ตอนที่ 376 เธอกำลังหัวเราะ ส่วนเธอกำลังร้องไห้ (2) / ตอนที่ 377 เซิ่งเสี่ยวเฮย ฉีเสี่ยวฮัว (1)

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 376 เธอกำลังหัวเราะ ส่วนเธอกำลังร้องไห้ (2)

 

 

ฉีเหยียนซีขมวดคิ้วด้วยความเลือดร้อน ทั่วทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายสังหาร

 

 

เขาสบถในลำคอ จากนั้นก็อุ้มเธอกลับไปยังห้องของตัวเอง

 

 

เขาเตะประตูห้องน้ำอย่างรุนแรงและพามู่หลีเข้าไป

 

 

ฉากดังกล่าวปรากฏขึ้นอีกครั้ง มู่หลีขดตัวด้วยความหวาดกลัว น้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

 

 

เมื่อเห็นเธอร้องไห้ ฉีเหยียนซีก็รู้สึกหงุดหงิด “ร้องไห้ทำไม! อาบน้ำแล้วรออยู่นี่ เดี๋ยวฉันจะไปฆ่าไอ้ระยำนั่น แก้แค้นให้เธอ!”

 

 

น้ำเสียงหยิ่งผยองของเขาทำให้หัวใจมู่หลีสงบลงโดยไม่รู้ตัว

 

 

มู่หลีเปิดฝักบัวและใช้แรงถูไปทั่วร่าง เธอได้ยินเสียงอันเลือนลางของฉีเหยียนซีกำลังโทรศัพท์หาใครบางคนอยู่ด้านนอกและสั่งการให้จัดการกับคนขับรถคนนั้น

 

 

พออาบไปได้ครึ่งทางก็ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก เธอตกใจจนตัวสั่น

 

 

ใครจะรู้ว่าฉีเหยียนซีไม่ใช่คนฉวยโอกาส อีกทั้งยังทิ้งเสื้อผ้าของเขาเอาไว้ให้สองชิ้น

 

 

มู่หลีร้องไห้น้ำตาไหลพราก

 

 

เธอหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่และเดินออกไปอย่างระมัดระวัง

 

 

ฉีเหยียนซีขมวดคิ้วยืนอยู่ตรงหน้าต่างแล้วมองลงไปข้างล่าง

 

 

“ซย่าซย่ามาน่ะ…แล้วอยากพบเธอ ฉันจึงบอกปัดไปว่าเธอไม่สบาย” ฉีเหยียนซีอธิบายไปสองประโยคและพูดอย่างหงุดหงิด “ทำไมเธอถึงทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพแบบนี้?”

 

 

มู่หลีจิกนิ้วเท้าตัวเองพลันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

 

 

คิดว่าเธออยากเป็นแบบนี้งั้นหรือ?

 

 

แต่ไหนแต่ไรมาโชคชะตาไม่อนุญาตให้เธอได้เลือก มอบครอบครัวที่เลวร้ายให้เธอ เลวร้ายไปหมด

 

 

ชีวิตของเธอก็เหมือนกับละครโศกนาฏกรรม มันถูกขีดเขียนไว้แล้วตั้งแต่ต้นจนจบ เธอเปลี่ยนแปลงไม่ได้ง่ายๆ

 

 

เมื่อมองออกไปผ่านทางหน้าต่าง เธอก็เห็นอันซย่าซย่ากำลังปั้นตุ๊กตาหิมะด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอยู่ที่สวนข้างบ้าน ทั้งยังปาหิมะใส่เซิ่งอี่เจ๋อผู้เย็นชาอย่างมีความสุข

 

 

หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ยิ้มและกอดเธอจนเป็นก้อนกลม แม้เสียงหัวเราะของทั้งสองจะอยู่ไกลออกไป แต่ดูเหมือนว่าจะสามารถลอยผ่านเข้ามาได้

 

 

โลกใบนี้ไม่เคยยุติธรรมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

 

 

ชีวิตคนบางคนทั้งอบอุ่น เจิดจรัสและมีความสุข

 

 

ส่วนชีวิตใครบางคนทั้งเหน็บหนาว ต่ำต้อยและโหดร้าย

 

 

เธอชอบอันซย่าซย่าเพื่อนคนนี้มาโดยตลอดเพราะอันซย่าซย่ามีทุกสิ่งที่เธอปรารถนา

 

 

ทว่าอีกด้านของหน้าต่าง…ในตอนนี้ อันซย่าซย่ากำลังหัวเราะ ส่วนเธอกำลังร้องไห้

 

 

เมื่อฉีเหยียนซีเห็นเธอทำหน้าจนตรอกแบบนี้ ก็รู้สึกว่าตัวเองพูดหนักไปหน่อย เขากระแอมเสียง “วันนี้เธอนอนที่นี่เถอะ ต่อไปถ้ามีคนมารังแกเธออีก เธอต้องโทรหาฉันเป็นคนแรก ฉันจะปกป้องเธอเอง!”

 

 

อันที่จริงมู่หลีอาศัยอยู่ที่บ้านของเขามาตั้งแต่เด็ก ในสายตาของฉีเหยียนซี เขาไม่เคยมองเธอเป็นคนรับใช้ แต่เป็นเพื่อนคนหนึ่ง

 

 

เป็นแม้กระทั่งครอบครัวที่อยู่ด้วยกันทั้งเช้าและเย็น

 

 

มู่หลีก้มหน้าลงและพูดสะอึกสะอื้น “คุณชาย…”

 

 

“เรียกคุณชายอะไรกัน! เรียกชื่อฉันสิ!” ฉีเหยียนซีพูดอย่างไม่สบอารมณ์

 

 

มู่หลีลังเลสักพักแล้วเรียกเบาๆ “ฉีเหยียนซี…”

 

 

“หืม?”

 

 

เธอเหมือนเด็กที่ได้อมยิ้มและเรียกอีกครั้งอย่างอายๆ “ฉีเหยียนซี”

 

 

“อะไร?!” เด็กหนุ่มผู้เกรี้ยวกราดทนไม่ไหวอย่างเห็นได้ชัด

 

 

“ขอบคุณที่ช่วยฉัน”

 

 

ฉีเหยียนซีบุ้ยปาก “เอ๊ะ ฉันบอกเธอแล้วไงว่าอย่าทำเป็นดราม่ามอบชีวิตให้อะไรแบบนี้!”

 

 

มู่หลีฝืนยิ้ม ในที่สุดสภาพจิตใจก็กลับมาเป็นปกติ เธอพบว่าโทรศัพท์ของฉีเหยียนซีสั่นได้สักพักหนึ่งแล้ว จากนั้นใบหน้าของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มในทันทีพลางกดรับสาย “ยัยทึ่มซย่าซย่า ทำไม…มีอะไร? เธอจะกลับบ้านแล้วเหรอ? รอฉันด้วย ฉันจะไปส่งเธอ!”

 

 

เขาวางสายโทรศัพท์แล้วทิ้งประโยคหนึ่งให้มู่หลี “พักผ่อนด้วยล่ะ” จากนั้นก็รีบวิ่งลงไปข้างล่าง

 

 

บรรยากาศภายในห้องกลายเป็นภาพโทนสีขาวดำอันหนาวเหน็บ เหลือเพียงมู่หลีเพียงคนเดียว

 

 

เธออ้าปากค้าง และในที่สุดก็หัวเราะเยาะตัวเอง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 377 เซิ่งเสี่ยวเฮย ฉีเสี่ยวฮัว (1)

 

 

ฉีเหยียนซีกระโดดข้ามกำแพงด้วยความชำนาญ อันซย่าซย่ากล่าวลาคุณปู่เซิ่งกับคุณย่าเซิ่งเพิ่งเสร็จและเตรียมจะกลับบ้าน

 

 

“เฮ้! เธอจะกลับไปทำไม!” ฉีเหยียนซีไม่สบอารมณ์

 

 

พอกลับไป เขาก็ไม่ได้เจอเธอแล้ว

 

 

“วันนี้เป็นวันสิ้นปี ฉันต้องกลับไปดูรายการส่งท้ายปีเก่า!” อันซย่าซย่ายิ้มตาหยีและย่นจมูก “ฉีเหยียนซี นายไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม? มู่หลีเป็นอะไรกันแน่ ถ้าเธอป่วย ฉันยิ่งต้องไปเยี่ยมเธอสิ…”

 

 

“เยี่ยมคนป่วยในวันฉลองปีใหม่จะไม่เป็นมงคลเอาได้! มู่หลีให้ฉันมาทักทายเธอ รอมู่หลีหายดีค่อยนัดเธอออกไปเที่ยวด้วยกัน!” แม้หน้าฉีเหยียนซีจะไม่ได้แดงแต่ใจเขากลับเต้นแรง “ให้ฉันไปส่งเถอะ”

 

 

น้ำเสียงเย็นชาของใครบางคนที่ไม่ได้เอ่ยปากมาโดยตลอดพูดคำพูดเย็นเฉียบออกมาเพียงคำเดียว “ไสหัวไป”

 

 

“ไอ้บ้าเซิ่งเสี่ยวเฮย!” ฉีเหยียนซีชูนิ้วกลางเป็นการยั่วยุเซิ่งอี่เจ๋อ

 

 

อันซย่าซย่าขึ้นไปบนรถแล้ว เมื่อได้ยินคำนั้นจึงยื่นหัวเล็กๆ ออกมา “ฉีเหยียนซี ทำไมเรียกเขาว่าเสี่ยวเฮย (ดำ) ล่ะ?”

 

 

“เพราะมันอิจฉาที่ฉันขาวกว่า มันก็เลยตั้งฉายาให้ฉันไงล่ะ” เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มอย่างชนะ “ใช่สิ เธอรู้ไหมฉายาของมันคืออะไร?”

 

 

ฉีเหยียนซีกระทืบเท้าอย่างร้อนใจ “ถ้านายบอกเธอ ฉันจะก่อกวนนาย!”

 

 

“งั้นนายยังจะไปส่งอยู่ไหม?” เซิ่งอี่เจ๋อพูดด้วยเสียงเย็นเฉียบ

 

 

ฉีเหยียนซีพูดด้วยความหวาดกลัว “ไม่ส่งก็ไม่ส่ง…”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อตั้งใจจะปล่อยเขาไป แต่ผลปรากฏว่าเจ้านั่นกลับไปนั่งตรงเบาะหลังด้วยความฉลาดปราดเปรียว

 

 

“แต่ฉันจะนั่งรถตามไปด้วย! ฉันมีของลืมไว้ที่บ้านซย่าซย่า นายให้ฉันนั่งไปเอาหน่อยแล้วกัน!”

 

 

“ฉีเหยียนซี นายอย่าสำคัญตัวเองเกินไป ความสัมพันธ์ของเราสองคนไม่ได้ดีไปถึงขั้นนั้นไม่ใช่เหรอ?” เซิ่งอี่เจ๋อหมดคำพูดและไม่สามารถทำอะไรกับเจ้าโง่หน้าด้านคนนี้ได้ จึงได้แต่สตาร์ทรถอย่างจนใจ

 

 

รถปอร์เช่ขับเลี้ยวมาทางบ้านตระกูลอัน

 

 

ระหว่างทาง อันซย่าซย่าถามด้วยความข้องใจ “ฉายาของฉีเหยียนซีคืออะไรกันแน่?”

 

 

“ห้ามบอกนะ!” ฉีเหยียนซีลนลาน

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยังมีใจคิดที่จะแก้แค้น เขายิ้มมุมปาก “ฉีเสี่ยวฮัว (ดอกไม้) ”

 

 

ฮะ? ทำไมน่ารักขนาดนั้น!

 

 

ฉีเหยียนซีทำท่าเหมือนกระอักเลือด “นาย! นายอย่าพูดนะ…”

 

 

อย่างไรก็ตามเซิ่งอี่เจ๋อก็ไม่ได้สนใจเขาพลางอธิบายอย่างใจเย็น “ก็เพราะตอนเด็กๆ มีใครบางคนชอบใส่กระโปรงลายดอกไม้…แล้วยังชอบใส่กระโปรงปีนต้นไม้อีกด้วย…”

 

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า! จริงเหรอ?” อันซย่าซย่าหัวเราะอย่างหนักจนหายใจแทบไม่ทัน

 

 

ที่แท้แล้วฉีเหยียนซีก็ทำตัวประหลาดๆ มาตั้งแต่เด็ก!

 

 

ฉีเหยียนซีทำหน้าไร้ความหวัง “หึหึหึ…”

 

 

ตอนนั้นเขาอายุแค่ห้าหกขวบและไม่ได้ทำตัวเกินวัยแบบเซิ่งอี่เจ๋อ เขาเพียงทำตัวโง่ๆ และเล่นสนุกไปวันวัน

 

 

เขาคิดว่าประโปรงของเด็กผู้หญิงสวยมาก…และถามเซิ่งอี่เจ๋อว่าใส่ได้ไหม ด้วยความเจ้าเล่ห์ของเซิ่งอี่เจ๋อก็บอกเขาว่า : “ได้แน่นอน”

 

 

ตั้งแต่นั้นมาเขาก็สวมกระโปรงลายดอกไม้ไปปีนต้นไม้ด้วยความซุกซน

 

 

ดังนั้นจึงกลายเป็นเรื่องตลกขบขันมานานหลายปี!

 

 

อัปยศที่สุด! มันคือความอัปยศ!

 

 

เมื่อพูดถึงเรื่องเก่าๆ ทั้งสองก็ฉุกคิดได้ว่าพวกเขาก็เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากเช่นกัน…

 

 

อย่างไรก็ตามความรู้สึกแบบนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้งก็ไม่ชอบขี้หน้ากันเสียแล้ว ทำเหมือนไม่อยากอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน นั่นทำให้อันซย่าซย่าไม่เข้าใจ

 

 

สองคนนี้มีความขัดแย้งอะไรกัน? ความสัมพันธ์ถึงได้ดูฝืนเกร็งขนาดนี้?

 

 

 

 

บ้านตระกูลอัน

 

 

อันซย่าซย่ากระโดดลงมาจากรถ ป่าป๊าอันรู้ว่าเธอจะกลับมาจึงออกมารอรับเธออยู่ก่อนแล้ว

 

 

เมื่อเห็นอันซย่าซย่า ป่าป๊าอันก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนและโบกมือให้เธอ

 

 

ป่าป๊าอันยืนอยู่บนทางเท้า แต่กลับถูกรถมอเตอร์ไซต์คันเล็กพุ่งเข้าชน!

 

 

ป่าป๊าอันตั้งตัวไม่ทันจึงทำให้ล้มลงกับพื้น!