กู่ฉิงซานลอยขึ้นไปตามสายลม

ภูเขาน้ำแข็งตั้งอยู่สุดขอบเมืองอันไกลลิบ

เมื่อเทียบความเร็วการเหาะแล้ว มารทรงพลังตนอื่นที่ว่าเร็วกว่า

มารทมิฬที่ปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีเทาวูบไหวในอากาศหลายครั้ง ผ่านกู่ฉิงซานไปก่อนจะถึงท้องนภาเหนือภูเขาน้ำแข็งแทบจะในทันที

“หลบไป”

เขาคำราม

พวกมารที่กำลังโจมตีหยุดมือตนแล้วตนเล่าก่อนถอยออกมา

พวกมันสังเกตเห็นเช่นกันว่าการโจมตีนั้นทำให้งูทะเลยักษ์เต็มไปด้วยโลหิต งูทะเลยักษ์ไม่ตอบสนอง ทั่วร่างไม่ขยับไปไหน

ดูเหมือนการโจมตีเหล่านั้นจะไม่เป็นผลอะไรเลย

พวกมารหยุดมือ บาดแผลทั้งหมดของงูทะเลยักษ์เริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็ว

มารทมิฬมองงูทะเลอายุสามสิบล้านปีที่อยู่ด้านล่าง

เปลวเพลิงสีเทาไม่มีสิ้นสุดทะยานออกมาจากตัวเขาก่อนค่อยๆ กลืนกินเข้าไปทั้งตัว

เขาพุ่งขึ้นสูงสู่ท้องนภาขณะถือกลุ่มเปลวเพลิงสีเทาที่ปกคลุมท้องนภาเอาไว้ในมือข้างหนึ่งก่อนพลันโยนลงมา

เปลวเพลิงสีเทากระแทกใส่งูทะเลราวกับดาวตก

เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายที่อยู่ในเปลวเพลิงนี้ งูทะเลพลันโผล่ขึ้นมาจากท้องทะเล อ้าปากขนาดใหญ่แล้วกัดเปลวเพลิงสีเทาที่ตกลงมาจากท้องนภา

เบื้องหน้าฉากอันน่าตกตะลึงนี้ มารตนอื่นทำได้แค่ถอยออกมาด้วยความอับอาย

ไม่มีใครอยากได้รับผลจากการต่อสู้ครั้งนี้

ผู้ตัดสินที่ถือกิโยติน จ้าวแห่งความเงียบและกู่ฉิงซานล้วนหยุดอยู่กลางอากาศขณะมองการโจมตีอันเฉียบขาดนี้

ผู้ตัดสินถอนหายใจออกมา “ทันทีที่มาถึงก็ใช้เปลวเพลิงสีเทากลืนกินชีวิตทันที ดูท่าเรื่องราวคงจะจบแล้วล่ะ”

เมื่อรู้ว่าจ้าวแห่งความเงียบและราชาวิญญาณมารกำลังมองอยู่ เขาอธิบายว่า “มารทมิฬคือผู้ใช้เปลวเพลิงสีเทากลืนกินชีวิตได้ดีที่สุด เวลาเผชิญกับบางสิ่งที่ข้องเกี่ยวกับชีวิต เขาจะกลืนกินพลังชีวิตของอีกฝ่ายเพื่อรักษาการเผาไหม้ของตัวเองเอาไว้จนกว่าอีกฝ่ายจะตายจนไม่มีพลังชีวิตให้กลืนกินอีก เมื่อนั้นเปลวเพลิงสีเทาจึงจะดับลง”

หัวใจของกู่ฉิงซานสั่นสะท้าน

นี่เป็นทักษะที่เป็นปัญหาเอาเรื่อง ด้วยทักษะนี้ เกรงว่าไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะจัดการศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง

ระบบลี้ลับเป็นเช่นนี้เสมอ ด้วยการหลอมรวมโดยบังเอิญของแหล่งกำเนิดโลกอันไร้ที่สิ้นสุดกับพลังวิญญาณ พลังวิเศษที่คาดไม่ถึงจะถือกำเนิดขึ้นมา

สำหรับการต่อสู้ ความสามารถจากระบบลี้ลับไม่ต้องใช้เหตุผลใดๆ เลย

ตอนนี้ เปลวเพลิงสีเทาไม่มีสิ้นสุดปะทะเข้ากับงูทะเลยักษ์

ซู่

เปลวเพลิงสีเทาร้อนแรงพลันปรากฏขึ้นบนร่างของงูทะเลยักษ์

เปลวเพลิงร้อนแรงโหมกระหน่ำจนถึงท้องนภา

งูทะเลยักษ์แผดเสียงกรีดร้องน่าสะพรึงออกมา

มันบิดตัวดิ้นรนไปมาท่ามกลางเปลวเพลิงราวกับกำลังหักห้ามความเจ็บปวดอันมหาศาล

สูงขึ้นไปบนท้องนภา มารทมิฬค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา

อีกฝ่ายไม่ได้ซ่อนตัว

ช่างโง่เขลานัก

ขอแค่ถูกเปลวเพลิงแยกชีวิตเข้าไป สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็มีแต่ต้องถูกเผาจนตัวตาย

มารทมิฬมองงูทะเลยักษ์ดิ้นไปมาจนถึงแก่ความตายในที่สุด เมื่อนั้นมารทมิฬจึงลงไป

มีคนกล่าวว่ามีสมบัติอยู่ในสัตว์ประหลาดทะเลที่มีชีวิตมาหลายพันปีเสมอ แต่ไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดทะเลตัวนี้จะมีอะไร

ตัวนี้เขาเป็นคนสังหารเอง จึงไม่มีใครสามารถเข้ามาแย่งได้

สมบัติต้องเป็นของนายท่าน หากนายท่านอนุมัติจึงจะเป็นของเขา

ดีมาก ต้องแบบนั้นแหละ

นี่คือความคิดสุดท้ายของมารทมิฬ

ท่ามกลางเสียงอุทานจำนวนมาก เปลวเพลิงสีเทาที่เข้มยิ่งกว่าพลันพวยพุ่งจากงูทะเลยักษ์ก่อนกระแทกใส่มารทมิฬโดยตรง เพียงอึดใจเดียวก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน

ในเวลาเดียวกัน งูทะเลยักษ์พลันเริงร่าขึ้นมาจนกลับมามีกำลังวังชาอีกครั้ง

เปลวเพลิงสีเทาหายไปสิ้น

บาดแผลทั้งหมดก็หายไป

ดูเหมือนมันจะกลับสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง

พวกมารต่างตกตะลึง

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น

พวกมันเห็นร่องรอยความโหดเหี้ยมและความเหยียดหยันในดวงตาของงูทะเลยักษ์

มันส่งกระแสจิตไปทุกทิศทาง

“เผาชีวิตข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าโง่ ข้ายังมีชีวิตเหลืออีกหลายร้อยล้านปีเลยนะ”

จากนั้นพวกมารจึงตอบสนอง

ใช่แล้ว นี่คือสัตว์ประหลาดทะเลโบราณ!

มันมีอายุขัยยืนยาวนัก

เปลวเพลิงแยกชีวิตจะเผาไหม้จนกว่าจะตาย ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปีจึงจะเผาจนหมดสิ้น

แต่ทำไมเปลวเพลิงแยกชีวิตบนงูทะเลยักษ์ตัวนี้ถึงได้หายไปล่ะ

ทำไมมารทมิฬถึงถูกสังหารด้วยทักษะของตัวเองล่ะ

พวกมารต่างสับสน

ผู้ตัดสินคำรามออกมา “บัดซบ! ไม่อยากจะเชื่อ ทำไมมารทมิฬถึงถูกฆ่าด้วยเปลวเพลิงของตัวเองล่ะ!”

เขาหยิบกิโยตินที่อยู่ด้านหลังออกมา

กู่ฉิงซานเห็นแววตาของอีกฝ่ายก่อนเกลี้ยกล่อม “รอเดี๋ยวก่อน ดูเหมือนมันจะมีทักษะสะท้อนกลับพิเศษ อย่าโจมตีบุ่มบ่าม”

ผู้ตัดสินพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา “ข้าก็สัมผัสได้เช่นกันว่าผิวหนังของมันอาจจะสะท้อนทุกการโจมตีได้ แต่มันเปล่าประโยชน์เมื่อเจอกับข้า”

เขาโยนกิโยตินออกไป

“สังเวย เก้าชีพช่วงชิงวิญญาณ!”

ผู้ตัดสินตะโกน

ฉับพลันนั้นเอง มารเก้าตนที่อยู่บนท้องนภาส่งเสียงคร่ำครวญ

พวกมันระเบิดเป็นโลหิตจำนวนมากก่อนกลับเข้าสู่กิโยตินตนแล้วตนเล่า

“มารพวกนี้เป็นลูกน้องของข้า ทีนี้ข้าสังเวยพวกมันเพื่อจะแก้แค้นให้กับมารทมิฬ ท่านลอร์ดทั้งสอง โปรดอย่าก้าวก่าย” ผู้ตัดสินกล่าว

หลังจากนั้น ไม่ว่าจ้าวแห่งความเงียบและราชาวิญญาณมารจะตอบสนองอย่างไร เขาก็ลงมือใช้งานทักษะลี้ลับแล้ว

กิโยตินได้รับโลหิตเก้าก้อนก่อนพองตัวเป็นโครงกระดูกสีโลหิต มันเหาะเข้าไปหางูทะเลยักษ์ด้วยความเร็วที่สูงยิ่ง

“วิชาวิญญาณ…” กู่ฉิงซานพึมพำ

เขารู้สึกถึงผลกระทบต่อวิญญาณจากวิชาลี้ลับนี้

เมื่องูทะเลยักษ์เห็นโครงกระดูกสีโลหิตนี้ ดวงตาเหยียดหยันพลันแข็งกร้าวมากขึ้น

มันอ้าปากแล้วดูดเข้าไป จากนั้นก็อาเจียนออกมา

โครงกระดูกโลหิตพลันหายไป

ไม่ช้า หัวกะโหลกปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

คราวนี้ หัวกะโหลกปรากฏขึ้นตรงหน้าผู้ตัดสิน

มันจมเข้าสู่ร่างของผู้ตัดสินทันที

เพียงอึดใจเดียว

ภูตผีพุ่งออกจากร่างของผู้ตัดสินก่อนทะยานสูงขึ้นสู่ท้องนภา

นั่นคือวิญญาณของผู้ตัดสิน!

โครงกระดูกโลหิตขยับเข้าใกล้ขณะคว้าวิญญาณของผู้ตัดสินเอาไว้แล้วกอดเอาไว้แน่น

“อย่า!”

วิญญาณของผู้ตัดสินกรีดร้องด้วยความสิ้นหวัง

โครงกระดูกโลหิตกลายเป็นกิโยตินก่อนฟาดฟันใส่อากาศ!

วิญญาณของผู้ตัดสินถูกฟันเป็นสองส่วนก่อนหายไปในท้องนภา

ร่างของเขาจมดิ่งสู่ท้องทะเล มีเพียงละอองเล็กๆ ปรากฏขึ้น จากนั้นจึงไม่เห็นอะไรอีก

ทั่วทั้งท้องนภา พวกมารทั้งหมดที่ออกไปสู้ถูกสังหารโดยงูทะเลยักษ์

มีเพียงจ้าวแห่งความเงียบและราชาวิญญาณมารที่ยังรอดอยู่เพราะไม่ได้ลงมือ

“วิชาวิญญาณก็สามารถส่งผลสะท้อนกลับได้ เจ้าจะทำยังไงล่ะ” กู่ฉิงซานถามเสียงต่ำ

จ้าวแห่งความเงียบรู้เช่นกันว่าสถานการณ์อันตรายยิ่งนัก นางจึงส่งกระแสจิตมาหากู่ฉิงซาน “ข้ามีวิชาลี้ลับมากมาย แต่ไม่กล้าโจมตีใส่น่ะ”

“เจ้าสามารถวางกับดักได้หรือไม่” กู่ฉิงซานถาม

ด้านหลังของเขา ดาบบินเจ็ดร้อยเล่มปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายดาบอันเย็นเยือกบนร่างกายของกู่ฉิงซาน ดวงตาของจ้าวแห่งความเงียบทอประกาย

ใช่แล้ว เพราะงูทะเลยักษ์ตัวนี้สะท้อนกลับวิชาลี้ลับทั้งหมด คงดีกว่าที่จะสังหารมันในครั้งเดียว!

“ถ้าการควบคุม…ข้าพอจะมีอยู่” จ้าวแห่งความเงียบกล่าว

“เอาเลย เจ้าขัดขวางและควบคุมมันจากด้านหลัง” กู่ฉิงซานกล่าว

“ได้” จ้าวแห่งความเงียบกล่าวอย่างยินดี

ค่ายกลดาบของกู่ฉิงซานขยับ

ดาบบินทุกเล่มเคลื่อนผ่านความว่างเปล่า ฟาดฟันใส่งูทะเลยักษ์ด้วยประกายดาบอันคมปลาบ

ตอนนี้ งูทะเลยักษ์มองมาที่พวกเขาทั้งสองแล้ว

มันเห็นดาบบินปกคลุมทั่วท้องนภา แววตาเกิดความคาดหวังเล็กน้อย

นี่คือการโจมตีกายภาพที่พื้นฐานและเรียบง่ายที่สุด

คาดไม่ถึง ในทะเลแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยพลังลี้ลับ ยังมีมารที่ใช้วิธีโจมตีแสนเรียบง่ายแบบนี้

งูทะเลยักษ์เงยหน้าขึ้น

ฉับพลันนั้นเอง ดาบบินพุ่งเข้าหางูทะเลยักษ์!

ดาบบินทุกเล่มฟาดฟันใส่งูทะเลยักษ์ก่อนหายไปทันที

ดาบบินเหล่านี้พลันปรากฏตรงหน้ากู่ฉิงซานก่อนฟาดฟันใส่

กู่ฉิงซานยืนนิ่ง

ดาบบินทุกเล่มรีบหยุดขณะส่งเสียงฮัมในอากาศอย่างเกรี้ยวกราด

ดาบบินมีชีวิตและจะไม่มีวันฆ่าเจ้านาย

“พลังทวีคูณ แม้กระทั่งการโจมตีกายภาพก็สามารถสะท้อนได้…ดูท่านี่คือความสามารถลี้ลับที่สะท้อนกลับทวีคูณล่ะนะ”

กู่ฉิงซานถอนหายใจเล็กน้อย เขาเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว

ความสามารถนี้ทรงพลังเกินไป

ไม่สงสัยเลยว่าอีกฝ่ายถึงสามารถมีชีวิตมาได้นานกว่าสามสิบล้านปี

จ้าวแห่งความเงียบกำลังร่ายวิชา นางลังเลเมื่อเห็นฉากนี้

“ไม่เป็นไร เจ้าทำต่อเถอะ ข้าจะหาทางเอง” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาเหาะเข้าไปหางูทะเลยักษ์

งูทะเลยักษ์มองเขาอย่างคาดไม่ถึง

กล้าเข้ามาหาแบบนี้เลยหรือ

ลูกตาของมันกลอกไปมาขณะถอยห่างเล็กน้อย หลังจากนั้นร่างกายของงูขดงอราวกับเตรียมพร้อมจะพุ่งออกมา

หัวใจของกู่ฉิงซานดิ่งวูบ

งูทะเลยักษ์ตัวนี้ไม่เพียงแค่ทรงพลังเท่านั้น แต่ยังฉลาดและระแวดระวังอีกด้วย

เขากุมดาบเสียงคลื่นเอาไว้

เมื่อเขากำลังจะลงมือ ถุงเก็บของพลันขยับ

จี้น้ำเต้าหยกพุ่งออกมาอีกครั้ง

มันยังคงบินรอบกู่ฉิงซานพร้อมกับส่งเสียง ‘ฟิ่ว’ ไปมา

การเคลื่อนไหวของกู่ฉิงซานชะงัก

ต้องขอบคุณความสามารถวิญญาณที่ได้รับมาจากโลกของเทพ เขาจึงสามารถสื่อสารด้วยวิญญาณได้

ไม่เพียงแค่คุยกับดาบเสียงคลื่นได้เท่านั้น แต่ยังคุยกับจี้น้ำเต้าหยกได้อีกด้วย แถมเขายังเข้าใจความหมายที่อีกฝายสื่อมา

จี้หยกนี้เพิ่งตื่นขึ้นมา ตอนนี้มันกำลังต้องการพลังวิญญาณ…

“อย่าสร้างปัญหา ตอนนี้ข้ากำลังสู้อยู่” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจนใจ

จี้น้ำเต้าหยกหันไปรอบๆ จนพบงูทะเลยักษ์

‘ฟิ่ว…’

จี้น้ำเต้าหยกส่งเสียงอีกครั้ง

“โจมตีหรือ เจ้าจะให้ข้าใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดเพื่อเล่นงานมันอย่างนั้นหรือ” กู่ฉิงซานถามด้วยความประหลาดใจ

‘ฟิ่ว! ฟิ่ว!’

จี้น้ำเต้าหยกกล่าว

กู่ฉิงซานลังเลแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไรแน่หรือ”

เขาไม่มีเวลาจะมาสื่อสารกับจี้น้ำเต้าหยกแล้ว

งูทะเลยักษ์ที่อยู่อีกฝั่งเห็นเขานิ่ง มันจึงเป็นฝ่ายลงมือก่อน

งูทะเลยักษ์พุ่งเข้าใส่ทันที!

กู่ฉิงซานไม่มีเวลามาคิดอะไรอีกแล้ว

เขาอัญเชิญดาบบินทั้งหมดแล้วถ่ายพลังวิญญาณจำนวนมากเข้าไปทันที

ดาบเจ็ดร้อยเล่ม

วิชาดาบลับ โหมกระหน่ำอย่างหนัก!

ดาบบินทั้งหมดใช้วิชาดาบลับ “โหมกระหน่ำอย่างหนัก” พร้อมกัน ท้องนภาปกคลุมด้วยประกายดาบนับไม่ถ้วนทันที

นี่คือคลื่นวิชาดาบในยุคก่อนประวัติศาสตร์!

งูทะเลยักษ์พุ่งเข้าใส่คลื่นดังกล่าว ขัดขืนประกายดาบก่อนเคลื่อนเข้าหากู่ฉิงซาน

ฉับพลันนั้นเอง มันพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ

มีความเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเกิดขึ้นกับร่างกายเป็นจำนวนมาก

งูทะเลยักษ์พลันเข้าใจ

นี่หมายความว่าวิชาวิเศษลี้ลับของมันล้มเหลว!!

ไม่ ไม่ใช่ล้มเหลว แต่ถูกชดเชยด้วยวิชาลี้ลับที่มีระดับและธาตุแบบเดียวกัน

ตอนนี้ มันมีแต่ต้องฝืนทนคลื่นดาบอันเกรี้ยวกราดนี้!

งูทะเลยักษ์อยากหันหลังกลับ

แต่ตอนนี้ มันไม่สามารถขยับได้เลย!

เมื่อเห็นการทุ่มสุดกำลังของกู่ฉิงซาน จ้าวแห่งความเงียบใช้วิชาพันธนาการที่แข็งแกร่งที่สุดทันที

ช่างเป็นการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบ!

ท้องนภาและปฐพีเต็มไปด้วยประกายดาบ งูทะเลยักษ์ไม่สามารถหลบหนีได้!

ประดายดาบเจิดจ้ากระหน่ำใส่ร่างกายของมัน ร่างกายขนาดใหญ่เปรียบเสมือนสำลีในสายลมที่ถูกพัดและฟันจนเละก่อนจะหายไปในที่สุด

คลื่นดาบที่ปกคลุมท้องนภาค่อยๆ หายไป

งูทะเลยักษ์ไม่เหลือแม้แต่กระดูก

กู่ฉิงซานอยู่กลางอากาศ

เขาไม่ยินดีที่ตัดศีรษะอีกฝ่ายได้

เพราะตอนนี้ จี้น้ำเต้าหยกกำลังบินรอบตัวเขาราวกับเชื้อเชิญบางอย่างขณะส่งเสียง “ฟิ่ว” “ฟิ่ว” เพื่อบอกว่ามันพยายามมากแค่ไหน

ใช่แล้ว มันคือเทวภัณฑ์จากยุคโบราณ

ตอนมันเริ่มพูด ในที่สุดกู่ฉิงซานก็ได้ทราบความสามารถของมัน

ข้อความแจ้งเตือนต่อเนื่องปรากฏบนหน้าต่างต้นเพลิง

“จี้หยก: ให้ความเคารพท่านด้วยการบอกความลับ”

“ท่านได้เรียนรู้หนึ่งในวิชาวิเศษ”

“ร้อยแสงสาดส่อง: เป็นการช่วงชิงความสามารถของศัตรูชั่วคราว หลังจากใช้ความสามารถนี้หนึ่งครั้ง เพื่อปกปิดเอาไว้ ความสามารถนี้จะหายไปจากท่านทันที”

“คำอธิบาย: หนึ่งแสงกระจายออกเป็นร้อยแสง”

กู่ฉิงซานมองข้อความแจ้งเตือนเหล่านี้ด้วยความสับสนและอดที่จะกล่าวไม่ได้ว่า “ร้อยแสงสาดส่องอะไรกัน นี่ก็แค่ช่วงชิงสกิลของผู้อื่นมาก็เท่านั้น…”

จี้น้ำเต้าหยกไม่ยินดีที่ได้ยินเช่นนั้น

มันยังคงส่งเสียง “ฟิ่ว” “ฟิ่ว” ราวกับกำลังยืนกรานอธิบายอะไรบางอย่าง

กู่ฉิงซานฟังอยู่สักพักก่อนจะเข้าใจในที่สุด

“ถ้าในมุมของผู้ฝึกยุทธ มันก็เรียกว่าการช่วงชิงนั่นแหละ”

นี่คือความหมายที่จี้น้ำเต้าหยกต้องการจะสื่อ

ในเวลาเดียวกัน ขณะที่มันส่งเสียง ข้อความทั้งหมดบนหน้าต่างต้นเพลิงขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ !

นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

เขาเห็นแถวข้อความโลหิตชุดใหม่ปรากฏขึ้นมา

“ร้อยแสงสาดส่อง…ช่วงชิงความสามารถจากศัตรูไปชั่วคราว หลังจากใช้ความสามารถนี้หนึ่งครั้ง ความสามารถนี้จะหายไปจากตัวท่าน”

“คำอธิบาย…หนึ่งแสงกระจายออกเป็นร้อยแสง”

“หมายเหตุพิเศษ…ท่านมีการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยม ข้าจะช่วยทำการสนับสนุนท่านต่อไป”