โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.373 – ผู้การรัฐ เกาหยูคัง

 

เห็นฉินเฟิงไม่คิดเอ่ยคำใดอีก เหมิงหลินก็อดถอนหายใจด้วยอารมณ์ไม่ได้ “สาเหตุหลักที่ฉันกังวลในตอนนี้ ก็คือจะเอายังไงดีกับคนเหล่านั้น ฉินเฟิง เกรงว่าคงต้องรบกวนคุณแล้ว ฝากดูแลพวกเขาด้วย”

 

เหมิงหลินไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของเขา ยังไงก็เทียบไม่ได้กับฉินเฟิง

 

“อืม ผมจะดูแลพวกเขาเอง”

 

ฉินเฟิงพยักหน้า ขณะเดียวกัน รถศึกก็ขับมาถึงโรงแรมหรูใจกลางเมืองพอดี

 

ตัวอาคารโรงแรมสูงสิบชั้น และนอกไปจากผู้ใช้พลังเลเวล D 100 คนแล้ว ไม่มีใครเหลืออยู่อีกเลย

 

นั่นเพราะคนเหล่านี้ อาจก่อเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้

 

ฉินเฟิงถูกจัดให้พักในห้องเพรสซิเดนท์สูท บนชั้นที่ 10

 

เพื่อสามารถจับตาดูคนที่อยู่เบื้องล่างได้ตลอดเวลา

 

ทว่า หลังจากที่ฉินเฟิงมาถึง และกวาดพลังสมาธิออกไป เขากลับพบว่ามีเลเวล D เหลืออยู่แค่ 80 กว่าคนเท่านั้น

 

ไม่รู้เหมือนกัน ว่ามีใครหนีไปแล้วบ้าง

 

แต่บางที นี่อาจเป็นสิ่งที่เหมิงหลินต้องการ

 

เพียงเปิดประตู ผู้ใช้พลังคนอื่นๆที่นำโดยเฉินเซี่ยงก็ก้าวมาเบื้องหน้าฉินเฟิง ต้อนรับเขา

 

จำนวนน่าจะสักราวๆ 20 – 30 คน

 

“ทุกคนมารับผมได้แบบนี้ แสดงว่าอาการดีขึ้นแล้วใช่ไหม?”

 

“พวกเรายังสบายดี ขอบคุณมิสเตอร์ฉิน”

 

คนเหล่านี้ทุกคนต่างรู้สึกสำนึกคุณ และก้าวเข้ามาเพื่อขอบคุณฉินเฟิง

 

บางคนอดไม่ไหว ต้องเอ่ยถามออกมา “มิสเตอร์ฉิน เกิดอะไรขึ้นกับผู้ใช้พลังที่คุณสู้ด้วยก่อนหน้านี้?”

 

“อ้าว พี่เฉินยังไม่ได้บอกพวกคุณหรอ?” ฉินเฟิงหันไปมองชายคนนั้น

 

ใบหน้าของคนเอ่ยถามค่อนข้างเคร่งเครียด อีกทั้งสีหน้าของเขายังดูซีดเซียวเล็กน้อย

 

คนเหล่านี้กำลังกังวล กังวลจนสังเกตเห็นได้ชัด

 

เฉินเซี่ยง “ฉันแค่ต้องการให้นายเป็นคนบอกด้วยตัวเอง”

 

“มันตายแล้ว” ฉินเฟิงยืนยันหนักแน่น

 

บางคนผ่อนคลายลง บางคนกลับแสดงออกถึงความกังวลยิ่งกว่าเดิม

 

“เรื่องราวคราวนี้วุ่นวายใหญ่โตมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีเลเวล C ถูกส่งมาอีกไหม”

 

ปัจจุบันในกลุ่มพวกเขาล้วนได้รับบาดเจ็บ ไม่ต้องกล่าวถึงเลเวล C ตอนนี้เกรงว่าเลเวล D ก็ยังปลิดชีพพวกเขาได้

 

เลยเป็นธรรมดาที่คนเหล่านี้จะรู้สึกกังวล

 

ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจางและกล่าว “ผมพอจะรู้คร่าวๆเกี่ยวกับองค์กรนี้ เกรงว่าเรื่องมันอาจจะใหญ่กว่าที่คิดด้วยซ้ำ เลเวล C ่ที่เพิ่งสู้ไปอาจไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุด ที่อยู่เบื้องหลัง ดังนั้น มันจะดีกว่านะ ถ้าทุกคนตั้งหลักกันอยู่ในเมืองนุ่ยเหมิงกันก่อน อย่ารีบร้อนที่จะหนีไปเลย”

 

“แล้วตัวฉันในตอนนี้ มีโอกาสกลับไปเหมือนก่อนหน้าได้อีกไหม?” จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

 

เห็นได้ชัดว่าเขาคือคนที่คืนสภาพได้ดีหลังกลายพันธุ์ และจากท่าทีเหมือนจะรู้สึกตื่นเต้นมาก

 

การแสดงออกของฉินเฟิงกลับคืนสู่ความเยือกเย็น แววตาของเขาคมชัด “ถ้าคุณไม่อยากกลายพันธุ์อีกแล้ว ก็น่าจะทำได้ แต่หากคุณคิดกลายพันธุ์อีก ทั้งยังต้องการอิสระ ก็ต้องจดจำไว้ให้ดี ว่าตอนนี้คนจากองค์กรมืดได้ทำการทดลองกับคุณ หากคุณคิดออกจากพันธมิตรมนุษยชาติ ไปเข้าร่วมกับองค์กรมืด คุณคิดว่า มีโอกาสมากแค่ไหนที่คุณจะได้เข้าร่วมจริงๆ น่ากลัวว่าโอกาสที่คุณจะถูกเชือดเป็นชิ้นๆแล้วจับไปทดลองยังสูงกว่า!”

 

คนอย่างฉินเฟิง มีหรือจะไม่เข้าใจเป้าหมายของคนที่เอ่ยถาม

 

ทันทีที่สิ้นเสียง สีหน้าของหลายคนก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด

 

“เอาล่ะ มีเรื่องอะไรค่อยพูดกับผู้การรัฐที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้เถอะ ตอนนี้พวกคุณไปพักผ่อนกันก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีกำลังมากพอที่จะรักษาชีวิตตนเองไว้ อย่าลืมว่าพวกคุณอาจถูกลักพาตัวได้ตลอดเวลา และอีกฝ่ายอาจมีเลเวล C อยู่มากกว่าหนึ่งคน!”

 

ฉินเฟิงกล่าวกึ่งข่มกึ่งเตือน คว้าคีย์การ์ดห้องและพาไป๋หลีขึ้นลิฟต์ไปทันที

 

ห้องที่เหมิงหลินเตรียมเอาไว้ให้ ทันทีที่ก้าวเข้ามาก็บอกได้เลยว่าหรูหรา! ทั้งพื้นที่และการตกแต่งภายในล้วนไม่มีที่ติ เรียกได้ว่าเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดอาจเป็นของใหม่ด้วยซ้ำ

 

คาดว่านี่คงจะเป็นการให้ความสำคัญกับฉินเฟิง!

 

“ฉินเฟิง สถานที่แห่งนี้ปลอดภัยแน่นอน คุณสามารถบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้รึเปล่า?”

 

เหมิงหลินเอ่ยปาก แม้คนอื่นๆจะบอกเขาคร่าวๆแล้ว แต่เขาเชื่อคำพูดของฉินเฟิงมากกว่า

 

ฉินเฟิงขบคิดอยู่ชั่วขณะ “บางทีคุณอาจไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แต่ขอรับรองได้เลย ว่านี่คือฝีมือขององค์กรมืดจริงๆ!”

 

เหมิงหลินผงะตกใจ

 

กล่าวกันว่าคนของพันธมิตรองค์กรมืดมักจะคอยทำเรื่องชั่วช้าอยู่ในที่ลับ ไม่มีใครที่ไหนออกมาป่าวประกาศให้ผู้อื่นรู้ว่าอาชญากรรมนี้เป็นฝีมือตน เพื่อเพิ่มพูนชื่อเสียง และรับสมุนตัวร้ายมากขึ้น

 

แต่การเคลื่อนไหวคราวนี้มันเอิกเริกเกินไป อาละวาดหนักมาก เหมิงหลินไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ

 

กระทั่งผู้ใช้พลังเลเวล C ก็ยังส่งออกมา ไม่อยากจินตนาการเลย ว่าความแข็งแกร่งของผู้นำพวกเขาจะมากมายขนาดไหน

 

เหมิงหลินไม่กล้าจินตนาการแม้แต่น้อย ว่าพันธมิตรองค์กรมืดที่น่าสะพรึงดั่งยักษาเช่นนี้ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร

 

ฉินเฟิงกล่าวต่อ “พวกเขาเรียกตัวเองว่าองค์กร Z เงาของพวกเขากระจายอยู่ตามสามเฉิง ทั้งยังมีกองกำลังแฝงตัวอยู่ในเมืองหลัก และดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ อย่างเบาะแสที่ผมได้ข่าวในคราวนี้ ก็พบว่าเป็นโกวเกิงหัวหน้ากองกำลังอินทรีทรายแห่งสี่เมืองทะเลเหนือ หากไม่รู้ล่วงหน้า การลอบโจมตีในครั้งนี้ ผลลัพธ์อาจร้ายแรงกว่าเดิมมาก!”

 

ฉินเฟิงเองก็ไม่คาดคิดเช่นกัน ว่าวิกฤตล่มสลายของชาตงจะมาจากสาเหตุนี้

 

สีหน้าของเหมิงหลินเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด

 

“แล้วเรื่องของหยานฟางเล่า? มันเป็นมายังไงกันแน่?”

 

“เขากับผมมีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อย แต่จู่ๆอีกฝ่ายก็หยิบยื่นน้ำมาให้ ผมเลยยิ่งเกิดความสงสัยในตัวเขา” ฉินเฟิงกล่าวกึ่งจริงกึ่งโกหก

 

แน่นอน สุดท้ายเขายังเอ่ยเสริมถึงเรื่องของหยานชูวและร่างทดลองมนุษย์กลายพันธุ์อีกเก้าคน ที่มีความแข็งแกร่งระดับนายพล และราชันย์ หากพวกมันปรากฏกายขึ้นโดยไม่มีฉินเฟิง คงยากจะรับมือ

 

เหมิงหลินตั้งใจแยกไปย่อยข่าวดีที่ได้รับจากฉินเฟิง เขาเอ่ยบอกลา

 

“ฉินเฟิง ฉันไม่รบกวนแล้ว เชิญพักผ่อนเถอะ”

 

“อา พรุ่งนี้เจอกันครับ”

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น ลุกเฟิงลุกจากเตียงแต่เช้าตรู่ เขาได้รับข้อความ ว่าผู้การรัฐได้มาถึงแล้ว

 

แน่นอน ว่ามิได้เดินทางมาด้วยยานขนส่ง แต่ใช้ตัวเชื่อมมิติเดินทางมาโดยตรง

 

ซึ่งแต่ละครั้งต้องเสียเงินกว่าหลายสิบล้าน ความฟุ่มเฟือยดังกล่าวมีเฉพาะเพียงผู้ใช้พลังเลเวล C เท่านั้นที่ยินดีจ่าย สิ่งนี้ฟุ่มเฟือยยิ่งกว่าฮอลศึกของฉินเฟิงเสียอีก

 

แต่ต้องขอบอกเลยว่า ในแง่ของการเดินทาง มันรวดเร็วเป็นอย่างมาก

 

ผู้การรัฐแห่งสี่เมืองทะเลเหนือ เรียกกันว่าเกาหยูคัง

 

เป็นผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล C3 อายุราวๆ 35 ปี ช่วงแรกๆที่สามารถปลุกพลังได้ ได้รับการทดสอบว่ามีศักยภาพสูงส่ง ปัจจุบันจึงได้รับตำแหน่งเป็นผู้การรัฐของสี่เมือง และเป็นมาได้ 3 ปีแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วเขาไม่สนใจสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสี่เมืองทะเลเหนือ เพราะแม้ด้านทรัพยากรแม้สี่เมืองจะดีกว่าสามเฉิงเล็กน้อย แต่สำหรับเลเวล C ถือว่าน้อยเกินไป

 

นอกจากนี้ เกาหยูคังยังถูกจำกัดอำนาจโดยตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณ เขาเลยแทบไม่ต้องการอยู่ในสี่เมืองทะเลเหนือ

 

ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าตำแหน่งผู้การรัฐ เป็นแค่การดำรงอยู่ในนามเท่านั้น

 

เกาหยูคังยังหนุ่ม มีความสามารถ เลยเป็นธรรมดาที่เขาจะออกไปผจญภัยภายนอก

 

กลับมาคราวนี้ เพราะมีปัญหาใหญ่ที่เกี่ยวพันธ์กับพันธมิตรมนุษยชาติ กระทั่งเลเวล A ที่อยู่เบื้องหลังยังทวงถาม ผลคือเกาหยูคังต้องจำใจกลับมา

 

สามารถสร้างฐานแฝงตัวท่ามกลางเมืองเลเวล D ได้ , กระจายสารพิษของยีนกลายพันธุ์โดยไม่มีใครรู้ตัว แล้วหากมันเกิดแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างเล่า? ภัยคุกคามมันจะใหญ่แค่ไหน

 

ภายในโรงแรมระดับสูงของนุ่ยเหมิง ณ เวลาเที่ยงวัน ผู้ใช้พลังจากในปราการชาตงได้ถูกเรียกมารวมตัวกันในห้องประชุม …