หลินฟานพูดคุยกับแอร์โฮสเตสสาวขณะขับรถ บรรยากาศในรถนั้นผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

และในช่วงเวลานี้ ทั้งสองก็ได้เริ่มแนะนำตัวกัน

จากนั้นหลินฟานก็ได้รู้ว่าแอร์โฮสเตสสาวมีชื่อว่าฉิวจือเฉียน

ตามที่ฉิวจือเฉียนบอก บ้านของเธออยู่ใกล้ๆนี้เอง

ประมาณสิบนาทีเท่านั้น หลินฟานก็ขับมาถึงชุมชนที่ค่อนข้างเก่าเล็กน้อย

สภาพแวดล้อมของชุมชนนี้ไม่ค่อยดีนักเท่าไหร่ แต่สถานที่ที่ฉิวจือเฉียนอาศัยอยู่นั้นค่อนข้างจะสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อย

ฉิวจือเฉียนแนะนำ “นี่คือบ้านที่ฉันเช่าร่วมกับแอร์โฮสเตสอีกคนหนึ่ง แต่วันนี้เธอพึ่งบินไปต่างประเทศและน่าจะกลับมาในอีกสองสามวันข้างหน้า”

ตอนนั้นเอง เธอก็บังเอิญเห็นไวน์แดงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะพอดีจึงหันไปถามหลินฟานว่า “คุณอยากดื่มไวน์ไหม?”

หลินฟานพยักหน้าตกลง

“ป่อก!”

ไวน์แดงค่อยๆถูกรินลงในแก้ว

จากนั้นหลินฟาน ก็หยิบแก้วไวน์แดงขึ้นมาแล้วเขย่าเบา ๆ เขาวางมันไว้ใต้จมูกแล้วสูดดมกลิ่นเหมือนทุกครั้ง

ต่อมาเขาก็ค่อยๆเทมันเข้าไปในปากของเขา

การเคลื่อนไหวของหลินฟานอ่อนโยนและสง่างามเหมือนอย่างเคย

ราวกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ที่ทรงเสน่ห์อย่างยิ่ง

ทักษะยอดนักดื่ม!

เดิมที ฉิวจือเฉียนต้องการใช้ไวน์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีขึ้น

แต่ ณ เวลานี้ เธอสับสนและหลงเสน่ห์ของหลินฟานเป็นที่เรียบร้อย

【ติ๊ง! ออร่าเสน่ห์ กระตุ้นความรัก รักแล้วไม่สามารถลืมได้ 】

ในที่สุด ฉิวจือเฉียนก็ไม่สามารถเก็บความรู้สึกของเธอเอาไว้ได้ จากนั้นเธอได้กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของหลินฟาน

พระอาทิตย์ส่องแสง นกกางปีก และหญ้าที่พริ้วไหวไปมา

…………

ในชั่วพริบตานั้น พลบค่ำก็มาเยือน

ฉิวจือเฉียนเช็ดน้ำตาแห่งความสุขที่ไหลออกมาจากหางตาของเธอ และได้ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความยากลำบาก

หลินฟานถาม “คุณสบายดีใช่ไหม คุณควรพักต่ออีกสักนิดนะ”

ฉิวจือเฉียนพูดอย่างแผ่วเบา”ฉันสบายดี คุณหิวอะไรหรือป่าวฉันทำอาหารให้คุณกินได้นะ”

“คุณทำอาหารเป็นด้วยงั้นหรอ” หลินฟานถามด้วยความประหลาดใจ

ต้องบอกก่อนว่า คนหนุ่มสาวสมัยนี้แทบจะไม่เคยเข้าครัวกันเลย

และโดยทั่วไปแล้วสาวสวยอย่างฉิวจือเฉียนก็ไม่เหมือนกับคนที่จะทำอาหารเป็น

ฉิวจือเฉียนกล่าวว่า “ทานอาหารนอกบ้านมื้อเดียวมันแทบจะใช้เงินเท่ากับการทำอาหารกินเองที่บ้านหนึ่งวันเลยนะ แล้วถ้าอยากจะพิชิตใจชายก็ต้องพิชิตท้องเขาให้ได้ซะก่อน ฉันเลยตั้งใจฝึกฝนการทำอาหารเป็นอย่างดี”

หลินฟานได้ยินแล้วก็อดยิ้มไม่ได้

หลังจากนั้นฉิวจือเฉียนก็ได้เข้าครัวเพื่อไปทำอาหาร

ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เธอก็นำอาหารที่ดูน่าอร่อยๆออกมาเสิร์ฟหลินฟาน

“รสชาติดีมากเลย!” หลินฟานอุทานด้วยความชื่นชม

ฉิวจือเฉียนเองก็มีความสุขมากหลังจากที่ได้ยินคำชม เธอพูดว่า “ถ้าคุณชอบ ก็กินให้เยอะๆเลยนะ ถ้าไม่พออิ่มเดี๋ยวฉันจะทำมาเพิ่มให้อีก ”

“ได้สิ งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ” หลินฟานกล่าว

หลังจากนั้น ข้าวเปล่าสองจานและกับข้าวอีกห้าอย่างก็ถูกหลินฟานกินจนหมด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอิ่มและความพึงพอใจ

“ต่อก ต่อก ต่อก!”

ทันใดนั้น ก็ได้มีเสียงดังมาจากนอกหมูบ้าน

หลินฟานเดินตรงไปที่หน้าต่าง เขามองไปยังรถขุดที่อยู่ไม่ไกลแล้วถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ฉิวจือเฉียนพูด “แถวนี้กำลังมีการสร้างถนนอยู่พอดี เลยมีเสียงดังนิดหน่อยน่ะ”

“สภาพแวดล้อมที่นี่เลวร้ายเกินไปจริงๆ ให้ผมหาที่อยู่ใหม่ให้คุณมั้ย” หลินฟานกล่าว

ฉิวจือเฉียนยิ้มและพูดว่า “คุณต้องการให้ฉันไปอาศัยอยู่ในบ้านของคุณหรอ”

หลินฟานพูด “ไม่ใช่อย่างนั้น ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทลัยเจียงเป่ย และอาศัยอยู่ที่หอพัก … ”

เมื่อฉิวจือเฉียนได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็เต็มไปด้วยความสงสัย

เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ผู้ชายที่ใส่แต่เสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัว ทั้งยังใส่นาฬิกา วาเชอรอง คอนสแตนติน ตูร์เดล และขับรถหรูอย่างลัมโบร์กินี่จะยังคงเป็นนักศึกษาอยู่

ฉิวจือเฉียนพูดอย่างสงสัย “ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณจะสามารถหาที่อยู่ให้ฉันได้จริงหรอ?”

หลินฟานยิ้มและแตะจมูก เขาคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร

หลังจากนั้นหลินฟานก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและกดเบอร์ของผู้จัดการหานเทียน

……

สำนักงานเหลียนเจีย ณ ห้องประชุม

หานเทียน ที่กำลังนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะได้หยิบเอกสารขึ้นมา และเริ่มอธิบายอย่างละเอียดถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องของบริษัทและสภาวะการตลาด

พนักงานทุกคนเองก็ตั้งใจฟังอย่างรอบคอบและทำการจดบันทึกอยู่ตลอด

“กริ๊งงง!”

ตอนนี้ โทรศัพท์ของหานเทียน ได้ส่งเสียงดังขึ้นมา

แต่หลังจากที่เห็นชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ เธอก็แสดงสีหน้าออกมาทันที เธอตกใจเป็นอย่างมาก

หานเทียนโยนเอกสารในมือลงทันทีและกดรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

“คุณหลิน สวัสดีค่ะ” หานเทียนพูดเบาๆ

“คุณหานสบายดีไหม ผมโทรมาเพื่อถามคุณเกี่ยวกับเรื่องบ้าน พอจะมีบ้านพักที่มีสภาพแวดล้อมดีๆบ้างหรือป่าว” หลินฟานกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

หานเทียนคิดอยู่สักแปปก่อนจะพูดว่า “ถ้าคุณไม่ได้เจาะจงพื้นที่มาโดยเฉพาะ งั้นฉันขอแนะนำพื้นที่แถวชุมชนยี่เกอ และชุมชนเฉียวหูนะคะ”

“ชุมชนทั้งสองนี้ถือว่าเป็นชุมชนสีเขียวและเป็นที่ดินที่ดีที่สุดในจังหวัดเจียงเป่ย”

“มันตั้งอยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยม มีสวนสาธารณะอยู่ภายในระยะสิบกิโลเมตร มีธุรกิจขนาดใหญ่ โรงพยาบาล และเรื่องของการเดินทางเองก็สะดวกมากเช่นกัน”

“นอกจากนี้ ชุมชนยี่เกอและชุมชนเฉียวหูยังขายแฟลตขนาดใหญ่ที่มีขนาดกว่า 150 ตารางเมตร ดังนั้นจึงสะดวกสบายมากที่จะอาศัยอยู่ที่นั่น”

หากถ้าเป็นคนธรรมดาที่เข้ามาถาม หานเทียนจะไม่แนะนำชุมชนยี่เกอและชุมชนเฉียวหูอย่างแน่นอน

เพราะอะไรงั้นหรอ……

ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมที่ตั้งของชุมชนยี่เกอและชุมชนเฉียวหูนั้นไร้ที่ติมาก

แต่ว่าราคาของมันก็สูงมากเช่นกัน

แต่หลินฟานนั้นแตกต่างออกไปจากคนปกติพวกนั้น

เขาเป็นถึงเจ้าของคอนโดทั้งหลังในหว่านเจีย และด้วยราคาเพียงเท่านี้สำหรับเขามันคงจะเป็นเรื่องเล็กมากๆ

เป็นไปตามที่หานเทียนคาดเอาไว้

หลังจากที่หลินฟานได้ฟัง เขาก็พยักหน้าทันทีและพูดว่า “คุณสรวจสอบให้หน่อยว่าทั้งสองชุมชนนี้ยังมีบ้านว่างอยู่หรือป่าว”

“มีค่ะ” หานเทียนยืนยัน

“คุณกำลังมีเรื่องยุ่งๆอยู่หรือป่าว ถ้าคุณไม่ว่างก็ส่งคนมาแนะนำบ้านให้ผมแทนก็ได้นะ” หลินฟานกล่าว

แม้ว่าหานเทียนจะเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย แต่เธอมีความเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นคนแนะนำบ้านให้หลินฟาน

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอกำลังยุ่งอยู่ หลินฟานเองก็ไม่อยากรบกวนเธอเช่นกัน

และหูเทียนก็ได้ตอบกลับมา “ฉันไม่ยุ่งเลยค่ะ ตอนนี้ฉันว่างพอดีเลย… ถ้างั้นเราไปเจอกันที่ชุมชนยี่เกอเลยดีมั้ย? คุณคิดว่าไง”

“ดีเลย” หลินฟานกล่าว

หานเทียนวางสายแล้วได้ลุกขึ้นพร้อมกับพูดว่า “สรุปเนื้อหาด้วยตัวเองกันไปก่อนนะ”

หลังจากที่พูดจบ เธอก็รีบเดินออกไปจากห้องประชุมทันที

เหลือเพียงกลุ่มพนักงานในห้องประชุมที่กำลังสับสนมึนงงกันอยู่

ผู้จัดการหานเทียนเพิ่งจะเป็นคนบอกเองแท้ๆ ว่าการประชุมครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ?

แต่ให้มาสรุปเองเนี่ยนะ?

เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้อมูลในเอกสารนั่นมันคืออะไร แล้วเราจะสรุปกันได้ยังไง?

……

หานเทียนไม่มีทางรู้ความคิดของพนักงาน

หลังจากที่เธอได้ออกจากสำนักงาน เธอก็ขับรถ BMW 530LI สีแดงตรงไปยังชุมชนยี่เกอด้วยความรวดเร็ว

ตอนนี้หานเทียนได้มาถึงเป็นที่เรียบร้อย แต่เหมือนหลินฟานจะยังไม่มา

ระหว่างที่รอ เธอจึงหยิบกระจกสำหรับแต่งหน้า ลิปสติก และรองพื้นแล้วได้แต่งหน้าอยู่ข้างในรถ

“บรื้นน!”

เมื่อได้ยินเสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังมาจากระยะไกล หานเทียนก็สังเกตเห็นลัมโบร์กินี่ สุดเท่ของหลินฟานที่กำลังขับตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว

เธอจึงรีบเปิดประตูและลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ลัมโบร์กินี่ได้หยุดลง หลินฟานก็ได้เปิดประตูลงมาแล้วกล่าวทักทาย “ผู้จัดการหานคุณมารอนานแล้วหรือยัง”

หานเทียนส่ายหัวแล้วยิ้ม “ไม่นานเลยค่ะ ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง”

ในวินาทีต่อมา ร่างกายของหานเทียนก็ถึงกับแข็งทื่อทันที

เพราะมีสาวสวยคนหนึ่งได้เดินออกมาจากรถแลมโบกินีของหลินฟาน

และนอกจากนี้ สาวสวยคนนี้ยังก้าวเข้ามาจับแขนของหลินฟานด้วยความรักใคร่