บทที่ 1378 (2)+(3) Ink Stone_Romance
บทที่ 1378 สงบใจไว้ เจ้าทำได้! (2)
ตี้ฝูอีมองเจ้าหอยยักษ์แวบหนึ่ง เอ่ยเพียงประโยคเดียว “ทนดูไม่ได้ก็หุบฝาไปซะ!”
เจ้าหอยยักษ์ตะลึงงัน
อันที่จริงกู้ซีจิ่วก็ทราบว่าตี้ฝูอีกำลังหล่อหลอมให้เธอเป็นยุวชนผู้มีความสามารถ บ่มเพาะให้กลายเป็นภรรยาที่ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่เขาได้อย่างแท้จริง เพียงแต่เหนื่อยล้าเกินไปจึงพานบ่นเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
ยิ่งไปกว่านั้นคือการกำหนดเส้นทางกระบวนค่ายกลอันใดล้วนเป็นตี้ฝูอีที่สั่งสอนให้เธอไว้ล่วงหน้า เขาทำเช่นนี้คล้ายเป็นการสร้างฐานอำนาจไว้ให้เธอ…
ดังนั้นเธอก็มองเจ้าหอยยักษ์แวบหนึ่งเช่นกัน “ไม่อนุญาตให้ว่าเขาแบบนี้! ถ้าพูดจาเหลวไหลอีกระวังข้าจะทุบเปลือกเจ้า!”
เจ้าหอยยักษ์เงียบกริบ มันรู้สึกว่าได้รับความเสียหายหมื่นแต้มแล้ว! มิน่าล่ะผู้คนถึงกล่าวกันว่าระหว่างคู่ผัวหนุ่มเมียสาวคนนอกอย่าได้สอดปากยุ่ง เป็นเช่นนี้จริงๆ ด้วย!
เจ้าหอยยักษ์หุบฝาแล้ววิ่งไปสำนึกตนที่อีกด้านอย่างปวดใจ
กู้ซีจิ่วคล้ายจะนึกอะไรขึ้นได้ “ใช่แล้ว ภายหน้าเด็กๆ ของพวกเราก็ต้องอาศัยท่านอบรมสั่งสอนแล้ว”
ตี้ฝูอีสั่งสอนสาวกได้ยอดเยี่ยมนัก กู้ซีจิ่วเลื่อมใสจุดนี้ของเขายิ่งนัก ดังนั้นภายหน้าถ้าพึ่งพาให้เขาสั่งสอนบุตรธิดา จะต้องกลายเป็นยุวชนผู้มีความสามารถเป็นแน่!
มือของตี้ฝูอีที่โอบเอวเธอไว้แข็งทื่อไปเล็กน้อย พลางกล่าวยิ้มๆ “นั่นก็ต้องรอให้เจ้าคลอดออกมาแล้วค่อยว่ากัน”
กู้ซีจิ่วพูดคุยอย่างกระตือรือร้น “พวกเราอยู่ในตาค่ายแห่งนั้นไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้ หลังจากออกไปแล้วต้องให้กำเนิดได้แน่นอน ใช่แล้ว ท่านอยากได้ลูกชายหรือว่าลูกสาว?” ในดวงตากู้ซีจิ่วฉายแววมุ่งมาดปรารถนา เริ่มจินตนาการถึงภาพครอบครัวสามสี่คนเล่นสนุกด้วยกัน
ตี้ฝูอีนิ่งไปครู่หนึ่ง แย้มยิ้มแวบหนึ่ง “เรื่องเด็กยังไม่ต้องรีบหรอก ตัวเจ้าก็ยังเด็กอยู่เหมือนกัน ข้าเลี้ยงเจ้าให้ดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
กู้ซีจิ่วหยุดจินตนาการแล้ว
เธอกล่าวอย่างมีน้ำโห “ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว!” ต่อให้นับตามอายุขัยของโลกนี้ เธอก็อายุยี่สิบห้าแล้ว!
ตี้ฝูอีจุมพิตหน้าผากเธอคราหนึ่ง “อืม เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว เพียงแต่ในสายตาข้าเจ้ายังคงเป็นเด็กน้อยอยู่…”
กู้ซีจิ่วเงียบไป ใช่แล้ว ตอนนี้เขาอายุหลายพันปีแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับเขา เธอยังเป็นเด็กอ่อนวัยอยู่จริงๆ
เธอถลึงตามองเขาแวบหนึ่ง “ในสายตาท่านผู้ใดล่ะที่ไม่เด็ก?” ดูเหมือนอายุของเขาจะสามารถเป็นบรรพชนของคนทั้งโลกได้เลย
ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ ข้างหูเธอ “อย่างน้อยข้าก็ไม่ได้นับกู้เซี่ยเทียนเป็นเด็ก…”
กู้ซีจิ่วอย่างมาดร้าย “เห็นทีว่าท่านจะสมควรเรียกเขาว่าท่านพ่อสักครา…”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ “ดังนั้นข้าจึงไม่อยากพบเขา”
กู้ซีจิ่วขำคิกๆ อย่างอดไว้ไม่อยู่ ไม่โต้เถียงกับเขาอีก
ดูเหมือนเจ้าผู้นี้จะไม่กระตือรือร้นอยากมีลูกเท่าไหร่…
แต่กลับกระตือรือร้นในขั้นตอนการทำลูกจนน่าประหลาด!
ช่างเถอะ ไม่คุยเรื่องนี้กับเขาแล้ว หลังจากออกไปได้เธอก็น่าจะท้องได้ รอจนตั้งท้องขึ้นมาเขาย่อมเห็นค่าแล้ว…
ต่อไปถ้าหากเจ้าคนผู้นี้กลายเป็นพ่อคนจะเป็นอย่างไรกันนะ?
เธอแทบจะจินตนาการถึงฉากที่มีเด็กน้อยปีนป่ายไปมาบนตัวเขา ทำให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้าเหลือคณา
เมื่อนึกถึงฉากที่งดงาม มุมปากของเธอก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม นัยน์ตาสองประกายแวววาว
ตี้ฝูอีกอดนางนั่งอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนจะผ่อนคลาย ทว่าสายตากลับสอดส่องไปรอบๆ
เขามิได้มาที่ยอดเขาที่แปดเป็นครั้งแรก คนอื่นไม่ทราบทว่าเขาทราบดี ไอพิฆาตบนยอดเขาที่แปดหนักหน่วงขึ้นกว่าแปดปีก่อนมาก ใกล้จะมีรูปลักษณ์จับต้องได้เต็มที่แล้ว! สัตว์ร้ายบนยอดเขาที่แปดก็มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ดุร้ายกว่าเมื่อก่อน…
ยอดเขาที่แปดเป็นแหล่งรวบรวมไอพิฆาตแล้วทำการชำระล้าง เมื่อไอพิฆาตมากสัตว์ร้ายย่อมมากด้วย เมื่อไอวิญญาณอันเป็นมงคลของยอดเขาที่แปดสามารถรวบรวมไอพิฆาตมาแล้วชำระล้างได้ ทำให้สองด้านสมดุลกัน ไม่เอ่อล้นจนทะลัก หากว่าโลกสงบสุข ไอพิฆาตของที่นี่ย่อมไม่มากมายจนเกินไป ชำระล้างได้ง่ายดาย
ยามนี้ไอพิฆาตของที่นี่กลับมากมายจนแทบเอ่อล้นออกมาแล้ว ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น?
มือของเขาที่อยู่ในแขนเสื้อลอบจรดนิ้วคำนวณชะตา ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนจะคำนวณไม่ได้เลย…
————————————————————————————-
บทที่ 1378 สงบใจไว้ เจ้าทำได้! (3)
เขาหลุบตามองปลายนิ้วตน ปลายนิ้วสีชมพูเนียนใส มองไม่เห็นความผิดปกติใด
เขาแอบขี้เกียจอยู่ด้านในมาแปดปี ด้านนอกไม่มีเขานั่งบัญชาการ น่าจะเกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้นแล้ว หรือมาหลงฟั่นจะโผล่มาก่อเหตุอีกแล้ว?
ไม่น่าจะใช่โม่เจ้า อาการบาดเจ็บของเขาทำให้เขาต้องพักฟื้นอีกหลายสิบปีถึงจะฟื้นฟูพลังชีวิตกลับมาได้ เพียงแต่ไอพิฆาตด้านนอกหนาแน่นถึงเพียงนี้ โม่เจ้าจะน่าฟื้นฟูได้เร็วขึ้น ไม่แน่ว่าอาจไม่ต้องใช้เวลาหลายสิบปีก็สามารถผงาดกลับมาได้แล้ว
ความเย็นชาวาบผ่านนัยน์ตาของตี้ฝูอี โม่เจ้าเป็นคู่ต่อสู้ของเขา เขาต้องกำจัดไอ้สารเลวผู้นั้นให้สิ้นซากถึงจะถูก ไม่อาจเหลือปัญหาไว้ในภายภาคหน้าได้…
อย่างไรเสียที่นี่ก็ยังเป็นยอดเขาที่แปด ปรากฏอันตรายขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่กล้าพักนานนัก นั่งอยู่ประมาณหนึ่งเค่อก็ลุกขึ้นมา “พวกเราเริ่มกันเถอะ! รอออกไปได้แล้วค่อยพักผ่อนกันดีๆ”
ทุกคนพากันลุกขึ้นมาแสดงออกว่าเห็นด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเริ่มจัดขบวนค่ายตามที่กู้ซีจิ่วบอกไว้…
ตี้ฝูอียืนกอดอกมองอยู่ด้นนอก ไม่มีทีท่าว่าจะให้การช่วยเหลือเลยสักนิด
อันที่จริงกู้ซีจิ่วประหม่ายิ่งนัก เนื่องจากตี้ฝูอีเคยบอกไว้ ยามที่เปิดช่องทางเพื่อออกไปจากเขตแดนนี้ จะทำให้สัตว์ร้ายบนยอดเขาที่แปดตื่นตระหนก และมีเวลาประมาณสามนาทีให้ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย เมื่อถึงเวลาจะเกิดการต่อสู้อันดุเดือดขึ้น หลังจากพ้นสามนาทีนี้ไปทุกคนถึงจะหนีออกไปได้อย่างแท้จริง
ภายใต้การชี้นำของกู้ซีจิ่ว แสงทักษะยุทธ์สารพัดวาบขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง บนเขตแดนที่ทรหดทนทานค่อยๆปรากฏประตูที่สลัวเลือนรางขึ้นบานหนึ่ง…
ทุกอย่างเหมือนที่ตี้ฝูเคยบอกไว้ เมื่อประตูบานนี้ปรากฏเงาร่างขึ้นมาเล็กน้อย ก็มีเสียงคำรามอันกราดเกรี้ยวของสัตว์ร้ายแว่วมาจากส่วนลึกของยอดเขาที่แปด พสุธาสั่นสะเทือน สามลมพัดกรรโชก มีสัตว์ร้ายสี่ตัวโผล่ออกมาจากสี่ทิศ…
เยอะขนาดนี้เชียว?!
กู้ซีจิ่วหน้าเปลี่ยนสีแล้ว!
ตี้ฝูอีบอกไว้แล้วชัดๆ ว่าจะทำให้สัตว์ร้ายตื่นตระหนกเพียงตัวสองตัวเท่านั้น ยามนี้กลับเพิ่มขึ้นมาเท่าตัว!
บนร่างของสัตว์ร้ายที่มีระดับสูงสุดมีรังสีบ้าคลั่งชนิดหนึ่ง ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าขาดกระจุยกระจายด้วยตัวเอง และทำให้ใจคนหนาวสะท้านขึ้นมา
ถ้าหากเป็นคนขี้ขลาดสักหน่อย อย่าว่าแต่สู้กับสัตว์ร้ายเหล่านี้เลย เพียงเห็นพวกมันก็ถูกดุดันโหดร้ายทำให้ขวัญหนีดีฝ่อแล้ว คุกเข่าลงอย่างไม่อาจควบคุมได้ ตัวสั่นงันงกประหนึ่งลูกไก่น้อย
โชคดีที่วรยุทธ์ของทั้งเก้าคนที่นี่ล้วนเป็นขั้นเก้าขึ้นไปทั้งสิ้น ไม่ถึงขั้นที่ยังไม่ทันได้สู้ก็ตกใจจนฉี่ราดแล้ว แต่การตื่นตระหนกก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้ มีบางคนที่สองขาเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามเอาไว้อยู่ หากมิใช่ว่ากู้ซีจิ่วเคยชี้แจงไว้ล่วงหน้าแล้ว เกรงว่าคงมีคนที่ตกใจจนเตลิดหนีไป…
ตี้ฝูอีที่เดิมทีมีท่าทางผ่อนคลาย ยามนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเช่นกัน ปลายนิ้วที่อยู่แขนเสื้อจรดร่ายเวทวิชา ถอยไปอยู่ข้างกายกู้ซีจิ่วอย่างไร้สุ้มเสียง…
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะตื่นตระหนก ทว่ามิได้ลนลาน
สภาพจิตใจอันยอดเยี่ยมเปิดเผยออกมาในยามนี้อย่างสมบูรณ์ เธอรีบสั่งการให้ทุกคนรักษาตำแหน่งของตนไว้ แม้แต่เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยก็ต่างตั้งท่าเตรียมประจัญบานเช่นกัน
ส่วนเพรียกวายุถึงอย่างไรก็เป็นสัตว์ขั้นห้าเท่านั้น แม้ว่ายามนี้จะฝึกฝนจนบรรลุขั้นเจ็ดแล้ว แต่สมรรถภาพร่างกายของมันอยู่ที่ขั้นนั้น ความเกรงกลัวสัตว์ร้ายขั้นแปดเป็นสัญชาตญาณที่ฝังลึกอยู่ในกระดูก ยามนี้ขาทั้งสี่สั่นสะท้านอยู่ตรงนั้น เส้นขนทั่วร่างลุกชันขึ้นมา!
อันที่จริงนับว่ามันยอดเยี่ยมมากแล้ว หากเป็นสัตว์ขั้นห้าที่ฝึกฝนจนบรรลุขั้นเจ็ดตัวอื่นมาที่นี่ จะตกใจกลัวจนหมอบลงกับพื้นไม่กล้าเคลื่อนไหวทันที แต่เพรียกวายุกลับยืนหยัดอยู่ได้
สัตว์ร้ายทั้งสี่มีอยู่สี่ชนิด เถาอู้ วิหคเท้าแดง ฮุ่นตุ้น แรดแยกเวหา
สัตว์ร้ายสี่ตัวนี้สุ่มหยิบออกมาสักตัวก็เพียงพอจะฉีกทึ้งเก้าคนนี้ให้เป็นชิ้นๆ ได้ในชั่วพริบตาแล้ว ตอนนี้กลับล้อมวงเข้ามาถึงสี่ตัว!
กู้ซีจิ่วไม่แสดงสีหน้าใดออกมา ทว่าฝ่ามือกลับหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบ
ตี้ฝูอีเอ่ยเสียงขรึม “สงบใจไว้ เจ้าทำได้!”
————————————————————————————-