ตอนที่ 862 ท้องฟ้าสีเหลือง

Elixir Supplier

“คัมภีร์เต๋?”

“ใช่ มันเพิ่งผ่านมาได้กี่วันกัน นายจะรีบไปทําไม?” จงหลิวชวนหัวเราะ

สถานการณ์ของเขาในตอนนี้นั้นเขาไม่มีอะไรทํานอกเสียจากการอ่านและฝึกฝนเขาทําไปอย่างไม่ช้าไม่เร็วยิ่งความต้องการของเขาน้อยลงการฝึกฝนของเขาก็พัฒนามากขึ้นเท่านั้นแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังประหลาดใจกับพัฒนาการของตัวเอง

“ฉันไม่มีอะไรให้ทํามาหลายวัน” เจี้ยจื้อจายพูด “ในที่สุดก็มีอะไรให้ทําสักทีฉันก็เลยตั้งใจเป็นพิเศษ”

“มันเลยส่งผลตรงกันข้ามแทน”

“อม ใช่แล้ว”

“ดื่มชาสักหน่อยสิ” จงหลิวชวนรินชาใส่ถ้วยให้เขา

ชามีกลิ่นหอมมาก

“ศิษย์พี่ เชียนเชิงไปถึงขั้นไหนแล้วเหรอ?”

“เรื่องนี้ ฉันบอกไม่ได้หรอก” จงหลิวชวนเงียบไปครู่หนึ่ง

“ฉันได้เห็นแค่ส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น เป็นตอนที่เขียนเชิงเคลื่อนตัวไปไกลกว่าสิบเมตรด้วยหนึ่งก้าว”

“ไปไกลถึงสิบเมตรด้วยก้าวเดียว? เขาร่นระยะทางได้งั้นเหรอ?”

“ก็ไม่เชิง แต่มันมหัศจรรย์มาก เขายังสามารถควบคุมช่องว่าง ทําให้เขาสร้างขอบเขตกักกัน ขึ้นมาได้ นายก็เคยโดนพลังนี้ไปแล้ว”

“อ่อ ฉันยังจําความสุดยอดของมันได้อยู่เลย” เจี้ยจื้อจายพูด “ฉันต่อต้ายมันไม่ได้เลยสักนิด”

“แม้แต่คนที่ร้ายกาจอย่างจางเหว่ยก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”

“บางครั้งฉันก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า เชียนเชิงยังอายุไม่ถึง 30 ปีด้วยซ้ํา ถึงเขาจะเริ่มฝึกตั้งแต่ อยู่ในท้องแม่ มันก็เป็นเวลาไม่ถึง 30 ปี แล้วเขาไปได้ความสามารถที่สุดยอดแบบนี้มาได้ยังไง? เขาไปเรียนมาจากใคร?” คําถามเหล่านี้ติดอยู่ในใจของเจี้ยจื้อจายมาได้สักพักแล้ว แล้วในที่สุด เขาก็พูดมันออกมา

“ความสามารถของเชียนเชิงได้รับการสั่งสอนจากสวรรค์ เขาบอกฉันมาแบบนั้น”

“สวรรค์มอบความสามารถให้เขาอย่างนั้นเหรอ? หมายความว่ายังไงกันแน่?”

“ก็หมายความตามนั้นจริงๆน่ะสิ” จงหลิวชวนพูดด้วยรอยยิ้ม

“เทพเจ้าบนสวรรค์สอนเขาน่ะเหรอ?”

“ใช่” จงหลิวชวนพูด

“ฉันเคยเกิดคําถามแบบนายเหมือนกัน แต่แล้วฉันก็หยุดคิดเรื่องนั้นไป เรื่องที่เขียนเชิงได้มัน มายังไงนั้น ถ้าเขาอยากพูด เขาก็จะบอกพวกเราเอง มันไม่ได้สําคัญเลย ที่สําคัญก็คือ เมื่อพวก เราติดตามฝึกฝนกับเขา เราได้สัมผัสกับสิ่งที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่พวกเรา หวังที่จะได้มันมา แค่เข้าใจเรื่องนี้ก็พอแล้ว” ความนึกคิดของจงหลิวชวนนั้นแตกต่างไปจาก คนทั่วไป

“ศิษย์พี่ นายกับเชียนเชิงเริ่มจะเหมือนกันเข้าไปทุกทีแล้วนะ” เจี้ยจื้อจายพูด

“นั่นก็เพราะได้รับการสั่งสอนจากเชียนเชิงยังไงล่ะ”

“ดีล่ะ พอได้คุยกับศิษย์พี่แล้ว ฉันก็ไม่รู้สึกร้อนใจอีกแล้ว ศิษย์พี่พูดถูก นี่ไม่ใช่สนามรบ ฉันไม่ จําเป็นต้องรีบหรือร้อนใจ ปัญหามันอยู่ที่จิตใจของฉันเอง”

“นี่เป็นคัมภีร์เต่สําหรับนาย ลองเอากลับไปอ่านดู”

“ขอบคุณ ศิษย์พี่” เจี้ยจื้อจายรับมาด้วยท่าทางจริงจัง

“ด้วยความยินดี ศิษย์น้อง” จงหลิวชวนพูด

ทั้งสองยิ้มให้กัน แล้วเลี้ยจื้อจายก็กลับบ้านไป

“นายเข้าใจแล้วเหรอ?” เมื่อเขากลับเข้ามาในบ้าน หูเหมยก็เอ่ยถาม

“ตอนนี้ ฉันเข้าใจแล้วว่าปัญหามันอยู่ที่ตัวฉันเอง” เจี้ยจื้อจายพูด “ฉันใจร้อนเกินไปเลยทําให้ เสียเรื่อง”

“เข้าใจก็ดีแล้ว”

“ฉันจะไปอ่านหนังสือ”

“ไปเถอะ”

เจี้ยจื้อจายถือคัมภีร์เต่า ไปนอนอ่านคัมภีร์และอาบแดดอยู่ที่เก้าอี้ด้านนอกตัวบ้าน

ตอนกลางวัน มีแขกพิเศษมาเยือนที่คลินิก

หลิวเจิ้งเฟิงเดินทางมาจากปักกิ่งด้วยเรื่องของภรรยาและลูกที่ยังไม่เกิดของเขา

“เชียนเชิง รบกวนแล้วครับ” เขาเปลี่ยนวิธีการเรียกหวังเย้า
“ภรรยาของคุณสบายดีไหมครับ?”

“เธอสบายดีครับ” หลิวเจิ้งเฟิงพูด “เธอกินยาที่เขียนเชิงให้ไว้ครั้งก่อน ตอนนี้ ทั้งเธอและลูก แข็งแรงกว่าก่อนหน้านี้มาก”

เขาขับรถมาที่คลินิกพร้อมกับของขวัญราคาแพงมีทั้งชุดน้ำชาจากเมืองจึงเต๋อเจิ้น และใบชาสองสามกระปุกเป็นใบชาหลิ่วอันกวาเพี้ยน,ซินหยางเหมาเจี้ยน,และไท่ผิงโห่วขุยทั้งหมดล้วนเป็นชาที่ส่งตรงมาจากแหล่งผลิตหลายคนไม่สามารถซื้อมันได้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเงินก็ตามเขาต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะตามเก็บมาได้จนครบ

“นี่เป็นของเล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณจากผมครับ หวังว่าเชียนเชิงจะชอบ”

“นี่มันไม่เล็กน้อยเลยนะครับ” หวังเย้าพูด

“เชียนเชิง ผมอุตส่าห์หอบมาถึงที่นี่เลยนะครับ”

“ก็ได้ ผมจะรับเอาไว้” หวังเย้าพูด

“เอ่อ ดีครับ ดี” หลิวเจิ้งเฟิงรีบพูด เขากลัวว่าชายหนุ่มจะไม่พอใจและไม่ยอมรับของขวัญที่เขานํามามันคงทําให้เขาล่าบากใจมาก

“คุณรีบรึเปล่าครับ?”

“หา?” หลิวเจิ้งเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ไม่ครับ ไม่รีบ”

“ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยรอสักสองวันจะได้ไหมครับ? ผมจะเตรียมยาเอาไว้ให้คุณ”

“โอ้ ได้ครับ ผมจะรอ”

หลิวเจิ้งเฟิงเอาเบอร์โทรศัพท์ของเขาให้หวังเข้าไป และออกไปจากคลินิก

เมื่อหวังเย้ากลับไปที่บ้าน พร้อมกับหอบเอากระปุกใส่ใบชามาด้วยหลายกระปุกแม่ของเขาก็แปลกใจเธอถามว่า“ทําไมลูกถึงได้เอากลับมาเยอะแยะแบบนี้ล่ะ?”

“มันเป็นของขวัญที่คนไข้อุตส่าห์เดินทางไกลเพื่อเอามาให้นะครับ”

“โอ้ นี่มัน…”

หวังเย้ายิ้มและนําของไปเก็บไว้ในห้อง เขาชอบชาก็จริง แต่มันไม่ถือว่าเป็นงานอดิเรกของเขาในเมื่อเขารับของมาแล้วเขาก็จะลดรายาให้อีกฝ่ายแทน เขาไม่คิดจะหาผลประโยชน์ที่เขาไม่ควรได้ ถึงยังไงภรรยาของหลิวเจิ้งเฟิงก็เป็นแค่คนไข้คนหนึ่งของเขาพวกเขาไม่ใช่ญาติหรือเพื่อนระหว่างพวกเขาไม่ได้มีคําว่ามิตรภาพอยู่

คืนนั้น บนเนินเขาหนานชาน หวังเย้ายืนอยู่บนยอดเขาและมองท้องฟ้าเขายืนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งกลางดึก

“แปลก ทําไมดวงดาวคืนนี้ถึงดูแปลกๆ?”
ท้องฟ้าดูไม่ต่างไปจากปกติแต่หวังเย้ากลับมองเห็นพลังฉีสีเหลืองที่ครอบคลุมฟ้าดินเอาไว้เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

การที่ท้องฟ้าแปลกไปมักจะมีเรื่องเกิดขึ้น

แล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะ?

หมู่บ้านบนเขาเงียบสงัดตลอดทั้งคืน

วันต่อมา พระอาทิตย์ขึ้นเหมือนเช่นทุกวัน

“ซานเซียน เมื่อคืน นายรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า?”

โฮ่ง! ซานเซียนเห่าตอบ

อ่อ

หวังเย้าพยักหน้าและหันหน้าเดินไปทางแปลงสมุนไพร เขาหยุดมองไปที่ต้นซื้อเปยหลงหยา

หลังจากนี้ ฉันจะใช้ใบของมัน

หลิวเจิ้งเฟิงเดินทางมาจากปักกิ่งก็เพื่อขอคําแนะนําเรื่องการรักษาและยารักษาสําหรับภรรยาของเขาหวังเย้าจึงต้องเตรียมไว้ให้เขา เขาแค่กําลังรอให้สมุนไพรโตพอที่จะนํามาใช้งานเท่านั้นสมุนไพรวิเศษระดับกลางยังไม่โตเต็มที่แต่ก็สามารถนํามาทํายาได้แล้ว หากดูตาอาการของเฟิงเจียเหอแค่หนึ่งใบก็นับว่าเพียงพอแล้ว

เขาเดินจากเนินเขาหนานชานไปที่เนินเขาตงชาน

จงหลิวชวนกับเจี้ยจื้อจายกําลังรอเขาอยู่

เช้าวันนี้ เจี้ยจื้อจายก็ได้เห็นการย่างก้าวของหวังเย้า หวังเย้าย่างก้าวได้ไกลถึงสิบกว่าเมตรแล้วก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขา

“สุดยอด!”

มันเป็นค่าพูดที่เหมาะสมที่สุดเท่าที่เขาจะคิดได้

ฉันจะทําแบบนั้นได้เมื่อไหร่? เขาคิด

“มาเริ่มกันเถอะ”

“ดีครับ”

เหมือนอย่างเช่นทุกวัน พวกเขาฝึกสมาธิและหมัดมวย ซึ่งเป็นการฝึกที่เรียบง่ายสําหรับพวกเขาทํา

พวกเขาใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง

เมื่อเจียจื้อจายลงจากเขา เขาก็รู้สึกสดชื่นอย่างมาก

“ภูเขาลูกนั้นมันดูแปลกๆนะ!”

เมื่อเขากลับไปถึงที่บ้าน หูเหมยก็ทําอาหารไว้รอแล้วเขาล้างหน้าล้างตาและทานอาหารเช้าร่วมกับเธอ

“ภรรยา คืนนี้ อยากขึ้นไปบนเนินเขาตงชานกับฉันไหม?”

“ไปทําไมเหรอ? หรือจะให้ไปฝึกกับนาย?”หูเหมยถาม

“เธอไม่อยากไปเหรอ?”

“แค่เชียนเชิงยอมสอนนายก็ถือว่าดีมากแล้ว ส่วนฉันแค่ได้อยู่บ้านก็ดีอยู่แล้ว” หูเหมยพูด

“อากาศบนเนินเขาตงชานสดชื่นมากเลยล่ะ ถ้าเธอขึ้นไปบนนั้นบ่อยๆมันจะดีกับร่างกายของเธอนะ” เจี้ยจื้อจายพูด เขารู้สึกได้ว่า หูเหมยอยากเรียนรู้จากเขาด้วยความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาระหว่างพวกนี้ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นเป็นไปได้ว่าหวังเย้าอาจจะยอมรับเธอเป็น ศิษย์เหมือนกับเขา เขาสามารถนําสิ่งที่เรียนมาสอนเธอได้ แต่เขาไม่ทํา และหูเหมยก็ไม่เคยขอให้เขาทําด้วย

“ได้ ฉันจะไปกับนาย”

ภายในโรงพยาบาลประจําเขตเหลียนชาน หลายวันมานี้ แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลคราคร่ำไปด้วยผู้คน มีผู้ป่วยหลายคนที่เจ็บหนัก

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

พันจวินที่มองดูผู้ป่วยทั้งหลายก็รู้สึกแปลกใจอย่างมาก

“มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่หมู่บ้านของเรา และมีบ้านหลายหลังที่ถล่มลงมา” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด“มันเกิดขึ้นตอนที่ทุกคนกําลังนอนหลับกันอยู่เลยไม่มีใครทันได้ตั้งตัวในตอนที่เกิดแผ่นดินไหวขึ้น”

แผ่นดินไหว? ทําไมในตัวเมืองเหลียนชานถึงไม่รู้สึกอะไรเลย?

“คุณลุงมาจากหมู่บ้านไหนเหรอครับ?”

“หมู่บ้านหยวนเจีย”

“แล้วแผ่นดินไหวเกิดขึ้นกี่โมงเหรอครับ?”

“ประมาณตีสี่ตีห้า เกือบๆเช้าแล้ว”

เช้าวันนั้น มีผู้ป่วยมากกว่า 20 ราย พวกเขาส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ บางคนเจ็บหนักถึงขั้นกระดูกหักหรือไม่ก็ช้ำในพวกเขาต่างถูกส่งตัวไปตามแผนกที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม

“ทําไมถึงไม่มีการเตือนเรื่องแผ่นดินไหวเลยล่ะ?”

“ใครบอกว่าไม่มีล่ะ เมื่อได้ยินพวกเขาพูดกันว่า พวกเขาได้ยินเสียงหมาในหมู่บ้านเห่ากันระงมเลย”