ตอนที่ 859 มีคนตายเพิ่ม

Elixir Supplier

“เอาล่ะ รอสักครู่นะครับ” หวังเย้าพูด

อาการป่วยของชายชราเกิดจากความเย็นเข้าสู่สมองโดยปกติมันจําเป็นต้องใช้ตัวยาที่มีฤทธิ์ร้อนในการขับความเย็นเพราะหากใช้ยาสมุนไพรทั่วไปในการรักษาอาจต้องใช้เวลานานและไม่ ทันการได้

สมุนไพรตัวหลักที่หวังเย้าใช้ก็คือดอกตางหยางที่ดูราวกับเปลวไฟ มันทํางานเหมือนพระอาทิตย์ในการเพิ่มพลังหยางมันเป็นสมุนไพรที่มีพลังหยางบริสุทธิ์สูงทําให้ประสิทธิภาพของตัวยาสูงตามไปด้วยเขายังเลือกใช้จื้อหยูในการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต มันจะขจัดการอุดตันตามเส้นเลือดได้การไหลเวียนโลหิตและพลังฉีในส่วนสมองของชายชรานั้นไม่ราบรื่นนักทางหนึ่งเป็นเพราะอายุที่มากขึ้นของเขาอีกทางเป็นเพราะโรคภัยและออกกําลังกายน้อย

ทั้งสามนั่งอยู่ในห้องเงียบๆ

“พ่อรู้สึกยังไงบ้าง?”

“พ่อไม่ปวดหัวแล้ว แต่ไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่” ชายชราอ่อนกําลังและไม่มีแรงเขาถูกอาการปวดศีรษะเข้าเล่นงานอยู่บ่อยครั้ง ทําให้เขาไม่สามารถทานอาหารหรือนอนหลับได้อย่างปกติมาหลายปีแล้วและยังเป็นผลที่ทําให้เขาไม่มีเรี่ยวแรงและร่างกายอ่อนแอ ตัวเขาจึงยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ ลูกชายที่กตัญญูของเขา ได้พาเขาไปรักษากับหมอมาหลายคนแต่ผลลัพธ์กลับไม่ดีอย่างที่ต้องการในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนอาการของเขาจะดีขึ้นเล็กน้อยแต่พอเข้าสู่ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวเขาไม่กล้าออกไปไหนเลยเพราะกลัวจะถูกลมเย็นพัดเข้าใส่เมื่อลมพัดมาเขาก็จะมีอาการปวดศีรษะราวกับกําลังต้องการฆ่าเขาให้ตาย

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หมอหนุ่มคนนี้มีฝีมือจริงๆ!”

“ใช่แล้วครับ หลังจากได้ยินคําแนะนําจากคนอื่น ผมก็เลยมาที่นี่” ชายวัยกลางคนพูด

ในอีกห้องหนึ่ง หวังเย้ากําลังต้มยาอยู่

“เขากําลังทําอะไรอยู่เหรอ?”

“กลิ่นยาลอยมาแบบนี้ เขาอาจจะกําลังต้มยาอยู่ก็ได้”

พวกเขานั่งรอเงียบๆอยู่ภายในห้อง และไม่กล้าเดินไปไหน เดิมทีชายสวมแว่นต้องการออกไปเดินดูรอบๆแต่เมื่อเขาทําท่าจะลุกขึ้น สายตาของเจ้านายที่มองมาก็ทําให้เขาต้องนั่งลงเหมือนเดิม

เราต้องรออีกนานแค่ไหนกัน? เขาบ่นอยู่ในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมา เจ้านายของเขารอได้แล้วทําไมเขาถึงจะรอไม่ได้?

พวกเขาทําได้แค่นั่งรออยู่ในห้องนานถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ในที่สุด หวังเย้าก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับขวดกระเบื้องสีขาวใบหนึ่ง

“ยาเสร็จแล้วครับ ลองดื่มดูว่าจะเป็นยังไง” หวังเย้าเทยาใส่ลงไปในถ้วยใบเล็กและส่งให้ชายชรา

“ได้” ชายชรารู้สึกว่ามันไม่ได้ร้อนมาก เขาจึงดื่มยาจนหมดในอีกเดียว

“แล้วเราต้องทําอะไรต่อ?”

“รอครับ” หวังเย้าพูด

“หา?”

พวกเขารออยู่ประมาณ 30 นาที หวังเย้าก็จับชีพจรของชายชราและยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร

“ดีครับ ตอนนี้พวกคุณกลับกันได้แล้ว อีกสิบวันให้กลับมาอีกครั้งนะครับ”

“10 วันเหรอ?”

“ถูกแล้วครับ”

“ค่ายาเท่าไหร่ครับ?”

“100,000 หยวนครับ” หวังเย้าพูด

“เท่าไหร่นะ?” ทั้งสามต่างตกใจ หวังเย้าบอกไว้แล้วว่ายามีราคาแพง แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่ามันจะแพงขนาดนี้

“ทําไมเหรอครับ?”

“ไม่มีปัญหา ผมจะจ่าย” ชายวัยกลางคนเงียบไปสักพัก ก่อนที่เขาจะสั่งให้เลขาของเขาจ่ายเงิน

“ดีครับ พวกคุณกลับได้เลยนะครับ”

ทั้งสองช่วยกันพยุงชายชราให้เดินออกไปจากคลินิก พวกเขาเดินออกไปด้านนอกและขึ้นนั่งบนรถ

“พ่อ ตอนนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ดีขึ้นแล้ว หัวก็ไม่ปวด แล้วยังรู้สึกอุ่นสบายมากด้วย” ชายชราพูด หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกสบายเท่านี้มาก่อนแถมอาการปวดศีรษะก็ยังหายไปด้วยเขาเคยรู้สึกหนาวเย็นและเจ็บปวดร่างกายจากภายในสู่ภายนอกถึงแม้ว่าเขาจะสวมหมวกไหมพรมทั้งวันก็ตามที

“ดีครับ” ชายวัยกลางคนโล่งใจ ขอแค่ยาได้ผล เงินหนึ่งแสนหยวนก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว

“แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าราคามันแพงไปอยู่ดี” ชายสวมแว่นพูด

“มันแพงก็จริง แต่มันก็สมเหตุสมผลแล้ว ไปได้แล้ว”

รถเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านอย่างช้าๆ

“ไม่คิดเลยว่า ชายหนุ่มมีความสามารถแบบเขาจะมาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้ได้” ภายในรถชายชราที่หายจากอาการปวดศีรษะแล้วถอนหายใจ

“ลูกน่าจะลองคิดเรื่องจ้างเขามาทํางานให้เราดูนะ” ชายชราพูด “ลูกกําลังมีแผนพัฒนาโปรแกรมผู้มีพรสวรรค์อยู่ไม่ใช่เหรอ?”

“เอ่อ ได้ครับ พ่อ” ชายวัยกลางคนรับพูด

กลัวว่าเขาจะไม่มาน่ะสิ ค่ายาที่นี่ขายได้ตั้งเป็นแสนหยวน แทบจะพอๆกับเงินเดือนทั้งปีของฉันด้วยซ้ำถ้าเขาไปทํางานที่นั่นเขาจะได้สักเท่าไหร่กันเชียว? แน่นอนว่ามันเป็นแค่สิ่งที่เขาคิดเขาไม่สามารถพูดต่อหน้าชายชราได้และเห็นได้ว่าวันนี้พ่อของเขาอารมณ์ดีมาก

“ไปกันเถอะ พ่อหิวแล้ว”

“พ่ออยากกินอะไรครับ?”

“เราไปกินซุปแกะกันดีไหม?”

“ไม่มีปัญหาครับเสี่ยวไต้ลองหาร้านดูที”

“ได้ครับ”

ไกลออกไปหลายพันไมล์กั่วเจิ้งเหอกาลังอยู่ในอารมณ์ที่ย่าแย่ มีคนเสียชีวิตเพิ่มในพื้นที่ที่เขาดูแลอยู่ครั้งนี้มีคนเสียชีวิตทั้งหมดห้าคนในเวลาเดียวกันมันเกิดขึ้นในหมู่บ้านที่ห่างไกลแห่งหนึ่งเหยื่อมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงทันทีที่ทราบข่าวเขาก็รีบไปที่นั่น

เจ้าหน้าที่สืบสวนของทางจังหวัดก็รีบไปที่นั่นเช่นกัน พวกเขาดูเคร่งเครียดมากหน้าที่ของพวกเขาคือการแก้ไขปัญหาที่แก้ได้ยาก พวกเขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงแต่กลับยังไม่สามารถแก้ไข้คดีนี้ได้แถมตอนนี้ยังมาเกิดเรื่องเพิ่มขึ้นอีก

มีคนถูกฆ่าพร้อมกันถึงห้าราย มันถือเป็นคดีร้ายแรงมาก

กั่วเจิ้งเหอและเจ้าหน้าที่สืบสวนพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ลักษณะการเสียชีวิตไม่ได้แสดงถึงการต่อสู้ดิ้นรนก่อนตาย เราไม่พบข้อมูลที่มีประโยชน์เลย”

“แล้วเรื่องพิษล่ะครับ?”

“เราจําเป็นต้องรอผลครับ

“ขอบคุณครับ

“ยินดีครับ เรามาเพื่อสืบคดีนี้อยู่แล้ว”

กั่วเจิ้งเหอพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สืบสวนอย่างเป็นกันเองในเวลาเดียวกันเขาก็ยังคอยปลอบใจญาติของผู้เสียชีวิตด้วยเขาออกจากสถานที่เกิดเหตุและโทรหาเสวี่ยซินหยวนเพื่อขอนัดพบเขาในสถานที่หนึ่ง

“คุณชาย”

“ลุงเสวี่ย ทางนั้นเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ผมได้ติดต่อกับคนคนหนึ่งครับ จากที่ผมคาดการณ์ เขาน่าจะเป็นคนที่หนีออกมาจากที่นั่นผมกําลังพิจารณาอยู่ว่าจะติดต่อกับพวกเขาต่อดีไหมแล้วมีเรื่องอะไรเหรอครับ? ทําไมถึงได้โทรเรียกให้ผมกลับมาแบบนี้?”
“เมื่อวาน มีคนตายไปห้าคนครับ”

“มีคนตายเพิ่ม? เกิดจากพิษเหรอครับ?”

“กําลังชันสูตรหาสาเหตุการตายอยู่ แต่ผมรู้สึกว่า การตายของหารายนี้จะต้องเหมือนกับการตายของทั้ง 11 รายก่อนหน้านี้แน่ๆ”

กั่วเจิ้งเหอสูบหนักมาก แสดงให้เห็นว่าเขากําลังหัวเสียขนาดไหน

มีคนตายไปถึง 16 คนภายในเวลาไม่ถึงอาทิตย์แล้วยังอยู่ในพื้นที่ที่เขาดูแลอยู่ด้วยมันหมายความว่ายังไง? มันก็หมายความว่ากฎหมายนั้นไร้ค่าซึ่งเกิดจากผู้นําที่ไร้ความสามารถมันจะกลายเป็นจุดด่างพล่อยในอาชีพเจ้าหน้าที่รัฐของเขาที่ไม่สามารถลบล้างไปได้และยังอาจส่งผลเสียต่อการเลื่อนตําแหน่งในอนาคตของเขาด้วยตอนนี้เขากําลังคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถ้าหากมันเกิดขึ้นกับเขาล่ะ?ในเมื่อคนพวกนั้นสามารถถูกฆ่าตายไปอย่างเงียบเชียบได้เขาก็คงไม่ต่างกัน

ค่าถามสําคัญก็คือจุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไร

“คุณชาย ผมคิดว่า คุณชายควรปล่อยข่าวบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกไปนะครับ”

“ปล่อยข่าวเกี่ยวกับคดีนี้น่ะเหรอ?”

“ใช่ครับ ทําให้เบื้องบนอีกหลายคนได้รู้ว่า ถึงแม้หมู่บ้านนี้จะเป็นที่รู้กันว่าเข้าถึงได้ยากและคนในมีความสามรถมากแค่ไหน”เสวี่ยซินหยวนพูด“แต่มันก็เป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆเท่านั้นมดไม่สามารถสู้ช้างได้

กั่วเจิ้งเหอหรี่ตาและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง

“คิดจะกําราบคนด้วยอานาจ แต่เราก็ไม่มีหลักฐาน!”

“เราไม่จําเป็นต้องมีหลักฐานก็ได้ คุณชายลองดูก่อนก็ได้นะครับ”

“ถ้ามันไม่ได้ผล ผมจะส่งข้อความไปให้พวกเขาและให้พวกเขาได้รู้เรื่องทั้งหมดเอง”

“ผมขอคิดดูก่อนนะครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด

“ได้ครับ คุณชายก็ต้องระวังตัวด้วยนะครับ”

“ผมรู้ ให้พวกเขาลงมือให้เร็วที่สุด ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้บอกผมได้”

“รับทราบครับ

ผลการชันสูตรออกมาแล้ว คนทั้งห้าถูกพิษครั้งนี้ระดับความเข้มข้นของพิษสูงกว่าครั้งก่อนมันจึงถูกสรุปว่าเป็นการฆาตกรรมเป็นไปได้มากว่าคดีนี้กับคดีก่อนจะเป็นการลงมือโดยคนคนเดียวกันแต่พวกเขากลับหาเบาะแสอะไรไม่ได้แม้แต่ผู้ต้องสงสัยก็ยังไม่มีแม้แต่คนเดียว

บ้าเอ้ย!

เจ้าหน้าที่ที่มาจากจังหวัดตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนัก

คืนนั้น ผู้กองหยางผู้น่าทีมในครั้งนี้กําลังสูบบุหรี่อยู่ในห้องทํางาน อยู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

เขาตะโกนออกไป “เข้ามาได้ แต่ด้านนอกกลับไม่มีเสียงตอบรับ

“หืม?” เขาเงยหน้าขึ้นและมองออกไปด้านนอก ก่อนที่เขาจะดูเอกสารต่อ

ปังปัง! เขาได้ยินเสียงเคาะประตูอีกครั้ง

“เข้ามาได้ใ” ครั้งนี้ เขาเพิ่มเสียงขึ้นอีกเล็กน้อย หลังจากรออยู่สักพัก ก็ไม่มีใครเข้ามา

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

เขาดับบุหรี่แล้วเดินไปที่ประตู จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปเปิดประตู ด้านนอกไม่มีใครอยู่เลย

แปลก!

เมื่อเขาหันหลังกลับ ร่างกายของเขาก็ตรึงเครียดขึ้นมา เขาหยิบปืนพกออกจากเอวและมองไปรอบๆ

บานหน้าต่างถูกแง้มเอาไว้ ทําให้มีลมพัดเข้ามาจากด้านนอก ภายในห้องยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน

เขาสํารวจภายในห้องทํางานอย่างละเอียด ก่อนจะมองไปที่หน้าต่าง นอกจากยามแล้วก็ไม่มีใครอีก

ไม่มีใคร?

เขาหันกลับไปที่โต๊ะ และพบว่ามีซองเอกสารวางอยู่ แค่เขาลุกออกไปเปิดประตู ก็มีคนเอาซองเอกสารมาวางไว้บนโต๊ะเขาโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเลย
เขาสวมถุงมือและเปิดซองเอกสารอย่างระมัดระวัง ด้านในมีข้อมูลอยู่เป็นจํานวนมาก

หม? หลังจากได้อ่านข้อมูลในนั้น เขาก็ต้องประหลาดใจ

หุบเขาพันโอสถ?

เขาเป็นคนยูนนานใต้แต่กําเนิด และอยู่ในสายงานสืบสวนมานานกว่า 20 ปีแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาเดินทางไปแทบทุกที่ในยูนนานใต้มีหลายที่ที่น่าประทับใจเขายังเคยไปหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลมาแล้วเขายังเคยได้ยินเรื่องลับๆมาหลายเรื่องรวมไปถึงเรื่องเกี่ยวกับหุบเขาพันโอสถ

เขาจุดบุหรี่และอ่านข้อมูลอย่างละเอียด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมาก็ตามที

“เชี่ยวชาญเรื่องพิษ?”

ประโยคนี้มีความสําคัญมา เพราะเหยื่อทั้ง 16 คนในคดีนี้เสียชีวิตจากยาพิษเช่นเดียวกัน