ภาค 3 บทที่ 131 เตรียมเดินทางออกจากบ้าน

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 131 เตรียมเดินทางออกจากบ้าน Ink Stone_Romance

ฟางเฉิงอวี่ยืนอยู่หน้าประตูห้องมองเห็นคุณหนูจวิน สีหน้าหนักใจเล็กน้อย

หลิ่วเอ๋อร์มองเห็นเขาแล้ว กำลังจะอ้าปากเรียก ฟางเฉิงอวี่รีบร้อนโบกมือให้นาง

แน่นอนนี่ไร้ประโยชน์

“คุณหนู นายน้อยมาแล้วเจ้าค่ะ” หลิ่วเอ๋อร์กลอกตาทีหนึ่ง ยิ่งเอ่ยสียงดัง

คุณหนูจวินเงยหน้าขึ้น ฟางเฉิงอวี่ยิ้มร่าเดินเข้ามา

“จิ่วหลิง ท่านหมอเฒ่าเฝิงส่งจดหมายมาหรือ?” เขาเอ่ยถาม “เมืองหลวงยังดีอยู่ใช่ไหม?”

คุณหนูจวินส่ายศีรษะ ส่งจดหมายให้เขา

“เมืองหลวงไม่เป็นไร มณฑลเหอเป่ยซีมีเรื่อง” นางว่า

ฟางเฉิงอวี่กวาดดูจดหมายในมือรอบหนึ่งอย่างรวดเร็ว อ่านเข้าใจคร่าวๆ

“เป็นแถบเหนือเหมือนกันรึ” เขาเอ่ย “พักนี้แถบเหนือมีเรื่องไม่น้อยเลยนะ”

เหมือนกัน?

คุณหนูจวินมองไปทางเขา

ฟางเฉิงอวี่หุบยิ้ม สีหน้าจริงจังขึ้นมา

“ชาวจินตีเมืองเหอเจียนแตก” เขาเอ่ย

เมืองเหอเจียน

คุณหนูจวินสีหน้าตกตะลึงอยู่บ้าง

ตอนนี้ฤดูร้อน ชาวจินถึงกับตีเมืองเหอเจียนแตก? นี่เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลเหอเป่ยตง

ชาวจินบุกโจมตีเมืองก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทว่าตั้งแต่เฉิงกั๋วกงรักษาแดนเหนือเป็นต้นมา ชาวจินก็โจมตีก่อเรื่องเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น นอกจากนี้ล้วนเป็นตอนฤดูหนาว

ฤดูหนาวสำหรับชาวจินแล้ว ยากทนอยู่บ้าง ดังนั้นจึงมารุกรานแย่งชิง

แต่ตีเมืองแห่งหนึ่งแตกโจ่งแจ้งกลางหน้าร้อนเช่นนี้….

“ทหารและม้าพร้อมเพรียง เป็นกองทหารม้าชาวจิน” ฟางเฉิงอวี่เอ่ย

ทหารและม้าพร้อมเพรียง เป็นกองทหารม้าชาวจิน

สีหน้าคุณหนูจวินยิ่งกลายเป็นเคร่งขรึม

ก็คือจะบอกว่านี่ไม่ใช่ทหารไร้สังกัดรุกราน แต่เป็นกองทหารพร้อมรบ คำบัญชาของประเทศ หรือก็คือสงคราม

“จะรบอีกแล้วหรือ” นางถอนหายใจเอ่ย

นับดูแล้วแดนเหนือสงบยังไม่ถึงสิบปีเลยนะ

“ทุกวันนี้บ้านเมืองสงบชาวบ้านปลอดภัย เฉิงกั๋วกงก็ยังไม่ชรา กำลังหนุ่มฉกรรจ์” ฟางเฉิงอวี่ยิ้มเอ่ย “เวลาที่ชาวจินเลือกไม่ถูกต้องอยู่นะ”

คุณหนูจวินยิ้มแล้ว กลับไม่เอ่ยวาจา

บางครั้งบ้านเมืองสงบประชาชนปลอดภัยถึงเป็นเวลาดีที่ศัตรูข้างนอกรุกราน

ใครจะบอกแน่ได้เล่า

“แต่ไม่ต้องกังวล เฉิงกั๋วกงอยู่ที่แดนเหนือสกัดชาวจินไว้แล้ว” ฟางเฉิงอวี่ยิ้มเอ่ย

คุณหนูจวินครานี้ยิ้มพลางพยักหน้า

“ใช่แล้ว มีเฉิงกั๋วกงอยู่ ข้าวางใจ” นางเอ่ย

“แต่เรื่องหน่อฝีนี่ ไม่อาจพึ่งเฉิงกั๋วกงได้แล้ว” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยขึ้น สีหน้าวิตกกังวลมองนาง “จิ่วหลิง เจ้ารู้สึกว่านี่เกิดอะไรขึ้นเล่า?”

คุณหนูจวินมองจดหมายที่ถืออยู่ในมือเขา

“หน่อฝีทำคนตายก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้” นางว่า “ตัวมันเองอย่างไรก็คือพิษ แม้พิษอ่อนแอลงมากแล้ว แต่ทุกสิ่งล้วนไม่แน่นอน”

ฟางเฉิงอวี่พยักหน้า

“ข้าเชื่อว่าหน่อฝีเป็นเรื่องดี” เขาเอ่ย

“ข้าก็เชื่อ ดังนั้นข้าไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้ส่งผลต่อการผลักดันหน่อฝี” คุณหนูจวินเอ่ย “ข้าจะไปมณฑลเหอเป่ยซีสักครั้ง”

ฟางเฉิงอวี่พยักหน้าทันที

“ดี ข้าจะเตรียมเดี๋ยวนี้” เขาเอ่ย พูดถึงตรงนี้ก็บีบนิ้วมือ “แต่ ครั้งนี้จิ่วหลิงเจ้าฟังข้าดีหรือไม่?”

คุณหนูจวินมองเขา ยิ้ม

“ว่ามาฟังสิ” นางยิ้มเอ่ย

“แดนเหนือไม่สงบอยู่บ้าง ดังนั้นข้าหวังว่าครั้งนี้เจ้าออกจากบ้าน อย่าตัวคนเดียวอีกเลย” ฟางเฉิงอวี่มองนางเอ่ยจริงจัง “พาคนผู้คุ้มกันไปเพิ่มหน่อยเถิด”

ดันนั้นนี่ก็คือเหตุผลที่ทำไมเขามาปุบก็เอ่ยเรื่องชาวจินตีเมืองเหอเจียนแตก  ความจริงสิ่งที่จะบอกก็คือแดนเหนือไม่สงบ

เมืองเหอเจียนเพิ่งเกิดเรื่อง ฟางเฉิงอวี่ก็รู้แล้ว นับดูเวลานี้ฮ่องเต้ก็เพิ่งได้รับข่าวเองกระมัง

เต๋อเซิ่งชางอยู่ในมือเขาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นจริงๆ

เรื่องนี้เขาก็รู้ตั้งแต่แรก เรื่องหน่อฝีฝั่งนั้นของมณฑลเหอเป่ยซีเขาก็ต้องรู้แน่

เขาก็รู้ว่าตนเองต้องไปแน่นอน กล่อมก็กล่อมไม่ได้แน่ๆ เพียงหวังว่านางจะพาคนไปมากสักหน่อย

คุณหนูจวินยื่นมือลูบศีรษะเขา

“เอาสิ” นางเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นก็ลำบากเจ้าแล้ว นอกจากเตรียมเงิน ยังต้องเตรียมคนให้ข้าอีก”

ฟางเฉิงอวี่แย้มรอยยิ้ม ยื่นมือตบหน้าอก

“ให้ข้าจัดการเอง” เขาเอ่ยแล้วคิดอะไรขึ้นมาได้อีก “แต่ จิ่วหลิงหลังจากนี้เจ้าไม่ต้องลูบศีรษะข้าแล้ว ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดัง

“ตกลง เฉิงอวี่ของพวกเราเป็นผู้หใญ่แล้ว” นางเอ่ย

……………………………………….

ตลอดมาคุณหนูจวินเป็นคนที่บอกจะไปก็ไป วันต่อมาก็บอกเรื่องนี้กับผู้คนตระกูลฟาง

พวกนายหญิงผู้เฒ่าฟางย่อมไม่ขัดขวาง เพียงถอนหายใจ

“จะทำอะไรสักอย่างยากจริงๆนะ” พวกนางเอ่ย

“ปัญหาน่าจะไม่ใหญ่” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย

“ใช่แล้ว ที่สำคัญคือปลอบประโลม เจินเจินเพียงต้องไปที่นั่นเดินๆ คำพูดของนางคงทำให้ชาวบ้านเชื่อมากกว่าคำอธิบายของพวกหมอขุนนางเหล่านั้น” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ย

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปรีบกลับ” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ย

สาวใช้ที่กำลังคุยเล่นอยู่วิ่งเข้ามา

“คุณหนูจวิน” นางไม่เอ่ยกับนายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟาง แต่มองคุณหนูจวิน “คุณชายหนิงส่งจดหมายมาหาท่าน”

เจ้าหนูนี่ มาอีกแล้ว นายหญิงผู้เฒ่าฟางเลิกคิ้ว จะเอ่ยอะไรก็มองเห็นฟางเฉิงอวี่มองนางอยู่ กะพริบตาโตๆ ไม่หยุด

“อั้ยโยะ จดหมายของจอหงวนหนิงรึ” นางเร่งเสียงดังตะโกนเอ่ย “หายากจริงๆ”

เสียงกะทันหันนี่ทำคนในห้องตกใจสะดุ้งโหยง

ฟางเฉิงอวี่อดไม่อยู่หวิดส่งเสียงหัวเราะออกมา ส่วนฟางอวี้ซิ่วตบหน้าอก

“ท่านย่า ท่านตื่นเต้นยิ่งกว่าเจินเจินเสียอีก” นางเอ่ย “หากท่านปู่ยังอยู่ ต้องไม่พอใจแน่”

ทุกคนคิดตลบหนึ่ง ถึงเข้าใจว่านางหยอกล้อ พลันประสานเสียงหัวเราะออกมา

“เจ้าสาวน้อยคนนี้ กระทั่งข้ากับปู่ของเจ้าก็กล้าไล่เรียงแล้ว” นายหญิงผู้เฒ่าฟางหัวเราะเอ็ด

คุณหนูจวินด้านนี้ก็ยิ้มรับจดหมายไป ที่จริงคือกระดาษข้อความแผ่นหนึ่งที่พับไว้

“นัดข้าวันพรุ่งนี้พบกันที่หอซุ่นเต๋อ” นางเอ่ย

คนในห้องสบตากันทีหนึ่ง เงียบกริบไม่ส่งเสียง

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าจะพบหรือไม่พบ?” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยถาม

ทำไมถามอย่างระมัดระวังเช่นนี้? คุณหนูจวินมองนางอย่างไม่เข้าใจอยู่บ้างทีหนึ่ง

“พบสิ” นางว่า “เขาก็อาจรู้แล้วว่า…”

นางยังพูดไม่ทันจบ นายหญิงผู้เฒ่าฟางก็ตบมือทีหนึ่ง

“พบ” นางเอ่ยเสียงดัง “แน่นอนต้องพบ ก่อนหน้านี้เจินเจินของพวกเราอยากพบคุณชายหนิงล้วนพบไม่ได้ ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายมาพบเอง พวกเราย่อมต้องพบ”

พูดพลางนายหญิงผู้เฒ่าฟางก็โบกมือ

“เจ้าไปจัดการสักหน่อย วันพรุ่งนี้เหมาหอซุ่นเต๋อเสีย”

เหมา?

คุณหนูจวินอึ้งนิดหน่อย

“นี่ ไม่ต้องกระมัง…” นางเอ่ย

แต่ในห้องครึกครื้นขึ้นมาแล้ว

นายหญิงใหญ่ฟางขานรับ ส่วนนางหยวนก็ร้องเรียกบรรดาสาวใช้เตรียมรถม้าออกจากบ้าน

“ผู้ใดมาส่งจดหมายให้คุณชายหนิง? เชิญเข้ามาดื่มชาหรือยัง?” นางหยวนก็เอ่ยถามเสียงดัง “ใส่ซองแดงให้เขา”

จะรั้งไว้ทานอาหารสักมื้อด้วยไหม

คุณหนูจวินคิด มองความคึกคักในห้อง จนปัญหาอยู่บ้างส่ายศีรษะยิ้ม

เมื่อวานซืนยังขวางตนไม่ให้พบหนิงอวิ๋นเจาอยู่เลยนะ วันนี้นี่คือยังไง? ทำไมอยู่ดีๆ อยากตะโกนบอกทั้งเมืองให้รู้ว่าหนิงอวิ๋นเจาพบหน้ากับตนเองแล้วเล่า?

แต่ พวกนางดีใจก็ดี

บางที จวินเจินเจินก็คงดีใจมาก

นี่เป็นเรื่องที่นางคาดหวังแต่ไม่ได้เห็นมาตลอดสินะ

……………………………………….