แดนนิรมิตเทพ บทที่ 459
จริงๆ แล้วมู่หรงเค่อก็ชื่นชมเฉินโม่อยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่คิดจะรับเขาเข้ามาเป็นลูกน้องเพื่อสั่งสอนหรอก แต่ว่ามู่หรงเค่อพบว่า ความบ้าคลั่งของเฉินโม่มันเกิดจุดที่เขาคาดคิดไว้ ต่อให้เป็นเขาเองก็กลัวว่าจะควบคุมไม่ได้เหมือนกัน

“ดูเหมือนว่ายานเอ๋อร์จะชอบไอ้เด็กคนนี้ ถ้าให้โจวเทียนวั่งลงมือได้ตามใจ แล้วยานเอ๋อร์รู้ว่าผมไม่เห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วยเหลือ คงจะเกลียดผมมาก อีกอย่างวันนี้ก็เป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบ18ปีของยานเอ๋อร์ ลงไม้ลงมือกันมันก็จะไม่สมควร ถ้าให้โจวเทียนวั่งมาลงมือในนี้ ก็จะเป็นการด้อยเกียรติของตระกูลมู่หรง” มู่หรงเค่อคิดอยู่ในใจ ไม่นานก็ตัดสินใจได้

“พี่โจว วันนี้เป็นวันเกิดของยานเอ๋อร์ ผมไม่หวังว่าจะมีคนมาสู้กันในงานนี้ เห็นแก่หน้าผมได้ไหม เรื่องนี้พักเอาไว้ก่อน ถ้ามันกลับออกไปจากวิลล่าชิงหลงแล้ว พี่จะทำอะไรก็ตามใจเลย!”

โจวเทียนวั่งก็มองมู่หรงเค่อ สองคนจ้องหน้ากันเป็นนาที คนอื่นๆ ก็แทบจะหยุดหายไปด้วย เหมือนจะมีกลิ่นอายของไปสงครามแพร่ไปทั่วในอากาศ

ลุงสุ่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังของมู่หรงเค่อ ก็ก้าวออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ พลังอันแข็งแกร่งถูกปล่อยออกมา

คุณชิวที่ร่างผอมๆ ก็สีหน้าเปลี่ยน พลังของลุงสุ่ยถึงระดับแดนในชั้นสูงสุดแล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้

คุณชิวส่งสายตาให้กับโจวเทียนวั่ง โจวเทียนวั่งก็เลยอดกลั้นความโกรธในใจเอาไว้ แล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “อย่างนั้นก็ได้ เห็นแก่หน้าของน้องมู่หรง คุณชิว พวกเรากลับ!”

มู่หรงเค่อยกมือคำนับ “ขอบคุณพี่โจวมาก!”

โจวเทียนวั่งมองเฉินโม่ สายตาก็เผยความอาฆาตที่ไม่ปกปิดเลยแม้แต่น้อย “ไอ้หนู ครั้งนี้ถือว่ามึงโชคดี แต่อย่าให้กูเจอมึงข้างนอกก็แล้วกัน!”

โจวเทียนวั่งก็หน้าบึ้งจากไป หยู่เหวินเฉิงกับหยู่เหวินฟางเฟยก็หน้าแหยๆ แต่ในเมื่อมู่หรงเค่อก็พูดแบบนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเอาเรื่องเฉินโม่ต่อไป

“ไอ้เฉินโม่ ถือว่ามึงโชคดีไป!” สองพี่น้องตระกูลหยู่เหวินก็ต้องกลับออกไปอย่างไม่อยากรามือ

ทุกคนที่มามุงดู ก็ค่อยๆ กลับออกไป แต่ว่าสายตาที่มองมายังเฉินโม่ กลับเผยมีความเขม่นๆ หาเรื่องตระกูลโจวกับตระกูลหยู่เหวินพร้อมกัน ในสายตาของพวกเขาเฉินโม่เหมือนเป็นคนที่ตายไปแล้ว

ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินโม่ไม่มีสีหน้าอารมณ์ใดเลย หน้านิ่งๆ เหมือนกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้อกับเขา ต่อให้เผชิญหน้ากับการข่มขู่ของโจวเทียนวั่ง เฉินโม่ก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

มู่หรงเค่อก็มีสายตาสับสน จะว่าไปแล้วเขาก็ชอบนิสัยของเฉินโม่ ภูเขาพังทลายตรงหน้าก็ยังคงไม่เผยสีหน้าอารมณ์ใดๆ แต่ความนิ่งแบบนี้มาปรากฏบนตัวของเด็กมัธยมปลาย มันก็ดูเปลี่ยนไปคนละแบบ

นี่มันไม่ใช่การสงบนิ่ง แต่เป็นการอวดดีอย่างบ้าๆ อวดดีอย่างไม่สนใจทุกสิ่งตรงหน้า

และการกระทำของเฉินโม่ มันก็ดูอวดดีเกินไปจริงๆ ถ้าให้เขาเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันจะอันตรายมาก

มองดูเฉินโม่ มู่หรงเค่อก็เลยตัดสินใจจะเตือนเข้าสักครั้ง ถือว่าจะได้ไปบอกกับยานเอ๋อร์ได้

“เอ็งตามมานี่” มู่หรงเค่อมองเฉินโม่ แล้วก็พาลุงสุ่ยกลับออกไป

เฉินโม่ขมวดคิ้ว ครุ่นคิด สุดท้ายก็ตามไปด้วย

ตอนที่เดินผ่านข้างๆ พวกของอานเข่อเยว่ เฉินโม่ไม่ได้มองใครเลยสักคน ทำให้พวกลูกเศรษฐีทั้งหลายต่างพากันซุบซิบนินทา

หยูเจียหาวก็มีสีหน้าไปพอใจ “น่าโมโหจริงๆ เกือบจะได้เห็นหมอนั่นโดนจัดการอยู่แล้ว คุณมู่หรงกลับโผล่ออกมาช่วยมันไว้ หมอนี่มันโชคดีไม่ธรรมดาจริงๆ !”

พวกของเจิ้งหยวนฮ่าวก็แอบผิดหวัง แต่ว่าพวกเขารู้ดีว่าเฉินโม่แค่รอดไปก่อนชั่วคราว พอออกไปจากวิลล่าชิงหลงตระกูลโจวกับตระกูลหยู่เหวินไม่ปล่อยเขาไปแน่

อานเข่อเยว่ก็มีสายตาดีใจ ในขณะเดียวกันก็เสียดาย เธอไม่อยากเห็นเฉินโม่ต้องมาจบชีวิต แต่ก็อยากจะให้ใครสักคนมาเอาชนะความโอหังของเขาลงบ้าง ให้เขารู้จักเพลาๆ ความอวดดีลงบ้าง

“ทำไมเขาถึงโชคดีแบบนี้ตลอดเลย ช่วงเวลาสำคัญ ก็จะมีคนมาช่วยเขาไปได้ทุกครั้งเลย แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป โชคของนายสักวันก็จะถูกใช้จนหมด!”

มองดูเฉินโม่เดินตามมู่หรงเค่อกลับออกไป อานเข่อเยว่ก็มีสายตาสับสน