ตอนที่ 170 สืบทอด

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 170 สืบทอด

เปรี้ยง! ร่างของไป๋จูเหวินถอยออกมาหลายก้าวหลังจากโดนกระบีของอู๋หมิงแทงเข้าอย่างรุนแรงพริบตา นั้นมันทราบดีว่ามันได้พ่ายแพ้ไปเสียแล้ว

 

“หวา…” หลังจากการปะทะ อยู่ๆเสียงร้องของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ดังขึ้นเพราะตัวมันดันยืนใกล้การประลองไปหน่อย ทําให้โดนคลื่นกระแทกเสียจนล้มก้นเบ้า

 

“เทียนเหวิน เจ้ากลับมาแล้วงั้นเหรอ”อู๋หมิงที่พึ่งคว้าชัยชนะมาได้ถามพลางมองน้องชายของตนเองที่อยู่ๆก็โผล่พรวดพลาดเข้ามา

 

“พี่ใหญ่กลับมาทั้งที ข้าก็ต้องรีบมาน่ะสิ”เทียนเหวินว่า พลางลุกขึ้นช้าๆ

 

“ว่าแต่เมื่อครู่ท่านเอาชนะพี่ไปได้งั้นเหรอ” เทียนเหวินถามพลางเลิกคิ้วอย่างสนอกสนใจ

 

“เปล่า พวกเขาจึงเสมอกันเอง”องค์หญิงซูหลานว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ

 

“เอ๊ะ เสมอ?”เทียนเหวินขมวดคิ้วงุนงง ก็เมื่อครู่พึ่งตัดสินกันไปไม่ใช่หรืออย่างไร แล้วจะเสมออีกได้เหรอ

 

“ตอนเจ้าเดินทางกลับมา พวกเขาก็ประลองกันไป 30 ครั้งแล้ว ตอนนี้พี่ใหญ่ชนะ 15 ครั้ง คุณชายไปชนะ 15 ครั้งเท่ากันพอดี”องค์หญิงซูหลานเล่าขณะนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมสวน ตั้งแต่ไป๋จูเหวินอยู่ดูแลอาการของบิดา พวกมันก็มักจะมาประลองเช่นนี้ทุกเย็น พวกมันผลัดกันชนะบ้างแพ้บ้างอยู่แบบนี้มาจนเสมอกันแล้ว

 

“เทียนเหวิน เจ้าพึ่งกลับมางั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินว่าพลางลุกขึ้นยืน ร่างกายของมันมีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ทําให้สามารถรักษาร่างกายและฟื้นฟูพลังได้อย่างรวดเร็ว

 

“ขอรับพี่ไป” เทียนเหวินยิ้มกว้างเช่นเดิมพลางเดินเข้าไปหาไป๋จูเหวินอย่างสนิทสนม

 

“ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องดูแลสเด็จพ่ออยู่ที่วังหรือไง”องค์หญิงซูหลานถามพลางเหล่ตามองน้องชายด้วยท่าที่ตําหนิ นางไม่อาจทราบได้ว่ามันหายตัวไปไหน แต่มันก็ไม่ควรไปที่อื่นขณะบิดากําลังล้มป่วย

 

“ข้าไม่นึกว่าพี่ไป๋จะกลายเป็นหัวหน้าสมาคมแพทย์แล้ว เข้ามารักษาท่านพ่อแล้วนี่นา ข้าก็เลยไปที่เมืองร้อยแปดอสูรเอง”เทียนเหวินว่าพลางหัวเราะเพื่อนๆ ความจริงมันจะไปปรึกษาปัญหากับไป๋จูเหวินนี่ล่ะ แถมหากพูดเรื่องสมุนไพร แล้วย่อมต้องไปติดต่อขอซื้อจากสมาคมนักล่าอสูรอยู่แล้ว มันเลยเดินทางไปเมืองร้อยแปดอสูร แต่ก็ได้ทราบจากเหม่ยหลินว่าไป๋จูเหวินตอนนี้รับตําแหน่งหัวหน้าสมาคมแพทย์กลายเป็นอาวุโส 11 ไปแล้ว เพียงแต่มันไม่ได้อยู่ที่เมืองร้อยแปดอสูรแต่อยู่ที่สมาคมแพทย์ต่างหาก ทําให้เทียนหวินต้องเดินทางกลับมาที่สมาคมแพทย์อีกรอบ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอไป๋จูเหวิน จนได้ทราบว่าไป๋จูเหวินเข้าวังหลวงไปแล้ว มันเลยได้แต่ย้อนกลับมาเท่านั้น

 

“เอาเถอะ อย่างน้อยเจ้าก็รู้ว่าอะไรควรทํา” องค์หญิงซูหลานว่าพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ

 

“แล้วเจ้าไปเยี่ยมสเด็จพ่อหรือยัง” อู๋หมิงถามขณะเก็บกระบี่และจัดชุดให้เรียบร้อย

 

“ข้าไปพบแล้วขอรับ” เทียนเหวินว่าพลางทําสีหน้าเหยเกออกมา

 

“ท่านพ่อพูดกับเจ้าว่าอะไรบ้างล่ะ”อู๋หมิงถามเพราะ เห็นสีหน้าของน้องชายแปลกๆไป

 

“ท่านพ่อบอกให้ข้าหาคู่ครองได้แล้ว…”เทียนเหวินบอกตามตรง การบอกให้มันรีบหาคู่ครองนั้นก็เท่ากับว่าองค์จักรพรรดิอาจจะยกบัลลังก์ให้มันก็เป็นได้

 

“ดีแล้วไม่ใช่หรือ ได้มีภรรยาสักคนเจ้าจะได้เลิกหนีเที่ยวสักที”องค์หญิงซูหลานหัวเราะพลางพูดแหย่น้องชายอย่างอารมดี แต่เมื่อเห็นน้องชายไม่มีท่าที่จะเล่นด้วยเลยก็ได้ แต่แปลกใจเท่านั้น

 

“พี่ใหญ่ ท่านเป็นคนบอกท่านพ่อใช่หรือไม่ว่าข้าเหมาะสมที่สุด” อู๋เทียนเหวินว่าพลางมองไปทางอู๋หมิงด้วยท่าทีจริงจัง ตั้งแต่ล้มป่วยองค์จักรพรรดิก็เริ่มคิดเรื่องผู้สืบทอดขึ้นมา ยิ่งตอนจะผ่าตัดองค์จักรพรรดิยิ่งคิดเรื่องนี้ มากเพราะมันเกิดความรู้สึกกลัวตายขึ้นมา ทําเอามันคิดไปต่างๆนาๆว่าหากมันตายจะเกิดอะไรขึ้น และเรื่องผู้สืบทอดบัลลังก์ก็คงเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆหากมันไม่วางตัวผู้สืบทอดตําแหน่งอย่างจริงจังเสียที

 

แน่นอนว่าอู๋หมิงผู้เป็นบุตรชายคนแรกครองตําแหน่งองค์ชายอันดับที่ 1 นั้นเหมาะสมที่สุดทั้งมีความสามารถและ ฉลาดหลักแหลมเพียงแต่อู๋หมิงออกฝึกฝนวิชากับอาวุโสเที่ยนหมิงมาตลอด มันเลยไม่อาจขึ้นครองตําแหน่งได้ส่วนองค์ชาย 2 นั้นไม่ได้สนใจอํานาจเลย มันแทบจะสละตําแหน่งด้วยตนเองเช่นเดียวกับอู๋หมิงเลย ส่วนองค์ชาย 3 กลับกลายเป็นคนพิกาล แม้จะมีฉลาดแต่ก็ไม่อาจขึ้นครองราชย์ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าองค์หญิงพวกนางไม่มีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์อยู่แล้ว แม้จะเสียดายทั้งองค์หญิงอันดับ 1 และ ซูหลานที่เป็นองค์หญิงอันดับ 2 ก็ตาม ส่วนองค์ชาย 5 นั้นยังเด็กเกินไป เพราะมันพึ่งเกิดมาได้แค่ 5 ปีเท่านั้น 

 

“ไม่ใช่แค่พี่ใหญ่หรอก” ซูหลานว่าพลางเดินออกมายืนข้างๆอู๋หมิง ทั้งนางและอู๋หมิงต่างบอกกับองค์จักรพรรดิว่า เทียนเหวินเหมาะที่จะสืบทอดบัลลังก์ที่สุดแล้ว แม้องค์หญิง 1 จะไม่ยอมและสนับสนุนองค์ชาย 5 ที่สนิทสนมกับตนเองมากกว่าก็ตาม

 

“สเด็จพ่อถึงอยากให้ข้าแต่งงานสินะ” เทียนเหวินว่าพลางก้มหน้าลง

 

“ถูกต้อง หลังเจ้าเข้าพิธีอภิเษกแล้ว สเด็จพ่อคงประกาศให้เจ้าขึ้นเป็นรัชทายาทอันดับ 1 ต่อทันที” ซูหลานยิ้มพลางยื่นมือไปจับมือของเทียนเหวินช้าๆ แม้จะเป็นคนเสเพลไปบ้าง แต่เทียนเหวินก็เป็นคนฉลาด หากเป็นมันต้องสามารถปกครองอาณาจักรได้แน่ๆ

 

“ตะ แต่ว่า…”เทียนเหวินพูดด้วยท่าที่ลังเลมันไม่อยาก จะเชื่อเลยว่าพี่ใหญ่และพี่หญิงของมันจะสนับสนุนมันให้ขึ้นรับตําแหน่ง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันมองว่าการรับตําแหน่งเป็นเรื่องไกลตัวมาคลอดแท้ๆ

 

“แต่พวกเราก็ยังมี พี่ 2 กับ พี่ 3 อีกไม่ใช่หรือ พวกท่านอาจจะดีกว่าข้าก็ได้” เทียนเหวินว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ

 

“พวกเราโตมาด้วยกัน ทําไมข้าจะดูไม่ออกในเหล่าองค์ ชายเจ้าเป็นคนที่เหมาะที่สุดแล้ว” ซูหลานว่าพลางกุมมือน้องชายแน่น ทําไมมันถึงมีท่าที่ไม่ดีใจที่ได้รับสืบทอดตําแหน่งจักรพรรดิเลยเล่า

 

“จริงสิ น้อง 5 เองก็มีแววดีไม่ใช่หรืออย่างไร” เทียนเหวิน ว่าพลางนึกถึงน้องชายคนเล็ก แม้จะพึ่ง 5 ขวบ แต่องค์ชายอันดับ 5 ก็ฉลาดไม่น้อย สามารถอ่านเขียนได้แล้ว แถมยังถูกเลี้ยงดูภายใต้การอบรมขององค์หญิงอันดับ 1 ที่เก่งทั้งบุญทั้งอีกต่างหาก

 

“น้อง 5 ยังเด็กนะเทียนเหวิน” อู๋หมิงส่ายหน้าพลางมอง เทียนเหวินด้วยท่าที่กังวล มันเริ่มเข้าใจแล้วว่าทําไมเทียนเหวินถึงไม่อยากครองราชย์นัก

 

“ตะ แต่สเด็จพ่อก็หายดีแล้ว..ท่านครองราชย์ต่ออีกไม่กี่ปีน้อง 5 ก็จะโตพอแล้ว” เทียนเหวินว่าพลางพยายามเลี่ยงเต็มที่ ทําเอาคนไม่รู้เรื่องอะไรอย่างซูหลานได้แต่งุนงงอย่างมาก ทําไมเทียนเหวินถึงมีท่าทีต่อต้านขนาดนี้ทั้งๆที่อํานาจมากองให้ตรงหน้าแล้วแท้ๆ

 

“เป็นอะไรไปเทียนเหวิน” ซูหลานถามพลางจับมือของน้องชายแน่นขึ้น

 

“ก็…ถ้าข้าจะขึ้นครองราชย์ ข้าก็ต้องแต่งงานกับบุตรสาวของพวกขุนนางใหญ่ใช่ไหมล่ะ”เทียนเหวินพูดพลางกัดฟันแน่น

 

“ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ซูหลานขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ เรื่องนี้พวกนางต่างเข้าใจกันดีไม่ใช่หรือไม่ใช่ แค่เทียนเหวินแม้แต่ซูหลานหรือองค์หญิงองค์ชายคนอื่นๆ แล้วต่างก็โดนหมั้นหมายกันไปก่อนจะเกิดเสียอีก แม้แต่ซูหลานเองยังไม่แม้แต่จะเคยพบหน้าคู่หมั้นของนางเสียด้วยซ้ํา

 

“นั่นสินะ มันต้องเป็นเรื่องธรรมดาสินะ…”เทียนเหวินว่าพลางปล่อยมือของพี่สาวออก

 

“หากข้าบอกท่านว่าข้าอยากตะแต่งงานกับสามัยชน ท่านจะว่าอย่างไรล่ะ” เทียนเหวินถามพลางถอยออกห่างซูหลานช้าๆ ทางด้านไป๋จูเหวินและอู๋หมิงไม่ได้พูดอะไรเพ ราะทราบเรื่องอยู่แล้ว เทียนเหวินถึงกับยอมใช้อํานาจของราชวงก์เพื่อพาเหม่ยหลินไปหามารดาของเหม่ยฮวา แถมยังเดินทางไปหานางทุกครั้งที่ทําได้ในหัวใจของมันย่อมมี แต่เหม่ยฮวาแต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว

 

“สามัญชน”ซูหลานชะงักไปครู่หนึ่ง เรื่องความรักระหว่างคนในราชวงก์กับสามัญชนไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างไร แน่นอนว่ามันสามารถแต่งงานกับสามัญชนนางนั้นได้ แต่ นางจะไม่อาจเป็นมเหสีหลักเท่านั้น หรือก็คือเหม่ยฮวาได้แต่แต่งเข้าในฐานะภรรยารองเท่านั้น

 

“ หรือว่าเจ้าจะ”เหม่ยฮวาเบิกตากว้างพลางมองเทียนเหวินอย่างประหลาดใจ

 

“ข้าไม่คิดจะมีภรรยาคนอื่นอีก”เทียนเหวินว่าพลางกําหมัดแน่น ตั้งแต่ตกหลุมรักเหม่ยฮวา ตัวมันก็ลืมเรื่องสืบทอดตําแหน่งไปจนหมด มันคิดจะหาทางมอบตําแหน่งให้ องค์ชายคนอื่นเพื่อที่มันจะได้แต่งงานกับเหม่ยฮวาคนเดียว แต่เพราะอาการป่วยของสเด็จพ่อทําให้แผนของมันพังไม่เป็นท่า ใครจะไปคิดว่าสเด็จพ่อจะสละบัลลังก์เร็วขนาดนี้

 

“เทียนเหวิน ในฐานะรัชทายาทเจ้าต้องทําเพื่อบ้านเมืองมากกว่าความสุขของตนเองนะ” ซูหลานว่าพลางเลื่อนมือมาหมายจะจับแขนน้องชายของตนเอาไว้

 

“ไม่…”เทียนเหวินว่าพลางถอยออกห่างซูหลาน

 

“ข้าจะไม่รับตําแหน่ง และจะไม่อภิเษกกับคู่หมั้นที่ท่านพ่อตกลงได้หรอก” เทียนเหวินพูดจบก็หันหลังวิ่งออกไปจากสวนอย่างรวดเร็ว ทําเอาทั้ง 3 คนได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น

 

“ข้าจะตามไปเอง”ไป๋จูเหวินว่าพลางวิ่งตามเทียนเหวินไปปล่อยให้อู๋หมิงกับซูหลานอยู่ด้วยกันแค่ 2 คน