรือ?”

เสียงแม่ยายก็ตะคอกพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “รออีกหลายปี? รออีกหลายปีดอกไม้ก็ร่วงเหี่ยวหมดแล้ว ตั้งแต่เธอแต่งงานกับเย่เฉิน ชีวิตครอบครัวของเราก็ตกต่ำลง เดิมยังสามารถอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเซียว ตอนนี้ล่ะ? ไปอยู่เพียงในบ้านเก่าๆ เพื่อนของฉันพวกนั้น มีใครไม่ได้อยู่ในบ้านที่ดีกว่าฉัน”

เซียวชูหรันพูดว่า “แม่คะ ชอบไปเปรียบเทียบกับคนอื่นแบบนี้มีประโยชน์อะไรหรือ?”

“ไม่มีประโยชน์” แม่ยายพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “เพราะฉันสู้คนอื่นไม่ได้ จึงไม่มีประโยชน์ ไม่มีประโยชน์อย่างที่สุด” ตอนนี้เย่เฉินส่ายหัวอย่างเอือมระอา แล้วก็เปิดประตูเข้าไป

หม่าหลันเห็นเย่เฉินกลับมา ก็พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ยังรู้จักกลับมาอีกหรือ? ยังจะทำกับข้าวอยู่ไหม? พวกเราหิวกันแล้วนะ”

เย่เฉินยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ครับ ผมจะไปทำเดี๋ยวนี้ครับ”

พูดเสร็จแล้วก็เดินตรงไปยังห้องครัว

หม่าหลันเป็นคนนิสัยยังไง เย่เฉินรู้ดีที่สุด เป็นคนขี้อิจฉา ริษยา เห็นคนอื่นเขามีอะไร ในใจก็จากทุกข์ทรมาน

หากเธอรู้ว่า หวังเจิ้งกางจะยกคฤหาสน์หลังหนึ่งให้กับตน เพื่อเป็นการไถ่โทษ เธอจะรีบเปลี่ยนกลายมาเลียแข้งเลียขาตนทันที

แต่ว่า ด้วยท่าทีเช่นนี้ของหม่าหลัน เรื่องบ้านหลังนี้ เขายังจะไม่บอกตอนนี้

เย่เฉินกำลังยุ่งอยู่ในครัว เซียวชูหรันเดินเข้ามา กระซิบพูดขึ้นว่า “คำพูดที่แม่พูดเมื่อกี้พวกนั้น คุณอย่าคิดมาก เธอเป็นคนที่ขี้อิจฉาริษยาอยู่แล้ว”

เย่เฉินทำเป็นพูดขึ้นว่า “แม่พูดอะไรหรือ? ไม่ได้ยินเลยสักคำ”

“คุณไม่ต้องเสแสร้ง ไม่ได้ยินสิแปลก” เซียวชูหรันใช้นิ้วมือจิ้มไปที่หน้าผากของเย่เฉิน

เย่เฉินจึงคว้าจับมือของเธอไว้

ใบหน้าเซียวชูหรันแดงระเรื่อ รีบมองไปยังรอบๆห้องครัว อยากที่จะชักมือกลับมา

แต่เย่เฉินกลับจับไว้ไม่ยอมปล่อย เมื่อมองดูอย่างละเอียด ก็เห็นเธอใส่สร้อยข้อมือที่ตนเองทำ จึงหัวเราะพูดขึ้นว่า “สร้อยข้อมือนี้ใส่ไว้แล้วมีประสิทธิภาพไหม?”

“อ๋า?” เซียวชูหรันได้สติกลับมา พร้อมพยักหัวพูดว่า “มีประสิทธิภาพจริงๆด้วย ตั้งแต่ฉันใส่มันมา ร่างกายเหมือนฟื้นขึ้นมาใหม่ สบายขึ้นเยอะมาก สร้อยข้อมือนี้ทำมาจากอะไรกันแน่ ถึงได้มีประสิทธิภาพดีขนาดนี้?”

เย่เฉินหัวเราะพร้อมพูดว่า “ก็แค่ไข่มุกเอง”

ลูกปัดไห่หลิงสีขาวสวมใส่ไว้บนข้อมือเซียวชูหรัน ทำให้ข้อมือของเธอที่ขาวเหมือนดั่งหิมะ เหมือนดั่งบัวอ่อนสีขาว

มือเรียวดั่งหยกที่เนียนนุ่ม ถูกเย่เฉินครอบครองไว้บนมือ เหมือนดั่งหยกชิ้นหนึ่ง ไม่อยากที่จะปล่อยเลย

เซียวชูหรันก็เห็นถึงความปรารถนานั้นแล้ว ใบหน้าจึงแดงขึ้นมาทันทีและก็รีบชักมือกลับ แล้วถลึงตาใส่เขา

เย่เฉินยิ้มพูดขึ้นว่า “คุณก็อยากที่จะเปลี่ยนบ้านใช่ไหม?”

“แน่นอนสิ ใครไม่อยากอยู่บ้านใหม่ล่ะ ตั้งแต่แม่ของฉันย้ายออกมาจากคฤหาสน์ ก็บ่นอยู่ทั้งวันทั้งคืนว่าที่นี่คับแคบ…”

เซียวชูหรันถอนหายใจ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “แต่ว่าตอนนี้ราคาบ้านสูงมาก บ้านเราไม่มีเงินเยอะขนาดนั้น ช่างก่อนเถอะ”

พูดจบ เซียวชูหรันก็คิดขึ้นมาได้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ เราสามารถไปดูบ้านกันก่อน เปรียบเทียบราคาดูว่าบ้านใหม่ที่หลังใหญ่กว่านี้ราคาจะต่างกันเท่าไหร่ หากราคาไม่แพงมาก เราก็เปลี่ยนบ้านกันก็ได้”

เยเฉินยังไม่ทันพูดอะไร เซียวชูหรันก็พูดขึ้นมาอย่างดีใจว่า “ตกลงกันแบบนี้ล่ะกัน พรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี เราไปดูบ้านด้วยกัน”

เย่เฉินเห็นเธอให้ความสนใจเรื่องนี้มาก จงพยักหัวพูดขึ้นว่า “ในเมื่อคุณอยากไปดู ผมก็จะไปเป็นเพื่อนคุณ”

เซียวชูหรันดูข้อมูลบ้านต่างๆในมือถือ แล้วตัดสินใจจะไปที่เขตจิ้งหูที่สภาพแวดล้อมค่อนข้างดี

พอดี หลังจากทานข้าวแล้วก็มีคนมาเคาะประตู มีพนักงานส่งของคนหนึ่งเอาพัสดุมาส่งให้กับเย่เฉิน พร้อมพูดว่า “นี่เป็นซิตี้เอ็กซ์เพรสของท่าน ขอท่านเซ็นรับ”

หลังจากเย่เฉินเซ็นรับแล้ว ก็เปิดออกมาดู พบว่าเป็นกุญแจบ้าน ยังมีคีย์การ์ดทองอีกหลายใบ บนบัตรเขียนไว้ว่า “คฤหาสน์Tomson RivieraA05”

เวลานี้ เย่เฉินได้รับสายที่ผู้นำตระกูลของตระกูลหวังหวังเจิ้งกางโทรมา ในสายโทรศัพท์เขาพูดอย่างเคารพนับถือว่า “อาจารย์เย่ ได้รับกุญแจกับคีย์การ์ดแล้วใช่ไหมครับ? คฤหาสน์Tomson Riviera เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์มากที่สุดในเมืองจินหลิงของTOMSON GROUP A05ที่ให้ท่าน เป็นหลังที่มีพื้นที่มากที่สุด ไม่นับสวน พื้นที่ใช้สอยมีมากกว่าหนึ่งพันตารางเมตร ขอท่านพิจารณารับไว้ด้วย”

เย่เฉินเคยได้ยินชื่อTomson Riviera เป็นโครงการก่อสร้างคฤหาสน์ในเมืองจินหลิงของพวกเขา และยังสร้างเป็นชุมชนของชนชั้นสูง สามารถเรียกได้ว่าเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีระดับที่สุดในเมืองจินหลิง

คฤหาสน์แบบนี้ ราคาตลาดอย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน

เห็นที ครั้งนี้หวังเจิ้งกางลงทุนจริงๆ

และแล้ว เย่เฉินพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “คุณเกรงใจไปแล้ว”

หวังเจิ้งกางพูดขึ้นอย่างดีอกดีใจว่า “ไม่เลย ไม่เลย ได้บริการอาจารย์เย่ ถือเป็นเกียรติของตระกูลหวัง”

กลับมาถึงห้อง เย่เฉินทำเป็นถามเซียวชูหรันว่า ที่รัก บ้านในTomson Riviera คุณชอบไหม?”

“Tomson Riviera?” เซียวชูหรันพูดขึ้นอย่างตกใจว่า “เราจะมีปัญญาซื้อบ้านที่นั่นได้ที่ไหนกัน บ้านชนชั้นธรรมดาในนั้น ราคาก็แพงกว่าด้านนอกมากเป็นเท่า แต่ว่าบ้านในนั้นถือเป็นบ้านที่หรูหราที่สุดในเมืองจินหลิง”

เย่เฉินยิ้มพูดว่า “พรุ่งนี้เราไปดูกันก่อน ซื้อหรือไม่ซื้อค่อยว่ากัน”

เซียวชูหรันรีบโบกมือพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ เราเจียมตัวกันหน่อย ดูบ้านในชุมชนธรรมดาก็พอแล้ว”

เย่เฉินหัวเราะพร้อมพูดว่า “บอกคุณก็ได้ว่า ผมมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ในTomson Riviera เขาบอกว่าสามารถให้ราคาภายใน เราไปดูกันก่อนก็ได้”