เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ บทที่ 349 อยู่กับฉัน

แอเรียนตอบด้วยฮึดฮัดตอบก่อนจะหันกลับและกลับไปที่ห้องของเธอ อย่างไรก็ตาม เธอลงเอยด้วยการพลิกตัวไปมาและไม่สามารถนอนหลับได้

สามชั่วโมงผ่านไป รถของไบรอันกลับมาที่คฤหาสน์ เทรมอนต์ แอเรียนเช็คดูปฏิทิน — วันนี้เป็นวันศุกร์ พรุ่งนี้ทิฟฟานี่ไม่ต้องไปทำงาน แอเรียนจึงส่งข้อความไปหาเธอ : ฉันได้ข่าวจากไบรอันและลุงเฮนรี่ว่าเขาฟื้นแล้ว เธอสะดวกที่จะขับรถไปส่งฉันที่นั่นไหม? ขอโทษที่ต้องรบกวนยามดึกแบบนี้

ทิฟฟานี่ตอบกลับมาเร็วมาก : ทำไมเธอถึงถ่อมตัวกับฉันจัง? ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย รอฉันที่นนั่นแหละ

แอเรียนตอบกลับด้วยอีโมจิรูปยิ้มก่อนที่จะลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอไม่อยากให้ไบรอันหรือลุงเฮนรี่ไปส่งเพราะตอนที่เธอรู้ว่ามาร์คฟื้นแล้วเธอได้แสดงท่าทางราวกับว่าเธอไม่ได้สนใจ และการที่จะรบกวนลุงเฮนรี่หรือไบรอันให้ไปส่งเธอยามดึกดื่นป่านนี้ก็ดูจะไม่เหมาะสม จิตใต้สำนึกของเธอปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเธออยากไปโรงพยาบาลมากแค่ไหน

ในขณะนี้เธอดูเหมือนเป็นคนที่มีความต้องการตรงกันข้ามกับจิตใต้สำนึกของเธอ ที่สำคัญที่สุดคือเธออยากเจอมาร์ค แต่ไม่อยากเลือกช่วงเวลาที่เขาน่าจะตื่นอยู่เพราะเธอรู้สึกว่าบรรยากาศมันน่าจะอึดอัดระหว่างพวกเขา อย่างน้อยเธอสามารถผ่อนคลายระหว่างที่เขานอนอยู่ได้ โดยเฉพาะหลังจากที่เธอได้รับจดหมายมรณกรรมที่เขาทิ้งไว้ให้ทำให้เธอหนักอกหนักใจมากผิดปกติ…

ไม่นานทิฟฟานี่ก็มาถึง แอเรียนตั้งใจขอให้เธอไม่จอดที่ประตูหลักของคฤหาสน์ เทรมอนต์ แต่ให้ไปจอดเลยออกไป

หลังจากที่แอเรียนขึ้นรถไป ทิฟฟานี่ก็ถามว่า “ทำไมเธอถึงอยากไปโรงพยาบาลกลางค่ำกลางคืนแบบนี้? ฉันไม่เคยเจอผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ฮึกเหิมเท่าเธอมาก่อน อุสาวิ่งไปโรงพยาบาลแทนทีจะหลับจะนอน ถ้าฉันเป็นสามีเธอนะ ฉันคงจะช็อคจนเป็นลม”

แอเรียนดึงกระโปรงตนเองและตอบว่า “ตอนอยู่โรงพยาบาลอย่าพูดเสียงดังเกินไปนะ เขาชอบความเงียบสงบ”

ทิฟฟานี่เหมือนกับตรวจพบบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ “แอเรียน จงซื่อสัตย์นะ เธอตกหลุมรักมาร์คเหรอ?”

แอเรียนตอบโต้โดยสัญชาตญาณ “ไร้สาระ! ฉันไม่ได้ตกหลุมรักเขา! เขาเป็นเหมือนครอบครัวสำหรับฉัน เป็นสมาชิกในครอบครัวที่สำคัญมาก และเป็นครอบครัวเดียวของฉัน”

ทิฟฟานี่ไตร่ตรองคำพูดของตัวเองอีกครั้ง “ก็จริง… เธอรู้จักมาร์คมานานมากแล้ว แต่เธอก็ยังตกหลุมรักวิลได้ โอกาสที่เธอจะตกหลุมรักมาร์คจึงค่อนข้างน้อย และเธอไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมแพ้เพียงเพราะเธอท้องลูกของเขา”

เมื่อพวกเขามาถึงโรงพยาบาลและเห็นบอดี้การ์ดสี่คนยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องของมาร์ค แอเรียนก็เดินเข้าไปหาพวกเขาและถามว่า “เขาหลับไปแล้วเหรอ?”

บอดี้การ์ดทุกคนตัวใหญ่และล่ำ และเธอก็ตัวเล็กกว่าเยอะ ดังนั้นจึงไม่มีใครได้ยินเธอ บอดี้การ์ดคนหนึ่งก้มศีรษะลงและถามเบา ๆ ว่า “คุณหญิงว่าอย่างไรนะครับ?”

เธอพูดซ้ำ “เขาหลับหรือตื่น?”

บอดี้การ์ดได้ยินคำถามเธอสักที เขามองไปข้างในผ่านช่องเล็ก ๆ ที่ประตู “ท่านหลับครับ คุณหญิงต้องการเข้าไปพบเขาไหม?”

แอเรียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “อืม”

ทิฟฟานี่โบกมือ “เธอเข้าไปเลย ฉันจะอยู่รอเธอข้างนอกนี่แหละ”

แอเรียนพยักหน้าก่อนที่จะดันประตูและย่องเข้าไป ที่ห้องมีเพียงโคมไฟเล็ก ๆ อันนึงที่ส่องแสงสลัวมาก อย่างไรก็ตาม เธอสามารถมองเห็นได้ว่ามาร์คหลับตาอยู่และหายใจอย่างสม่ำเสมอ

เธอเห็นว่าอุณหภูมิแอร์ต่ำไปหน่อยจึงหยิบรีโมทแอร์มาเพื่อปรับอุณหภูมิ หลังจากนั้นเธอก็ขยับเขาไปใกล้เขาเพื่อที่จะสังเกตการณ์เขา เขาดูดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับสภาพเขาตอนที่อยู่ห้อง ICU (ห้องผู้ป่วยหนัก) ปกติเขาจะเป็นคนที่ดูไร้ที่ติ แต่ตอนนี้เขาดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยและยังนอนแบบเอามือบังตาตัวเองด้วย เธอเอื้อมมือเพื่อที่จะเอามือเขาออกจากตา แต่มือของเขาก็จับข้อมือเธอไว้เสียก่อน

“คุณ… ตื่นอยู่หรอ? ฉันทำให้คุณตื่นรึเปล่า?” มือของเธอแข็งด้วยความกลัวเล็กน้อย

มาร์คลืมตาของเขาและจ้องมาที่เธอ การจ้องมองที่รุนแรงของเขาไม่แสดงอาการเหนื่อยเลย เขาดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งจะหลับไป “วันนี้ฉันนอนมาเยอะแล้ว ก็เลยนอนไม่หลับ เธอมาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้? ใครมาส่งเธอ? ฉันไม่ได้บอกไบรอันไม่ให้พาเธอมาที่โรงพยาบาลหรอ?”

เธอรับรู้ได้ถึงความเย็นของมือเขาบนข้อมือเธอ เธอดิ้นหนีและเอามือของเขากลับไปไว้ใต้ผ้าห่ม “ฉันแค่อยากเห็นคุณ เดี๋ยวฉันก็ไปแล้ว ทิฟฟ์มาส่งฉันนะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไบรอัน อุณหภูมิของแอร์พอดีไหม? คุณอยากให้เพิ่มไหม? ระวังเป็นหวัดนะ”

เขาไม่ได้ตอบอะไรและคงจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ เธอเข้าใจว่าเขาโกรธจึงก้มหัวลง “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย และจะไม่กลับมาอีก พักผ่อนให้เต็มที่…” เธอพูดด้วยเสียงเบา ๆ ก่อนที่เธอจะหันหลังกลับไปแต่แล้วเขาก็จับข้อมือเธอเอาไว้อีกครั้ง “ไหน ๆ เธอก็มาแล้ว อยู่กับฉันนะ…”

เสียงของเขาแหบนิดหน่อยและผสมด้วยความอ่อนแอเล็กน้อย ในน้ำเสียงเขาไม่มีความเย็นชาเธอจึงกล้าที่จะอยู่กับเขาต่อ

เธอกลัวเกินไปที่จะนั่งบนเตียงเพราะกลัวว่าการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ จะส่งผลกระทบให้บาดแผลของเขารุนแรงขึ้น เธอจึงนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ เขาแทน

ทั้งคู่เผชิญหน้ากันในความเงียบ ความอึดอัดที่เธอกลัวก็เกิดขึ้น เธอไม่เคยชอบความเงียบและความไม่มั่นใจในตัวเองที่มาพร้อมกับปฏิสัมพันธ์ของเธอกับเขา

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันได้ยินจากแจ็คสันและคนอื่น ๆ มาว่าเธอร้องไห้ตอนที่ฉันประสบอุบัติเหตุนั้น”