ตอนที่ 448 สู้ด้วยเหตุผล

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 448 สู้ด้วยเหตุผล
ซูฉิงที่ได้ยินเสียง ก็หันไปมองตามธรรมชาติ โจเซฟเองก็มองตามเสียงไปด้วยแววตาสงสัย

เมื่อซูฉิงเห็นชายคนนั้นมากลับรู้สึกโล่งใจ เหมือนว่าคืนนี้เธอจะสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัยแล้ว แต่—

“นายมาได้ไงน่ะ?” ซูฉิงรู้สึกแปลกใจ “ฉันยังไม่ได้โทรหานายไม่ใช่เหรอ?”

ฮ่อหยุนเฉิงเดินไปอย่างดุดัน เมื่อกี้เขาเห็นโจเซฟคุยกับซูฉิง ก็รู้สึกหึงมาก จะไปมีอารมณ์ไหนอธิบายกับซูฉิง เขาเดินตรงไปหาซูฉิงแล้วดึงมืออีกคนก่อนจะดึงไปด้านหลังตัวเอง ก่อนจะมองไปข้างหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ไป กลับบ้านกับฉัน”

ซูฉิงยังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถูกฮ่อหยุนเฉิงดึงไปแล้ว เธอถอนหายใจ เอาเถอะ ชายคนนี้หึงอีกแล้ว กลับบ้านค่อยว่ากันแล้วกัน

เธอที่กำลังจะไปกับฮ่อหยุนเฉิง แต่โจเซฟกลับรู้สึกแปลกใจ เขารู้เพียงว่าฮ่อหยุนเฉิงเป็นชายแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก และเห็นว่าซูฉิงกำลังไปกับเขาก็อดส่งเสียงดังไม่ได้ “คุณจะพาเธอไปด้วยไม่ได้นะครับ!”

เมื่อฮ่อหยุนเฉิงได้ยิน ก็ชะงักฝีเท้าและหันไปมองเขา นัยน์ตาดูอันตราย เขาที่เคยเรียนภาษาฝรั่งเศส และแน่นอนว่าเขาฟังที่โจเซฟพูดออก

“คุณว่ายังไงนะ?”

ที่นี่เสียงดังมาก ไปๆ มาๆก็ดึงความสนใจจากคนที่มิลเชลเพิ่งออกมาส่งจากงาน

เมื่อเพื่อนสนิทออกมา ก็ได้ยินเสียงหลายคนคุยกัน เธอยืนบนขั้นบันไดและมองฮ่อหยุนเฉิงอย่างตั้งใจ

【เขามาแล้ว มาเพราะซูฉิงงั้นเหรอ?】

โจเซฟรู้ว่ามีคนดูอยู่มากมาย แต่เขาไม่กลัว ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ซูฉิงผ่านฮ่อหยุนเฉิงไป เขาอยากได้ผู้หญิงคนนี้ และไม่ได้อยากได้แค่อะไรง่ายๆ แต่อยากได้หัวใจของเธอ

“ฉันบอกให้คุณปล่อยเขา ผมรู้จักเธอก่อน และเธอก็ไม่ได้รู้จักคุณด้วย!”

โจเซฟเถียงคอเป็นเอ็น

“เธอไม่รู้จักฉันเหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเยาะ เขานึกไม่ถึงเลยว่าไม่ใช่แค่เขากลัวซูฉิงหึง เลยไม่ได้มางาน แต่ไม่นึกเลยว่าตอนนี้จะมาได้ยินเรื่องน่าขันขนาดนี้

ไอ้ฝรั่งเศสคนนี้ไปได้ความมั่นใจนี้มาจากไหน?

เขาเหยียดนิ้วออกไปยิ้มไหล่โจเซฟอย่างแรง และจ้องเขาอย่างเย็นชา “เธอบอกคุณเองเหรอว่าเธอไม่รู้จักฉัน หรือคุณคิดไปเอง? ผมจะบอกคุณให้นะครับ ซูฉิงคือผู้หญิงของผม ผมไม่สนว่าวันนี้คุณจะมีความรู้สึกอะไร ทางที่ดีอยู่ให้ห่างจากเธอดีกว่านะครับ”

หลังจากพูดไป ฮ่อหยุนเฉิงก็เม้มปากและดึงซูฉิงออกไปทันที

ใบหน้าที่ประหลาดใจของโจเซฟยังคงไม่คลาย ก็เห็นสองคนจากไป เขาอดผิดหวังไม่ได้ ก่อนจะหันหลังกลับและเห็นมิเชลยืนอยู่ตรงประตูพอดี

เมื่อหญิงสาวเห็นฮ่อหยุนเฉิงจากไปพร้อมซูฉิง ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด เมื่อเจอสายตาของโจเซฟก็ก้มหน้าก้มตา และกลับไปที่วิลล่าด้วยความสิ้นหวัง

ฮ่อหยุนเฉิงเดินเร็วอย่างเร่งรีบ วันนี้ซูฉิงสวมรองเท้าส้นสูงมา เธอเดินตามเขาแทบไม่ทัน เธอจึงร้องตะโกน “หยุนเฉิง นายเป็นอะไรไป ช้าลงหน่อย เดินช้าๆ หน่อย ฉันเดินตามไม่ทันนะ”

แม้ว่าฮ่อหยุนเฉิงจะระงับความโกรธของเขาไว้ แต่เขาก็ยังทนไม่ได้ ใบหน้าของเขาไม่มีท่าทีโอนอ่อน แต่กลับชะลดฝีเท้า ในขณะขึ้นรถเขาก็ยังมืดมนไม่พูดอะไรสักคำ

ซูฉิงนั่งอยู่ข้างคนขับ จู่ๆ ซูฉิงก็รู้สึกหงุดหงิด เธอคุ้นเคยกับปฏิกิริยาของฮ่อหยุนเฉิงดี แต่ตอนนี้ในใจเธอสับสนมาก

“หยุนเฉิง วันนี้นายเป็นอะไร? ทำไมจู่ๆ ถึงมารับฉันล่ะ?”

เมื่อเผชิญกับคำถามของซูฉิง ฮ่อหยุนเฉิงก็ยังไม่ตอบสักคำ เขาขับรถเร็วตลอดทาง ทั้งสองเปิดประตูจะเข้าบ้าน ซูฉิงที่เพิ่งปิดประตูและยังคงยืนอยู่ อีกคนก็กุมใบหน้าเธอและกดจูบอย่างเอาแต่ใจ

ซูฉิงไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ และสัญชาตญาณก็ส่งเสียงคร่ำครวญ จนได้ลิ้มรสกลิ่นเลือด

—เป็นริมฝีปากที่ถูกกัดแตก

ผ่านไปสักพักอีกคนถึงปล่อยเธอ ก่อนจะหอบอย่างหนัก ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงแดงขึ้น ซูฉิงขมวดคิ้วและปัดมืออีกคน เธอไม่ชอบฮ่อหยุนเฉิงที่เป็นแบบนี้ อย่างกับคนบ้า

“วันนี้นายเป็นอะไรกันแน่?”

หลังจากที่ฮ่อหยุนเฉิงได้จูบซูฉิง อารมณ์ของเขาก็อ่อนลง มีแค่แบบนี้เขาถึงจะมั่นใจได้ว่าซูฉิงเป็ยของเขา

เขาเลียริมฝีปากล่างและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถ้าวันนี้ไม่มา โจเซฟนั่นจะทำอะไรเธอบ้างก็ไม่รู้ ต่อไปห้ามไปเต้นรำกับคนอื่นอีก ฉันทนมองพวกนั้นมือไม้เลื้อยไม่ได้หรอกนะ เข้าใจไหม?”

นั่นไง โกรธอีกแล้ว

ซูฉิงตระหนักได้ในทันทีหลังได้ยินฮ่อหยุนเฉิงพูด แต่ก็ทั้งโกรธทั้งตลก ก็แค่เต้นรำเองจะมีอะไรได้ล่ะ? อีกทั้งฮ่อหยุนเฉิงคิดว่าเธอตัดสินใจอะไรไม่ได้เหรอ? เรื่องแบบนี้ก็ยังจำกัดเธออีกเหรอ?

เธอพ่นลมหายใจก่อนจะมองออกไป หมดคำพูด หมดคำจะพูดจริงๆ

“อย่าทำตัวเป็นเด็กได้ไหม หึงตลอดเลยนะ ฉันกับโจเซฟแค่เต้นรำกันเอง ใจแคบจริงๆ”

ในเวลานี้ซูฉิงไม่สามารถทนต่อความหงุดหงิดของอีกคนได้ แม้แต่ง้อก็ยังขี้เกียจ เธอบ่นก่อนจะเข้าไปในห้องหนังสือ เพียงแต่ในขณะกำลังเข้าไปในห้องก็พูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง

“ฉันจะแก้ร่างของแบบนะ”

และทิ้งฮ่อหยุนเฉิงที่ทำหน้าบึ้งไว้ตรงโซฟา

เขาหันไปมองอย่างสิ้นหวัง แววตาของเขายังคงโมโหและไม่อยากให้ไป แค่คู่รักทะเลาะกัน ใครจะไปโกรธได้นานล่ะ

เมื่อเห็นว่าใกล้จะห้าทุ่มแล้ว ฮ่อหยุนเฉิงที่ครุ่นคิด ก็ไปเข้าหาซูฉิงก่อนดีกว่า ยิ่งกว่านั้นงานเลี้ยงก็ไม่ใช่โอกาสได้ทานอะไรจริงจัง เขาเดินเข้าห้องครัวไปเปิดไฟหั่นผักและทำบะหมี่หนึ่งชามให้ซูฉิง ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องหนังสือเบาๆ เพียงแวบเดียวก็เห็นซูฉิงที่อยู่หน้าคอม และจับจ้องอยู่กับการแก้แบบร่าง

ฮ่อหยุนเฉิงถอนหายใจ เดินเข้าไปวางชามบะหมี่ข้างๆ เธอแล้วพูดว่า “เอาน่า อย่าโกรธกันเลย ไปงานวันเกิดคนอื่นเขาคงไม่ได้กินอะไรดีๆ หรอกใช่ไหม? กินบะหมี่ก่อนแล้วค่อยทำงานสิ ฉันไม่ปล่อยให้สุขภาพภรรยาฉันเป็นอะไรไปหรอกนะ”

ซูฉิงที่เดิมยังโกรธอยู่นิดหน่อย แต่พอยุ่งก็ลืมไปหมด คำพูดอีกคนที่ดังขึ้นข้างหู เธอจึงชะงักมือที่จับเมาส์และเงบหน้าขึ้นมอง

“ไม่โกรธแล้วเหรอ?”

ฮ่อหยุนเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย นั่งลงข้างเธอ และพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันก็แค่หวง คิดได้แล้วก็โอเคแล้วล่ะ แต่เธอจะโทษฉันก็ไม่ได้นะ ผู้หญิงที่ฉันชอบก็ต้องดีที่สุดอยู่แล้ว แน่นอนฉันก็ต้องกลัวว่าพวกเขาจะมาคิดอะไรกับเธอน่ะสิ”