56 การกลับมาของจอมมาร สั่นสะเทือนยุทธภพ

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

Sign in Buddha’s palm 56 การกลับมาของจอมมาร สั่นสะเทือนยุทธภพ!

 

 

ต้าถัง

 

นิกายเทียนไถ

 

ในฐานะที่เป็นสุดยอดพรรคฝ่ายธรรมะภายใต้ราชวงศ์ถัง นิกายเทียนไถมีศิษย์สาวกมากมาย และมีนักพรตเทียนเหลียนที่เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด

 

แม้ว่านิกายเทียนไถจะไม่ได้สืบทอดมรดกยาวนานเท่าวัดเส้าหลินที่อยู่มานับพันปี แต่ศิษย์รุ่นนี้ของนิกายก็อยู่ในช่วงรุ่งเรือง นอกจากนักพรตเทียนเหลียนแล้ว ยังมียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งถือกำเนิดขึ้นอีกสองคน

 

ในขณะนี้ที่นิกายเทียนไถ สาวกของนิกายหลายคนต่างกำลังพูดคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบา

 

“ผู้อาวุโสหร่วน เมื่อไม่นานมานี้เจ้าได้เข้าร่วมปิดล้อมปราบปรามสาวกที่เหลือของพรรคมารมานี่ เป็นเยี่ยงไรบ้างเล่า ข้าได้ยินว่าพวกที่เหลือของพรรคมารนั้นเจ้าเล่ห์และโหดร้ายอย่างมาก…”

 

ศิษย์หนุ่มเริ่มเอ่ยถามอย่างสงสัย

 

“เฮ้เฮ้…”

 

ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าผู้อาวุโสหร่วนยิ้มเยาะ “ผลลัพธ์จะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? พวกเด็กอมมือพรรคมารเหล่านั้นจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของนิกายเทียนไถของเราได้อย่างไร นี่เป็นการร่วมมือกันของกลุ่มสำนักฝ่ายธรรมะ แล้วเป็นนิกายเทียนไถของเรานี่แหละที่กวาดล้างพวกที่เหลือของพรรคมารไปได้มากที่สุด…”

 

ผู้อาวุโสหร่วนกล่าวอย่างมีชัย

 

ตั้งแต่ห้าปีที่แล้วที่เหล่ายอดฝีมือและอาวุโสในสามระดับบนของพรรคมารได้ตกตายลงในชั่วข้ามคืน สาวกจำนวนนับไม่ถ้วนของพรรคมารต่างพากันหนีไปด้วยความหวาดกลัวและแยกย้ายกระจัดกระจายกันออกไป

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อกำจัดต้นตอให้สิ้นซาก สำนักฝ่ายธรรมะ นำโดยนิกายเทียนไถได้รวมกองกำลังเข้าปิดล้อมและปราบปรามเหล่าสาวกพรรคมารที่หลงเหลืออยู่

 

“อย่างไรก็ตามข้าได้ยินมาว่าสาเหตุที่สาวกพรรคมารต้องยุบตัวลงเช่นนี้เป็นเพราะสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามแห่งวัดเส้าหลิน…”

 

ศิษย์หนุ่มคนเมื่อครู่เหมือนจะคิดอะไรออก และถามต่ออย่างกระตือรือร้น

 

อาวุโสหร่วนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็พูดออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “ความดีความชอบบางส่วนก็ต้องยกให้กับวัดเส้าหลินอย่างแน่นอน”

 

ทันใดนั้น

 

เสียงแหบแห้งและเย็นชาก็ดังขึ้นมา

 

“โอ้?”

 

“นิกายเทียนไถของพวกเจ้าสังหารสาวกพรรคมารไปมากที่สุดงั้นหรือ?”

 

เห็นเป็นชายชุดคลุมสีดำเดินเข้ามาอย่างช้าๆ

 

ชายชุดดำอยู่ห่างออกไปเป็นพันเมตรในทีแรก แต่พริบตาเดียวเขาก็มาถึงด้านหน้านิกายเทียนไถแล้ว

 

“เจ้าเป็นใคร?”

 

ผู้อาวุโสหร่วนมองไปที่ชายชุดดำโดยไม่มีความเกรงกลัวบนใบหน้าของเขา

 

รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือนิกายเทียนไถ ต่อให้ชายชุดดำคนนี้จะมีความกล้าหาญมากเพียงใด เขาจะกล้าลงมือที่นี่งั้นหรือ?

 

“ข้าเป็นใคร?”

 

ชายในชุดดำยกมือขึ้นมาเล็กน้อย และไอมารก็กระจายออกมาเป็นปีกกระจายตัวเข้าครอบคลุมไปทั่วทุกมุม

 

“ข้าก็เป็นเจ้าของพรรคมารที่เจ้ากำลังพูดถึงอยู่นั่นอย่างไรเล่า”

 

ปึง

 

ทั้งผู้อาวุโสหร่วนและเหล่าสาวกทั้งหลายของนิกายเทียนไถล้วนกลายเป็นละอองเลือดในฉับพลัน

 

“คนที่แข็งแกร่งเยี่ยงเจ้าคือใครกัน?!”

 

เสียงตะโกนแหวกอากาศออกมาอย่างรุนแรง และร่างของรองผู้นำนิกายเทียนไถก็วูบไหวเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วจ้องไปที่ชายชุดดำด้วยสายตาเคร่งขรึม

 

“ดูเหมือนว่า เวลาห้าสิบปีที่ข้าห่างหายไปจากยุทธภพ จะมีคนหลงลืมไปแล้วสินะว่าข้าเป็นใคร”

 

ชายชุดดำหัวเราะอย่างดุดัน สะบัดนิ้วเพียงครั้งเดียวกระแทกใส่รองผู้นำนิกายเทียนไถที่เพิ่งมาถึง

 

“เจ้า?!”

 

รองผู้นำนิกายเทียนไถอาเจียนออกมาเป็นเลือด และมองไปที่ชายชุดดำด้วยความตกใจ

 

เขาไม่คาดคิดว่าชายชุดคลุมสีดำตรงหน้าจะทรงพลังน่าหวาดหวั่นขนาดนี้

 

ในตอนนั้นเอง

 

เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังแว่วมา

 

“ข้าไม่ได้พบเจ้ามากว่าห้าสิบปีแล้ว เจ้าจอมมารนี่ยังดูแข็งแกร่งเหมือนเก่าเลยนะ…”

 

ผู้นำนิกายเทียนไถเดินเข้ามาช้าๆ มองไปที่ชายในชุดคลุมสีดำด้วยแววตาซับซ้อน

 

“อะไรนะ?”

 

“จอมมาร?”

 

“ห้าสิบปี?”

 

รองผู้นำนิกายเทียนไถที่ยืนถัดจากตัวผู้นำ สีหน้าเปลี่ยนไปมากและมองไปที่ชายชุดดำอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

ถ้าฟังแค่ในส่วนที่ว่า ห้าสิบปีก่อน เขาจะไม่เอะใจอะไร แต่ถ้าเพิ่มคำว่าจอมมารเข้ามาด้วยมันชักจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว

 

ห้าสิบปีก่อน มียอดปรมาจารย์ปรากฏตัวขึ้นในพรรคมาร

 

ด้วยการนำพาของมัน พรรคมารเจริญสู่ความรุ่งโรจน์ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อต้านพวกมัน

 

แต่โชคยังดีที่จู่ๆ จอมมารผู้นั้นก็หายตัวไปอย่างไม่มีใครทราบสาเหตุ พรรคมารจึงสูญเสียอำนาจส่วนหนึ่งไป และด้วยการต่อสู้กันระหว่างธรรมะและอธรรม พรรคมารถูกกดดันให้ถอยร่นเข้าสู่ยงโจวในที่สุด

 

ทั่วทั้งยุทธภพลือกันว่าผู้นำของพรรคมารได้ตกตายลงไปแล้ว ไม่เช่นนั้นทำไมตลอดห้าสิบปีถึงไม่โผล่ตัวมาเลยเล่า? ไยจึงยอมให้พรรคมารเสื่อมถอยลง?

 

แต่ตอนนี้รองผู้นำนิกายเทียนไถเหม่อมองไปที่ชายในชุดคลุมสีดำที่อยู่ไม่ไกล ความตกใจสะท้อนอยู่ในอก

 

“จอมมารมาที่นี่มีเหตุอันใดหรือ?”

 

นักพรตเทียนเหลียนกล่าวออกด้วยท่าทีเคร่งขรึม

 

เมื่อห้าสิบปีก่อนจอมมารถึงจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่ง และปัจจุบันตัวเขาเองก็กลายมาเป็นยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดด้วยเช่นกัน ถึงแม้นักพรตเทียนเหลียนจะเกรงกลัวจอมมาร แต่ก็ไม่ได้กลัวมากขนาดนั้น

 

ทั้งคู่ต่างเป็นจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่ง แม้นนักพรตเทียนเหลียนจะจัดการอีกฝ่ายไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็ฆ่านักพรตเทียนเหลียนไม่ได้เช่นกัน

 

ด้วยเหตุนี้นักพรตเทียนเหลียนจึงกล้าออกมาเผชิญหน้ากับจอมมาร

 

“เหตุผลมันง่ายมาก”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจอมมารชุดดำ

 

“พวกเจ้าสังหารสาวกพรรคมารของข้า”

 

“ข้าก็จะทำลายนิกายเทียนไถของเจ้า”

 

ทันทีที่ชายชุดดำกล่าวจบ พลังมารอันน่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมา โอบล้อมไปทั่วทุกสารทิศ

 

เพียงครึ่งวันต่อมา

 

นักพรตเทียนเหลียน ผู้นำนิกายเทียนไถตกตายในระหว่างการต่อสู้และรองผู้นำนิกายในระดับชั้นที่หนึ่งทั้งสองคนก็ตายในสถานที่สู้รบ มีเพียงสาวกนิกายเทียนไถไม่กี่ชีวิตเท่านั้นที่รอดไปได้ แต่ส่วนใหญ่ล้วนนอนตายกลายเป็นศพอยู่ที่นี่

 

 

จอมมารได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว

 

สาวกนิกายเทียนไถที่หลบหนีออกไปได้ พวกเขาก็ส่งข่าวต่อไปยังสำนักพรรคนิกายในอาณาจักรราชวงศ์ถังทันที ด้วยความเร็วที่ยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง

 

บางทีคนรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้ความ แต่จอมยุทธรุ่นเก่าที่รอดชีวิตมาได้เมื่อห้าสิบปีก่อน รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของจอมมารดี

 

เมื่อห้าสิบปีก่อน จอมมารได้ใช้พลังของตัวเองเพียงผู้เดียวในการปราบสำนักฝ่ายธรรมะอย่างมิเกรงฟ้ากลัวดิน หากมันไม่ได้หายตัวอย่างลึกลับในยามนั้น เกรงว่าสำนักพรรคต่างๆ ทั่วทั้งยุทธภพคงจะต้องถูกปกครองโดยจอมมารไปเสียแล้ว

 

“เป็นไปได้เยี่ยงไร?”

 

“นักพรตเทียนเหลียนเป็นยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุด แม้เขาจะพ่ายแพ้ให้กับจอมมารแต่เขาก็ไม่ควรจะตกตายในระหว่างการต่อสู้มิใช่หรือ?”

 

“เป็นไปได้ไหมว่าวิทยายุทธของจอมมารก้าวหน้าขึ้น”

 

จอมยุทธจำนวนนับไม่ถ้วนต่างสั่นสะท้านในหัวใจ

 

แม้จะเป็นนักพรตจางแห่งเขาหวู่ตั้งที่อยู่ในจุดสูงสุดระดับชั้นที่หนึ่งก็เถอะ ตัวนักพรตจางนั้นแตกต่างไปจากจอมมาร

 

นักพรตจางสำเร็จจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่งในช่วงห้าสิบปีที่จอมมารหายตัวไป และตัวเขาก็มีบุคลิกที่สงบเสงี่ยม ตัดขาดจากโลก ไร้ความทะเยอทะยาน

 

แต่กับจอมมาร…

 

เมื่อใดที่จอมมารครองอำนาจในยุทธภพได้อย่างสมบูรณ์ สิ่งที่รอพวกเขาอยู่อาจจะเป็นนรกบนดิน

 

หลังจากที่จอมมารกลับมาอีกครั้ง มันจะต้องรวบรวมเหล่าสาวกพรรคมารที่กระจัดกระจายกันออกไป แล้วสร้างพรรคมารขึ้นมาใหม่และจะเริ่มออกล่าฝ่ายธรรมะที่เคยสังหารสาวกพรรคมารอย่างแน่นอน

 

ในช่วงเวลานี้พรรคมารจะรุ่งเรือง และฝ่ายธรรมะจะต้องสูญเสียดินแดนที่เคยมีไป

 

เหล่ายอดฝีมือระดับชั้นที่หนึ่งของฝ่ายธรรมะมิใช่ว่ามิคิดต่อต้าน แต่ทุกครั้งที่รวมกำลังกันเข้าสู้ก็ถูกสยบด้วยน้ำมือของจอมมาร

 

เรื่องราวที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้ผู้คนเชื่อมากขึ้นว่า จอมมารได้ก้าวหน้าไปอีกขั้น เป็นยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดผู้อยู่เหนือใต้หล้า

 

และเมื่อยามที่จอมมารทรงพลังอำนาจมากขึ้น เขาก็ป่าวประกาศออกมาว่า

 

“สิบวันนับจากนี้ ข้าจะขึ้นภูเขาไปวัดเส้าหลินด้วยเรื่องส่วนตัวและจะขอพบสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามของวัดเส้าหลินสักหน่อย!”

 

เหมือนเวลาหยุดนิ่ง

 

จอมยุทธทั้งหลายต่างตระหนักถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของการปรากฏตัวของจอมมารในครั้งนี้

 

สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามแห่งวัดเส้าหลิน?

 

ทุกคนต่างสงสัยว่าสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามแห่งวัดเส้าหลินรูปนี้จะเป็นคู่ต่อสู้กับจอมมารได้จริงหรือ?

 

ขณะที่โลกภายนอกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

 

ภายในวัดเส้าหลิน

 

พื้นต้องห้ามภูเขาด้านหลัง

 

การผ่าด่านของซูฉินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว