โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.371 – ชาตงล่มสลาย

 

ฝนแห่งความตายถูกกวาดทำลายเป็นเสี่ยงๆ หยานชูวกวัดแกว่งแท่งเหล็กอีกครั้ง ดั่งพายุเฮอริเคน คราวนี้เป็นโอบกอดทมิฬที่ถูกพัดพา ปัดเป่าหมอกมืดที่คอยปกคลุมฉินเฟิงและสมุนของเขาไป

 

อันที่จริงแล้ว สำหรับผู้ใช้พลังเลเวล D ท่าโอบกอดทมิฬมันมิได้ ทรงประสิทธิภาพมากมายอีกต่อไป แต่ใครใช้ให้ฉินเฟิงครอบครองศิลานรกกันเล่า? แถมเลเวล D ที่กำลังเผชิญกับมัน ดันเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ดังนั้นจะไปใช้ปราณกำลังภายในปกป้องอบิลิตี้นี้ได้อย่างไร?

 

โอบกอดทมิฬที่คอยปกคลุมทั้งแปด ถูกเป่าหายไป มนุษย์กลายพันธุ์ที่เหลือ เผยโฉมอันน่าอดสูสู่สายตา ปัจจุบันร่างกายของพวกเขาครึ่งหนึ่งเน่าเสีย อยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย

 

หยานชูวกัดฟันกรอด!

 

ความเสียหายครั้งนี้ร้ายแรงเกินไป!

 

“ทำได้แสบนักนะฉินเฟิง มึงอย่าอยู่เลย!”

 

หยานชูวเปล่งเสียงตวาดลั่น แท่งเหล็กในมือง้างฟาดเป็นวงออกไป

 

“คู่ต่อสู้ของแกคือฉัน!” ไป๋หลีตะโกนดุร้าย น้ำเสียงกระจ่างใสดังคมชัด

 

“เสี่ยวไป๋ ไม่จำเป็นต้องออมมืออีกแล้ว ฆ่าเขาซะ!”

 

ฉินเฟิงไม่คิดหลบเลี่ยง ฝากฝังศัตรูตัวร้ายให้เธอจัดการ ส่วนตนเร่งเร้าพลังสมาธิพรั่งพรูออกมา

 

“แมกมาโลกันต์!”

 

วินาทีต่อมา ลาวาสีดำแดงพลันปะทุขึ้นบนพื้น ผุดเป็นแอ่งเบื้องล่างแปดมนุษย์กลายพันธุ์และ–

 

“–เสาแมกมา!”

 

บรึ้ม!

 

สี่เสาแมกมาทะยานขึ้นจากพื้น กลืนกินสุนัขป่ากระหายเลือด , แมวดำเชื้อระบาด , หมาป่าสายฟ้า และกิ้งก่าทราย ไปโดยสิ้นเชิง

 

การที่ทั้งสี่ตกเป็นเป้าโจมตีนี้ แน่นอนว่าฉินเฟิงตั้งใจเลือก

 

เพราะหลังจากกลายพันธุ์ พวกเขามีระดับอยู่แค่นายพลสัตว์ร้าย ถือเป็นความแข็งแกร่งที่อ่อนแอที่สุดในที่นี้

 

เป็นพวกที่แค่โดนฝนแห่งความตาย ก็ก้าวเข้าสู่ความตายไปครึ่งก้าวแล้ว

 

ปัจจุบัน แมกมาโลกันต์จึงกลายเป็นคำสาปส่งสุดท้ายของชีวิตพวกเขา

 

ตูม!

 

สี่เสาแมกมาลุกฮือสู่ฟ้าเบื้องบน กลืนกินพวกเขาทั้งตัวทันที

 

“อ๊าาา!” มนุษย์กลายพันธุ์สุนัขป่ากระหายเลือดกรีดร้องลั่น ร่างมหึมาถูกลาวากลืนหาย พริบตาเดียวเนื้อหนังหลุดลอก หลงเหลือเพียงกระดูก และสุดท้ายกระดูกก็จมลงและสลายไป

 

ตกตายลงโดยสิ้นเชิง!

 

อีกสามระดับนายพลก็เช่นกัน แม้จะมีบ้างที่พยายามขัดขืน แต่ฉินเฟิงเพียงควบคุมอบิลิตี้ไฟเล็กๆน้อยๆ ก็สามารถสังหารพวกเขา

 

ตอนนี้จากเดิมที่มีแปดมนุษย์กลายพันธุ์ จบชีวิตไปสี่แล้ว!

 

“กล้าดียังไง!”

 

หยานชูวเฝ้ามองการกระทำของฉินเฟิง พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีความตั้งใจที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีของเขา ความโกรธเกรี้ยวก็ยิ่งทวีมากขึ้น แท่งเหล็กดั่งไม้เบสบอลหวดฟาดไปทางฉินเฟิง คล้ายดั่งลูกเบสบอลกำลังถูกตีโฮมรัน

 

ในแววตาของหยานชูว ฟุ้งไปด้วยเจตนาสังหาร!

 

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงคำรามของสัตว์ร้าย และกลิ่นอายระดับจักรพรรดิก็พลันปะทุออกมา สั่นสะเทือนไปทั้งโลกหล้า

 

หยานชูวชะงักงัน แม้จะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่มีเวลามากพอจะหันกลับไปมอง พริบตานั้นรับรู้ได้ถึงพลังงานมหาศาลกดทับลงบนกายตน

 

ฟุบ ฟุบ ฟุบบบ!

 

รอยกรงเล็บขนาดใหญ่กวาดเฉือนเข้าตัดร่างของหยานชูว

 

“อ๊ากกกก!” หยานชูวโหยหวนคำหนึ่ง เนื่องจากตนเป็นมนุษย์กลายพันธุ์สายเลือดไททัน ทั้งยังอยู่ในสภาพกลายพันธุ์ ดังนั้นไม่เคยได้รับบาดเจ็บหนักมาก่อน

 

และตอนนี้ เขาได้ค้นพบว่า สิ่งมีชีวิตที่มีขนาดตัวใหญ่โตพอๆกัน กำลังเหยียบย่ำตนไว้ใต้ฝ่าเท้า

 

มันครอบครองขนสีขาวอันบริสุทธิ์และไร้ที่ติ เป็นจิ้งจอกเงินที่ดูสูงศักดิ์และเย็นชา

 

เบื้องหลังมัน มีถึง 5 หาง ดูนุ่มฟูปุกปุย นอกจากนี้ยังปรากฏกลุ่มแสงสีเงินลอยล่อง

 

วินาทีต่อมา กลุ่มแสงก็สาดประกาย เคลื่อนฝ่าอากาศอย่างเชื่องช้า ตกลงบนร่างของหยานชูว

 

ยามใกล้ถึงเป้าหมาย เพียงเสี้ยวพริบตา แสงสีเงินก็เริ่มขยายตัวขึ้น ก่อตัวเป็นรอยแยกมิติขนาดใหญ่

 

รูม่านตาของหยานชูวหดวูบลงทันใด เขารับรู้ได้ถึงภัยคุกคามอันร้ายแรง

 

หยานชูวคำรามเกรี้ยวกราด พยายามพลิกตัวหลบเลี่ยงการโจมตีนี้

 

เหตุการณ์ช่างพลิกผัน เมื่อครู่หยานชูวยังคิดใช้แท่งเหล็กโจมตีฉินเฟิงอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับถูกสยบแล้วไป๋หลีเสียแล้ว

 

อีกด้านหนึ่ง ฉินเฟิงไร้ซึ่งภัยคุกคามใดๆอีกต่อไป เขาทุ่มสมาธิโจมตีสี่มนุษย์กลายพันธุ์ราชันย์สัตว์ร้ายที่เหลืออยู่

 

“ฆ่าเขา!”

 

มนุษย์กลายพันธุ์คนแล้วคนเหล่า ถูกระดมโจมตีโดยฉินเฟิงไม่หยุดหย่อน ทั้งอบิลิตี้ทั้งวรยุทธโบราณ  และที่สำคัญที่สุดก็คือ ตั้งแต่ต้นสหายร่วมรบของพวกเขาจบชีวิตลงแล้วกว่าหกคน!

 

เหนือแผ่นหลังของคางคกพิษระเบิดกรดพิษออกมาอีกครั้ง แม้ปัจจุบันจะสามารถมองเห็นถึงกระดูกสีขาวที่อยู่ลึกลงไปในเนื้องหนังของมัน และมีเลือดสีดำหลั่งรินออกมาก็ตาม แต่มันก็ยังเลือกรีดเร้นกรดพิษ สาดเข้าใส่ฉินเฟิง

 

มนุษย์กลายพันธุ์หมีเขย่าขุนเขา จ้วงมือเปล่าลึกเข้าไปในภูเขา โอบเศษดินและหิน ม้วนเป็นก้อนใหญ่ทุ่มเข้าใส่ฉินเฟิง

 

มนุษย์กลายพันธุ์มดเกราะเหล็กอ้าปากกว้างโชวคมเขี้ยว

 

มนุษย์กลายพันธุ์เหยี่ยวออโรร่าเร่งเร้าความเร็วจนถึงขีดสุด

 

ที่ระเบิดออกมา ณ ขณะนี้ คือกำลังรบสูงสุดของพวกเขา

 

หากเป็นก่อนหน้านี้ ช่วงที่มีมนุษย์กลายพันธุ์ถึงเก้าตัว มันอาจเป็นภัยแก่ฉินเฟิง

 

แต่ช่างน่าเสียดาย ที่กว่าพวกเขาจะคิดทำแบบนี้ได้ มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

 

ปัจจุบันเมื่อคนน้อยลง ฉินเฟิงก็พลิกกลับมาได้เปรียบ!

 

“ซ่อนเงา”

 

ฉินเฟิงหายวับไปในทันที

 

“มีดเปลวเพลิง!”

 

ฉัวะ!

 

ศีรษะของมนุษย์กลายพันธุ์คางคกพิษ ถูกสะบั้นด้วยคมมีดกะทันหัน

 

จบชีวิตลงอย่างไม่ทันตั้งตัว!

 

“เทคนิคมังกรไฟ!”

 

มังกรไฟม้วนเป็นเกลียว เข้าโอบรัดมนุษย์กลายพันธุ์มดเกราะเหล็ก ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บจากฝนแห่งความตาย เลยไร้ซึ่งเกราะโลหะที่คอยป้องกันอีกต่อไป

 

ยามเมื่อถูกรัดพันโดยเทคนิคมังกรไฟ ปกคลุมหัวจรดเท้า ก็ไร้ซึ่งหนทางจะต่อต้าน

 

มนุษย์กลายพันธุ์มดผลึกเหล็กถูกหลอมละลาย

 

ตาย!

 

“ร่างทรงนกยูง!”

 

“พลุไฟสงคราม!”

 

ตาย และตายอีกครั้ง!

 

ศัตรูอีกสี่ตนจบชีวิตลง

 

ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังงานมหาศาลไหลบ่าเข้าสู่ร่างกายเขา

 

ก้าวขึ้นสู่เลเวล D3!

 

ฉินเฟิงสามารถยกระดับไปได้อีกขั้น

 

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ไป๋หลีกุมสถานการณ์ได้โดยสมบูรณ์

 

แม้มนุษย์กลายพันธุ์สายเลือดไททันจะทรงพลัง แต่ก็มิวายถูกกลืนกินโดยอบิลิตี้มิติ ครั้งแรกแขนของเขาถูกกลืนหายไป ต่อมาไป๋หลีโจมตีอีกครั้ง ขาทั้งสองข้างของหยานชูวก็หายไป

 

“รีบฆ่าเขา!”

 

ฉินเฟิงเอ่ยปาก ไม่อนุญาตให้ไป๋หลีหยุดมือ

 

วินาทีต่อมา ดวงตาของหยานชูวก็กลายเป็นสีแดงฉาน อำนาจอันน่าสะพรึงโหมกระหน่ำจากกายเขา กวาดกระจายไปทุกทิศทาง

 

“อยากฆ่าฉันนักใช่ไหม? งั้นก็มาตายด้วยกัน!”

 

หยานชูวกู่ก้องคำรามขึ้นฟ้า

 

บรึ้มมมมมมม!

 

พลังงานมหาศาลกวาดกระจายไปทั่วสารทิศ โดยมีหยานชูวเป็นจุดกึ่งกลาง

 

กำแพงปราการชาตง แปรเปลี่ยนเป็นขี้เถ้าทันใด ซากอาคารนับไม่ถ้วนถูกกวาดออกไป แรงระเบิดนี้กินพิสัยกว่าหมื่นเมตร

 

ปราการชาตงสูญสลายหลงเหลือเพียงเถ้าถ่าน หากไม่เคยอยู่และเห็นกับตาตนเองมาก่อน ฉินเฟิงคงคิดว่าที่นี่เดิมทีเป็นแค่ทะเลทรายทุรกันดาร

 

ณ ขณะนี้ บังเกิดพายุพลังงานขนาดเล็กม้วนรวมตัวกัน ราวกับตัดขาดกับกระแสพลังงานที่กำลังปั่นป่วนนี้

 

สักพักหนึ่ง เมื่ออำนาจทำลายล้างสงบลง แสงสีเงินพลันกระพริบไหว สองร่างปรากฏขึ้นภายใต้ความปั่นป่วน

 

เป็นฉินเฟิงและไป๋หลี

 

หยานชูวระเบิดตนเอง ทว่ากลับไม่สมหวัง มิอาจลากไป๋หลีและฉินเฟิงตายตามตกไปด้วยกันได้

 

ก็ใครใช้ให้ไป๋หลีเป็นสัตว์ร้ายมิติกันเล่า? ในวินาทีสุดท้าย เธอคว้าจับฉินเฟิง ส่งตนและเขาก้าวเข้าสู่สุสานเทพสงครามโดยตรง และเธอไม่จำเป็นต้องใช้บัตรหยกเทพสงครามด้วยซ้ำ

 

เมื่อกลับมาอีกที แรงระเบิดก็สงบลงแล้ว!

 

การห้ำหั่นกันตลอดทั้งสองวันสองคืน ส่งผลให้ปราการชาตงไม่มีอยู่อีกต่อไป!

 

ณ เส้นขอบฟ้า แสงแดดเริ่มทอประกาย พระอาทิตย์กำลังลอยขึ้นอย่างช้าๆ

 

เติมเต็มความสว่างให้แก่ผืนโลก เติมแสงให้แก่ทะเลทรายอันอ้างว้างเดียวดาย

 

สิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่คือเศษฝุ่นทราย และรอยแยกมิติที่ปริร้าวจากฝีมือของไป๋หลี

 

“ปิดรอยแยกมิติด้วย” ฉินเฟิงเอ่ยคำหนึ่ง

 

“รับทราบ”

 

ไป๋หลีวาดมือออก แสงสีเงินตรึงลงบนอากาศที่กำลังบิดเบี้ยว

 

ทันใดนั้นช่องว่างมิติก็ปิดลง

 

อย่างไรก็ตาม พลังงานโดยรอบก็ยังคงปั่นป่วน และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ รอยแยกมิติใหม่จะปรากฏขึ้น

 

ยังไงก็ตาม นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉินเฟิงต้องใส่ใจอีกต่อไป

 

“ไปกันเถอะ”

 

ฉินเฟิงเรียกเมฆครามออกมา พยุงไป๋หลี สตาร์ทเครื่องขับออกจากอาณาเขตพลังงานปั่นป่วน

 

พลังสมาธิของเขากวาดผ่านซากปรักหักพังปราการชาตง และพบว่าไม่มีชีวิตใดหลงเหลืออยู่เลย

 

“ประวัติศาสตร์ยากที่จะเปลี่ยนแปลง โชคดีที่พวกเราช่วยชีวิตคนได้กว่า 100 คน และเกือบทั้งหมดเป็นเลเวล D นี่ก็น่าจะพอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว!”