นี่แหละอวี๋หมิงซี เจ้าแม่แห่งความโหด
ผู้หญิงคนอื่นถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะต้องร้องกรี๊ดอย่างไม่ต้องสงสัย มีแค่เธอที่พุ่งเข้าไปตบ!
ไห่เจาถูกตบหน้าหัน เลือดกำเดาไหลยาวลงมา
“อย่าคิดว่านายหน้าตาเหมือนไห่เจาแล้วจะแอบเข้ามาดูฉันในบ้านได้นะ! ฉันจะฆ่าแก!” ดูหมัดนี่!
“โอ๊ย!”
ไห่เจาร้องเสียงหลง แอบดูสาวมันต้องเจอแบบนี้!
อวี๋หมิงซีตบเสร็จจะต่อย ไห่เจารีบหันไปเช็ดเลือดกำเดาทางอื่นพลางอ้อนวอน
“แม่จ๋า ผมนี่ไงไห่เจา นี่บ้านผม! ดูดีๆสิ!”
“นายคือไห่เจา? หันมาดีๆซิ! ไม่สิ เดี๋ยวค่อยหัน ฉันไปหาอะไรคลุมตัวก่อน!”
อวี๋หมิงซีเมาแล้วก็ยังคงความดิบเถื่อนไว้เหมือนเดิม เธอเอาเสื้อคลุมที่ไห่เจาถอดไว้มาคลุมตัว ปกปิดเรือนร่างของเธอได้พอดี จากนั้นก็ชี้หน้าด่าไห่เจา
“หันมานี่ ฉันจะดูว่าใช่ไห่เจาจริงหรือเปล่า! ถ้าไม่ใช่ล่ะก็นายตายแน่! คิดว่าหุ่นของฉันจะให้ใครเห็นได้ง่ายๆงั้นเหรอ?”
ไห่เจาทำใจหันไปหาเธอ เห็นเธอเอาเสื้อของเขามาคลุมไว้ ถึงจะมองไม่เห็นเรือนร่างของเธอแล้วแต่กลับยิ่งดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิม เสื้อของเขาอยู่บนตัวเธอ ภาพนี้เขาเคยเห็นในฝัน โอ๊ย เลือดกำเดาจะทะลัก
“ดูสิ ผมนี่ไงไห่เจา ดู นี่ไงหน้าไห่เจา!” ไห่เจาชี้หน้าตัวเอง ควบคุมสายตาที่อยากมองเธอไว้ไม่อยู่ แต่ก็กลัวเลือดกำเดาพุ่ง รีบไล่ผู้หญิงคนนี้เข้าห้องดีกว่า เขาดูต่อไม่ได้แล้ว ไม่งั้นเกิดเรื่องแน่!
“หน้าตาก็เหมือนไห่เจานี่…ไม่สิ!” อวี๋หมิงซีถีบไปหนึ่งทีกลางท้องไห่เจาจุกๆ ไห่เจาเจ็บจนเกือบตาเหลือก ไอ้ลูกถีบที่ไร้ความเมตตาแบบนี้ใครสอนเธอเนี่ย!
“ตอแหล! หน้าไห่เจามีเลือดเต็มหน้าแบบนี้ที่ไหนกัน! แกมันคนหลอกลวง ฉันจะฆ่าแก!”
ไม่มีเหตุผลอะไรต้องยกมาใช้กับคนเมา ไห่เจาไม่กล้าหลบ ทำได้แค่เป็นกระสอบทรายให้เธอตบทีเตะที อวี๋หมิงซีก็ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป ชอบท้าเตะท้าต่อยตั้งแต่เด็ก แถมยังเคยเรียนวิชาป้องกันตัวมาจากในค่ายทหาร ไห่เจาไม่มีทางสู้ได้อยู่แล้ว แต่หลักๆคือเขาไม่กล้าสู้กลับหรอก
เห็นเธอดูท่าทางไม่เลิกราง่ายๆเขาจึงขดตัวกลมเป็นลูกบอล นี่คือท่าปกติตั้งแต่สมัยเด็กเวลาที่เขาถูกเธอเตะต่อย
เอ๊ะ ลูกชิ้นกุ้ง นายคือไห่เจานี่นา” อวี๋หมิงซีทำหน้าตกใจ เหมือนนึกอะไรออก
เธอนั่งลงลูบหัวของเขา “ไห่เจา ใช่นายหรือเปล่าไห่เจา?”
“ก็ใช่น่ะสิ…” เขาพูดด้วยท่าทางน่าสงสาร ต่อไปห้ามให้เธอดื่มเด็ดขาด พอดื่มแล้วก็ขาดสติแบบนี้
“นายเองเหรอ งั้นก็แบบนี้!” เธอเกี่ยวคอเขาขึ้นมาแล้วเอาปากเข้าไปจูบ
ถ้าบอกว่าถูกสาวสวยอัดแล้วจะได้จูบเป็นการปลอบใจ งั้นไห่เจายอมโดนอัดจนตาย เพื่อให้จูบแค่ไม่กี่วินาทีนี้ได้คงอยู่ต่อไป
ริมฝีปากบางๆของเธอ ถึงจะกลั้วปากแล้วก็ยังมีกลิ่นเหล้าอยู่ดี ไห่เจารู้สึกว่าเส้นประสาททั้งหมดของร่างกายมารวมอยู่ตรงริมฝีปากหมดแล้ว จูบของเธอมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เร็วเสียจนเขาตั้งรับไม่ทัน พอเขาได้สติกำลังจะโอบเธอเพื่อจูบให้หนักหน่วงขึ้น แต่เธอกลับผละออก
การกระทำของเธอเหมือนทำโดยไม่รู้ตัว แต่กลับเพียงพอที่จะทำให้เขาหวั่นไหว เธอเลียปากตัวเองช้าๆ ท่าทางของเธอในตอนนี้ทำให้หัวใจของเขาอ่อนระทวย ไห่เจารู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว เลือดในกายถูกเธอปลุกจนพลุ่งพล่าน
“อะไรกัน ทำไมรสชาติมันปะแล่มๆเหมือนสนิม จะอ้วก…ถุย!” เธอถุยอย่างรังเกียจ ไห่เจาถึงนึกขึ้นได้ นั่นมันเลือดกำเดาเขานี่หว่า…
“อย่าขยับนะ เดี๋ยวผมเช็ดให้” เขาจับเธอกดลงบนโซฟาแล้วลุกไปหยิบกระดาษทิชชู่ เธอปัดมืออย่างรำคาญ
“ฉันทำเอง นายไม่ต้องยุ่ง นายไปจัดการตัวเองก็พอ หนุ่มน้อย ทำไมโพรงจมูกนายถึงได้เปราะบางแบบนี้ ได้ไปตรวจสุขภาพบ้างหรือเปล่า?”
ผู้หญิงที่เป็นทหารความคิดจะไม่เหมือนคนปกติ ไห่เจายิ้มแหยๆ
“ผมสุขภาพแข็งแรงดี”
เพียงแต่เจอยาพิษที่ร้ายแรงต่อชีวิต เขาจะทำอะไรได้?
เขาเงยหน้า ดูเหมือนจะหยุดเลือดกำเดาได้แล้ว เขาเอากระดาษทิชชู่อุดไว้ที่จมูกทั้งสองรู อวี๋หมิงซีชี้หน้าเขาพลางหัวเราะร่า
“ดูสภาพโง่ๆนายสิ ฮ่าๆๆๆ!”
“ก็ผมโง่นี่นา…” ถ้าไม่โง่จะตามตื๊อคุณอยู่แบบนี้เหรอ! ไห่เจาจนปัญญา พอเจอเธอเขาก็ระทวย
“ตาโง่ มานี่มา! เขยิบมาหาเจ้!” อวี๋หมิงซีดูสนใจไห่เจาที่อยู่ในสภาพมีทิชชู่อุดอยู่ในรูจมูก จึงกวักมือเรียกเขาอยากจะดูใกล้ๆ ไห่เจารักษาเกียรติที่เหลือเพียงน้อยนิดของลูกผู้ชายหันหนีไม่มองเธอ
ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาเธอเดิมก็ไม่ได้สูงส่งอยู่แล้ว เหตุการณ์ในวันนี้ยิ่งพาฉุดลงสู่ก้นเหว
ยังดีที่วันนี้ได้จูบด้วย รู้สึกเหมือนตัวเองชนะทุกคนบนโลก ชีวิตที่เหลืออยู่ก็พึ่งรสจูบที่อยู่ในความทรงจำนี่ประทังชีวิตแล้วกัน น่าเสียดายที่ได้จูบแปบเดียว
ขณะที่ไห่เจากำลังคิดอยู่นั้น อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับขา เธอมานั่งบนตักเขาเฉย ทำเอาหัวใจของเขาเต้นรัวอีกรอบ วิญญาณเหมือนหลุดไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เหมือนเธอจะยังสนุกไม่พอ เอานิ้วเรียวยาววาดลงบนตัวเขา
“ทำไม ไม่เชื่อฟังเจ้แล้วเหรอ? กล้าดื้อกับเจ้เหรอ?”
พอเธอทำแบบนั้นหัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา ไม่กล้าขยับ ไม่กล้ามองเธอ เธอที่เพิ่งอาบน้ำมาส่งกลิ่นหอมดึงดูดสุดๆ กระตุ้นเส้นประสาทของเขา ทำให้เขาเขินหนักจนแทบอยากมุดหน้าหนี
“ผมจะกล้าไม่เชื่อฟังคุณได้ไง รีบลงไปเถอะ ชายหญิงห้ามใกล้ชิดกัน!”
“ไม่ลง! ฉันตัวไม่หนัก! รูปร่างฉันกำลังดี! ยังไงก็ไม่ลง! ฉันอยากทำอะไรก็ทำ!” ดูเหมือนอวี๋หมิงซีจะทำตัวเป็นศัตรูกับเขา ไม่เพียงแต่จะไม่ลง ยังขยับตัวไปมาบนตักเขาด้วย
ใบหน้าของไห่เจาแดงก่ำ น้ำเสียงก็ขรึมลง “คุณ คุณ อย่ายั่วโมโหผมนะ!”
“ฉัน ฉัน ฉันจะทำ!” เธอจงใจยั่วโมโหเขา
ต่อให้ไห่เจาจะเชื่อฟังเธออย่างไร เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เธอทำตัวใกล้ชิดแบบนี้ในที่สุดเขาก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ล็อคตัวเธอไว้ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เธอหลับตา ริมฝีปากบางๆเผยอขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับกำลังรออยู่
สติของไห่เจาถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ตอนนี้เขาแค่อยากทำตามสัญชาตญาณ
ทันใดนั้น เสียงเพลงอันไพเราะก็ทำทั้งสองคนสตั๊นอยู่กับที่ เสียงนี้ฟังดูคุ้นหูมาก
แล้วอวี๋หมิงซีก็นึกออก นี่มันเพลงที่เธอร้องไม่ใช่เหรอ?
ไห่เจาไม่เพียงแต่จะใช้เพลงของอวี๋หมิงซีตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ แม้แต่เสียงกริ่งประตูก็ยังเป็นเพลงของเธอ
เฮงซวย ตั้งนานไม่ดัง ดันมาดังเอาตอนนี้ ไห่เจาอยากอัดคนมากดเสียจริงๆ
เสียงเพลงจากกริ่งประตูยังคงดังต่อเนื่อง ไห่เจาเลยต้องพักการกระทำอันร้อนแรงกับเธอไว้ก่อนแล้วลุกไปเปิดประตูด้วยความโมโห
“ใครวะ—ลี่ลี่?”
พอเห็นสาวสวยที่ยืนอยู่หน้าประตูไห่เจาก็ได้สติขึ้นมาทันที
ลี่ลี่ตกใจสภาพของเขานิดหน่อย เธอรีบยื่นถุงกระดาษในมือให้
“พี่ไห่ นี่ของที่พี่สั่ง ฉันเอามาส่งแล้ว”