ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1414 – รองประมุขวัง นิกายพิษสวรรค์อมตะ พิษแห่งชีวิต ฮัว รูเหม่ย

 

น้ำเสียงของหญิงสาวผู้นี้เหมือนกับออกคำสั่ง ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ มันสามารถสร้างความกดดันให้แก่ผู้ที่พบเห็นได้

 

แต่เมื่อชิงสุ่ยได้ยินที่หญิงสาวผู้นี้กล่าวดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น คำพูดที่นางบอกกับเขานั้นจริงๆแล้วไม่ต้องพูดก็ได้

 

“ข้าไม่รู้ ข้าคิดว่ามันคงไม่มีอะไรผิดพลาดนะ ข้าต้องเพิ่มพลังของตนเองให้มากกว่านี้เพื่อที่ข้าจะสามารถเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ต้องการได้” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้นหลังจากคิดครู่หนึ่ง

 

“มันก็เรื่องของเจ้า แต่ที่นี่คือพระราชวังจอมอสูร เจ้าก็น่าจะรู้จักที่นี่มาอยู่แล้วบ้าง แล้วตัวเจ้าเองมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้?”

 

ชิงสุ่ยยิ้มเจื่อนๆ “ไม่มี…”

 

เขารู้ดีว่าปกติแล้วนางมักจะปฏิบัติต่อผู้คนเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่ต้องหวังเลยว่านางจะพูดดีกับเขา ในตอนแรกเขาคิดว่านางจะไม่ให้เขาเข้าพบด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่ามันจะต่างไปจากที่เขาคิด

 

แต่เมื่อได้พบนางด้วยตัวเองเขาก็รู้สึกกระวนกระวายใจ มันไม่ใช่ว่าเขาทำอะไรผิด แต่เป็นเพราะความเฉยเมยของนาง นางเย็นชาต่อทุกๆคนและไม่มีผู้ใดที่จะสามารถเข้าไปละลายหัวใจของนางได้

 

สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความรักนั้นคือความเฉยชาไม่ใช่ความเกลียด เพราะหากเราเฉยชาต่อความรักแล้วความเกลียดชังก็จะตามมาเอง รักแท้นั้นยากที่จะตัดขาดจากกันได้!

 

“เช่นนั้นข้าขอตัวไปนอนก่อน ท่านเองก็รีบนอนได้แล้วเช่นกัน!” ชิงสุ่ยกล่าวเบาๆ

 

ครั้งหนึ่งเขาเคยมอบของขวัญให้นางโดยไม่สนต่อสิ่งใด แต่ในตอนนี้ที่พระราชวังจอมอสูรแห่งนี้ มันกลับกลายเป็นว่าเขามีความรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะวางแผนเรื่องนี้มาแล้วก็ตามแต่เขาก็ยังคงรู้สึกว่าเขาต้องการเวลามากกว่านี้…

 

เมื่อชิงสุ่ยจากไป หญิงสาวก็ยืนอยู่ตรงนั้นอีกครู่หนึ่งแต่นางไม่ได้มองไปทางที่ชิงสุ่ยเดินจากไป

 

……

 

ตำหนักแพทย์!

 

ตำหนักแพทย์เป็นหนึ่งในการดูแลของ 12 ผู้คุมกฏพระราชวังจอมอสูรและมันยังเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะว่ายาทุกชนิดที่ใช้ในที่แห่งนี้ล้วนผลิตขึ้นที่นี่ ชิงสุ่ยได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากผู้อาวุโสสูงสุดให้สามารถเข้ามายังตำหนักแพทย์ได้และกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในนักปรุงยาที่ทรงพลังที่สุดในตำหนักแพทย์แห่งนี้

 

เขาเคยมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วจึงกล่าวได้ว่าชิงสุ่ยนั้นรู้จักกับผู้คนของตำหนักแพทย์เป็นอย่างดี แม้ว่าจะมีคนจำนวนไม่มากนักแต่พวกเขาก็อยู่ในตำแหน่งที่สูงส่ง หมอที่นี่มีฝีมือไม่ได้แย่เลยเมื่อเทียบกับหมอปิศาจและหยวน สู่และหากหมอปิศาจไม่ได้พบกับชิงสุ่ย เขาย่อมเทียบไม่ได้กับผู้คนที่อยู่ที่นี่เลย

 

ความเชี่ยววชาญทางด้านการแพทย์ของชิงสุ่ยได้แสดงออกมาเมื่อเขาอยู่ที่นี่ ดังนั้นตำแหน่งของเขาในตำหนักแพทย์จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ตำแหน่งของเขานั้นเทียบได้กับอาจารย์ของแพทย์คนอื่นๆ

 

ภายใน 12 ผู้คุมกฏ ตำหนักแพทย์นั้นมีจำนวนคนน้อยที่สุดแต่ไม่ได้อ่อนแอที่สุด ในทางตรงกันข้ามนักปรุงยาก็สามารถรับตำแหน่งอื่นๆได้เช่นเดียวกัน อย่างเช่น ผู้ปรุงยาพิษ ปีศาจเฒ่าที่อยู่ที่นี่มีเคล็ดวิชาสังหารหลายวิชา

 

ตำหนักแพทย์ก็มีตำราการปรุงยามากมาย มีหลายเรื่องที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนและมีอีกหลายเรื่องที่ปีศาจเฒ่าได้สอนชิงสุ่ย หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็ได้สอนทักษะด้านการแพทย์รวมถึงการปรุงยาของเขาให้แก่คนที่นี่ นั่นถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

 

คนเราต่างก็รู้ดีว่ามีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ โดยเฉพาะเหล่าผู้อาวุโสที่มีชีวิตอยู่และได้รับรู้ถึงสิ่งต่างๆมาอย่างยาวนาน สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้นั้นคือชิงสุ่ยได้รับสูตรของการปรุงยาซึ่งนั่นสามารถทำให้เขาก้าวหน้าต่อไปได้อีก

 

สูตรของยาเม็ดตำรับสี่!

 

สิ่งที่ปีศาจเฒ่าได้มอบให้กับเขาคือประสบการณ์ในเรื่องที่ผ่านมานับไม่ถ้วนของเขาและยังมอบสิ่งต่างๆให้กับชิงสุ่ยนับไม่ถ้วน ตัวอย่างเช่น สูตรของการปรุงยา

 

“ท่านปีศาจเฒ่า อาการป่วยของท่านรองท่านประมุขวังดูเหมือนจะกำเริบขึ้นในตอนนี้”

 

ในตอนนี้มีเสียงที่กำลังรีบร้อนดังขึ้นมา

 

“ชิงสุ่ย ไป เราไปพบนางด้วยกัน” ชายชราพาชิงสุ่ยไปพร้อมกับเขาโดยที่ไม่อธิบายอะไรเลย

 

ปีศาจเฒ่าผู้นี้คือชายชราที่ได้มอบสูตรของยาเม็ดตำรับสี่ให้กับชิงสุ่ย

 

รองท่านประมุขวัง?

 

ชิงสุ่ยคิดเรื่องนี้ขณะที่เขาเดินไป รองท่านประมุขวังของพระราชวังจอมอสูรงั้นหรือ?

 

เขาไม่ได้ถามออกไปเพราะคงจะได้รู้เรื่องนี้ในไม่ช้า

 

พวกเขาเข้ามาถึงส่วนลึกของพระราชวังจอมอสูรได้อย่างรวดเร็ว ที่นี่ไม่ไกลจากพระราชวังน้ำแข็ง ที่นี่เป็นคฤหาสน์อันเงียบสงบราวกับฤดูใบไม้ผลิ ยามรักษาความปลอดภัยที่นี่ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับที่พระราชวังน้ำแข็ง พวกนางต่างทรงพลังอย่างยิ่ง

 

คฤหาสน์หลังนี้หรูหราอย่างยิ่ง ลานหน้าบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้และต้นหญ้าที่จัดเรียงเอาไว้อย่างสวยงาม ชิงสุ่ยคิดว่านี่คงเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ที่มีตำแหน่งที่สูงส่งอย่างแน่นอน

 

พระราชวังจอมอสูรนั้นมีผู้ที่ทรงพลังมากมาย ซึ่งดูไม่แปลกเลยเมื่อดูจากมหาทวีปมังกรอหังกาลแห่งนี้

 

“ชิงสุ่ย ไม่ต้องพูดอะไรมาก อารมณ์ของหญิงสาวผู้นี้นั้นแปรปรวนอย่างยิ่ง” ชายชราเตือนชิงสุ่ย

 

เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์กลิ่นของยาจางๆก็ลอยออกมาจากในห้องหนึ่ง ห้องนี้มีสีขาวและดูสบายอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยมองไปรอบห้องและเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเอนกายนอนอยู่บนเก้าอี้นวม

 

อายุของหญิงสาวผู้นี้ไม้อาจระบุได้แต่นางดูเย็นชาอย่างยิ่ง ใบหน้าของนางซีดเซียวราวกับคนตายในตอนนี้ ร่างกายของนางห่มคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนา

 

“ทำไมพวกเจ้าไม่ออกไปให้หมด ไม่จำเป็นต้องรักษาอะไรแล้ว” หญิงสาวกล่าวขึ้นขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาในห้อง

 

“ท่านประมุขวังสั่งให้พวกเรามารักษาท่าน” ชายชรากล่าวเบาๆด้วยรอยยิ้ม

 

“ปีศาจเฒ่า ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ไม่อาจรักษาข้าได้อย่างแน่นอน ข้าจะบอกเจ้าตรงๆเลยว่า ข้าถือเป็นคนพิการไปแล้วแต่พวกเขายังไม่ปล่อยหรอกหากว่าข้าสร้างประโยชน์ให้ได้” เมื่อหญิงสาวพูดขึ้นสีหน้าของนางก็แดงขึ้นราวกับว่านางกำลังตื่นเต้น

 

“ยาขี้ผึ้งหยกทองคำผสานชีวิต!”

 

ชิงสุ่ยพูดช้าๆกับหญิงสาว

 

“เจ้าเป็นใครกัน?” หญิงสาวผู้นี้มองข้ามชิงสุ่ยไปในตอนแรกเพราะมีแพทย์หรือนักปรุงยาหลายคนที่จะพาแพทย์ฝึกหัดติดตามมาด้วย

 

“เขาเป็นหมอของพระราชวังจอมอสูร ความรู้ด้านการแพทย์ของเขามากมายยิ่งกว่าข้าเสียอีก เหตุใดท่านจึงไม่ลองให้ชิงสุ่ยตรวจอาการของท่านดูก่อน?” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“เขายังเด็กเกินไปจะเข้าใจสถานการณ์ของข้าได้อย่างไรกัน อย่างน้อยข้าก็รู้ดีว่าไม่มีแพทย์คนไหนสามารถรักษาค่าได้ การใช้ยาก็มีผลน้อยเกินไป”

 

หญิงสาวกล่าวขึ้นพร้อมกับส่ายศีรษะ

 

“ท่านเคยได้รับยาขี้ผึ้งหยกทองคำผสานชีวิตเมื่อใดกัน?” ชิงสุ่ยถามขึ้นเบาๆ

 

“ข้าได้รับมันมาจากอาวุโสของข้า มันเคยถูกลองใช้ไปแล้ว”

 

“ศัตรูของท่านต้องทรงพลังมากพอถึงจะสามารถสร้างพิษเช่นนี้ขึ้นมาได้” ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจหลังจากได้ตรวจสอบดูสารพิษที่อยู่ภายในร่างกายหญิงสาวผู้นี้

 

“อะไรกัน นางไม่ได้บาดเจ็บรุนแรงงั้นหรือ? มันเป็นยาพิษได้อย่างไรกัน?” ชายชรากล่าวพร้อมกับยืนขึ้น

 

“บาดแผลนี้ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต แต่สิ่งสำคัญเป็นเพราะยาพิษนี้ ยาพิษชนิดนี้ไม่มีทางแก้ มันจะอยู่ภายในร่างกายของผู้ที่ได้รับไปจนตาย” ชิงสุ่ยกล่าวกับหญิงสาวช้าๆ

 

“ปีศาจเฒ่า ตอนนี้ข้าเชื่อแล้วที่เจ้าบอกว่าเขามีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์บางกระเจ้า” หญิงสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

 

รอยยิ้มของนางนั้นซีดเซียวอย่างยิ่งแต่ก็ยังงดงาม ความงามที่มาพร้อมความเจ็บปวดของนางนั้นดึงดูดหัวใจของชายทุกคนให้เข้ามาดูแลเป็นอย่างยิ่ง แต่จะมีผู้ใดกันที่จะกล้าทำเช่นนั้นเพราะหากคิดจะทำหญิงสาวผู้นี้คงจะสังหารเขาไปในทันที

 

“มันเป็นพิษของนิกายพิษสวรรค์อมตะ” หญิงสาวกล่าวขึ้นขณะที่มองไปยังชิงสุ่ย

 

ชิงสุ่ยไม่สนใจว่าพิษนี้มีชื่อว่าอะไรแต่พิษนี้มีอันตรายถึงชีวิต ตราบใดที่คนๆนั้นยังมีชีวิตอยู่ผิดนี้ก็จะคงอยู่ต่อไป มันเป็นเรื่องที่ยากมากหรืออย่างน้อยเขาก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครสามารถกำจัดมันออกไปได้สำเร็จ

 

แต่พิษนี้สามารถสะกดมันเอาไว้ได้ด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ร่างกายของผู้ที่ได้รับนั้นทรงพลังมากพอก็จะสามารถขับพิษนี้ออกไปด้วยตัวเองได้ แต่หากไม่สามารถขับพิษนี้ออกไปก็ยังสามารถถ่ายโอนออกไปได้ เช่น ถ่ายโอนไปสู่คนอื่นๆ ซึ่งมี 2 ประเภท อย่างแรกคือถ่ายโอนไปยังชายหนุ่มที่เป็นคู่ครองของนาง อีกอย่างคือถ่ายโอนไปให้ลูกของนาง หากนางจะถ่ายโอนมันไปให้ชายหนุ่มที่เป็นคู่ครองนางก็ต้องยินยอมเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่หากนางจะถ่ายโอนมันไปให้ลูกของนางสิ่งที่นางต้องทำคือการมีลูก

 

“ชิงสุ่ย เจ้าคิดเช่นไร?” ชายชราถามขึ้นอย่างมีความหวัง

 

“เขาบอกว่าพิษนี้คือพิษแห่งชีวิต หากผู้ที่โดนพิษนี้ยังมีชีวิตอยู่พิษนี้จะไม่สามารถถูกทำลายไปได้”

 

“แม้ว่าจะไม่อาจทำลายมันได้แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถรักษาท่านได้ ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ หากท่านต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปสักร้อยปีก็ไม่มีปัญหาเลย” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวออกมาหลังจากคิดครู่หนึ่ง

 

“จริงหรือ? มันเป็นไปได้จริงๆหรือ?” ปีศาจเฒ่ารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง

 

หญิงสาวจ้องมองมาที่ชิงสุ่ย

 

“มันเป็นไปได้ แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดมันก็ยังดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“แม้ว่ามันจะเป็นหนทางสู่ความตายแต่มันก็ยังดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ข้าจะต้องชำระหนี้แค้นนี้ต่อนิกายพิษสวรรค์อมตะ ท่านชิง ข้าเชื่อในตัวท่าน โปรดทำไปตามหัวใจของท่านเถอะ ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องใดๆเลย” สีหน้าของหญิงสาวดูเหมือนจะดีขึ้นในตอนนี้

 

“ยาพิษนี้เข้ามาทางบาดแผลนี้ มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมท่านจึงไม่ดีขึ้นเลย หากท่านทานสิ่งนี้เข้าไปมันจะช่วยรักษาบาดแผลของท่านได้” ชิงสุ่ยยื่นน้ำหอมมรกตทองคำออกไป

 

ผลของน้ำหอมมรกตทองคำนั้นไม่ต้องอธิบายอะไรเพราะว่าพวกเขาเชื่อมั่นในตัวชิงสุ่ย แม้ว่ามันจะไม่สามารถรักษานางได้ทั้งหมดแต่อย่างน้อยมันก็ยังสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตให้แก่นางได้ อารมณ์ของหญิงสาวผู้นี้ดีขึ้นมาก

 

เข็มแห่งชีวิตและความตาย!

 

หยดฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต!

 

ชิงสุ่ยใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีเพราะพิษนี้ไม่อาจถูกกำจัดออกไปได้อย่างง่ายดาย อย่างน้อยชิงสุ่ยก็ไม่สามารถทำได้ในตอนนี้แต่เขาจะลดผลที่เกิดขึ้นของยาพิษนี้ให้เหลือน้อยที่สุด แต่ผลของยาพิษก็จะทรงพลังขึ้นเรื่อยๆตามกาลเวลานั่นหมายความว่าเขาต้องหาทางกำจัดยาพิษนี้ออกไปให้ได้

 

จี้หยกอินทนิล!

 

สิ่งที่แกะสลักเอาไว้บนจี้หยกนี้สามารถช่วยควบคุมพิษได้ “ตราบใดที่ท่านเก็บมันไว้ แม้ว่ายาพิษนี้จะยังคงอยู่ในร่างกายของท่านแต่ก็ยากยิ่งที่มันจะสามารถทำร้ายท่านได้ หากท่านทำมันหายโปรดจำไว้ว่าให้มารับอันใหม่ที่ข้า เพราะไม่เช่นนั้นแล้วพิษนี้จะย้อนกลับมาภายในเวลา 3 ถึง 5 ปี”

 

หญิงสาวยืนขึ้นด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น มือของนางยื่นออกไปรับจี้หยกอินทนิลที่ชิงสุ่ยมอบให้

 

นางสิ้นหวังมานานจนต้องตกอยู่ในสภาพนี้แต่สิ่งที่ศัตรูต้องชดใช้นั้นก็ถือว่ามากพอเพียงแต่นางยังคงรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ไม่อาจสังหารผู้ที่มอบยาพิ๋ษนี้ให้กับนางได้

 

“ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่าน ข้าจะตอบแทนท่านไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม ข้าสามารถช่วยเหลือท่านได้ด้วยพลังทั้งหมดของข้า” หญิงสาวกล่าวกับชิงสุ่ยอย่างยินดี หลังจากที่นางได้รับการรักษานางก็รู้สึกเหมือนได้กลับกลายมาเป็นคนปกติ

 

อายุของนางนั้นไม่ได้น้อยเลยแต่ในโลกใบนี้ผู้คนล้วนแต่มีชีวิตที่ยืนยาวหากนางต้องมาตายไปด้วยอายุเพียงแค่นี้คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง

 

“ไม่เป็นไร ข้าเองก็เป็นคนของพระราชวังจอมอสูร”

 

“ชื่อเสียงของข้านั้นไม่ได้มากมายนัก ความตายที่กำลังตามติดข้านั้นทำให้ข้าไม่ได้พบปะกับผู้ใด ผู้ที่ดีต่อข้านั้นมีน้อยมากจริงๆ” หญิงสาวพูดขึ้นหลังจากถอนหายใจ

 

ชิงสุ่ยเข้าใจความหมายที่นางต้องการจะสื่อ เขาจึงคิดเล็กน้อยและกล่าวขึ้นมาว่า “ท่านมีความสำคัญเช่นใดกับท่านประมุขวังงั้นหรือ?”

 

“ผู้ที่มีปฏิสัมพันธ์กับท่านประมุขวังมากที่สุดคงเป็นข้า!” หญิงสาวไม่รู้ว่าชิงสุ่ยถามเพื่ออะไร นางก็ตอบออกไปด้วยความยินดี

 

“โอ้ เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยม หากเป็นไปได้ สมมุติว่าหากท่านและท่านประมุขวังต้องการทำสิ่งใด โปรดบอกข้ามาได้เลย” ชิงสุ่ยกล่าวกับหญิงสาวผู้นี้ด้วยรอยยิ้ม

 

หญิงสาวกำลังคิดบางอย่างหลังจากนั้นนางก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าและกล่าวว่า “ ท่านช่างกล้าหาญยิ่งนัก และข้าจะสนับสนุนสิ่งที่ท่านคิดแต่ท่านก็ควรเตรียมตัวให้ดี”

 

“ขอบคุณ ข้าทราบแล้ว”

 

“ข้ามีนามว่าฮัว รูเหม่ย หากท่านรอที่นี่ต่อไปเสียหน่อยท่านประมุขวังก็น่าจะกลับมา นั่นเป็นโอกาสของท่านแล้ว!” หญิงสาวกล่าวกับชิงสุ่ยด้วยความยินดี

 

เมื่อนางกล่าวจบเสียงเท้าก็ดังขึ้นมาจากภายนอก ร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในสายตาของทุกๆ สายตาที่เย็นชาคู่นั้นจับจ้องมาที่ฮัว รูเหม่ย “หืม ดูเหมือนจะดีขึ้นไม่น้อย”

 

คำพูดเหล่านี้ยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชาแต่ชิงสุ่ยสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่อยู่ภายใน น่าเสียดายที่เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับประโยคนี้เลย