บทที่ 95 งานแถลงข่าว

รักหวานอมเปรี้ยว

เปปเปอร์เคยบอกว่าชายเจ้าเล่ห์คือคนลักพาตัวส้มเปรี้ยวไป และบอกว่าว่าชายเจ้าเล่ห์นั้นเป็นแฟนคลับที่คอยตามจีบเธอ

ในตอนนี้ คนในรายชื่อบังเอิญมีรูปจิ้งจอก บ่งชี้ตัวตนของคนคนนี้ได้เป็นอย่างดี

“ ชายเจ้าเล่ห์เหรอ?” ชายหนุ่มหัวเราะขึ้น “พวกคุณเรียกผมแบบนี้เองเหรอเนี่ย ไม่เลว ฉายานี้ผมชอบมาก!”

เมื่อมายมิ้นท์เห็นว่าเขายอมรับ เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความเกร็ง “เป็นคุณจริงๆด้วย คุณเป็นใครกันแน่?”

“ตอนนี้ผมบอกคุณไม่ได้หรอกนะ แต่คุณวางใจได้ ผมจะไม่มีวันทำร้ายคุณแน่ คุณเป็นเหมือนแสงสว่างของผม และผมจะปกป้องคุณไปตลอดชีวิต” น้ำเสียงตอบกลับของชายเจ้าเล่ห์ดูอ่อนโยน

มายมิ้นท์ได้ยินน้ำเสียงของเขาเช่นนั้นก็หน้าแดงเรื่อ

คนคนนี้คงจะไม่ใช่คนที่จะตามจีบเธอใช่ไหม?

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ชายเจ้าเล่ห์ก็เอ่ยปากขึ้นอีกว่า “เอาละครับ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณรีบพักผ่อนเถอะแล้วผมจะติดต่อคุณไปใหม่นะ ลาก่อน”

พูดจบ ชายเจ้าเล่ห์ก็วางสายลง

มายมิ้นท์จ้องไปที่หน้าจอมือถือ เดิมที่เธอยังมีคำถามต้องการถามเขาอีก แต่ก็ทำได้เพียงกลืนน้ำลายลงคอ

เอาเถอะ ในเมื่อเขาบอกว่าจะติดต่อเธอมาอีก ถ้าอย่างงั้นรอครั้งหน้าค่อยถามก็แล้วกัน

เพียงแต่ว่าคนนี้เป็นใครกันแน่ จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวขึ้นและทำดีกับเธอขนาดนี้ มันทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อเลย

มายมิ้นท์มองไปยังภาพโปรไฟล์จิ้งจอกที่อยู่ในรายชื่อนั้น ในใจเธอก็รู้สึกเหมือนฝันไป

เช้าวันต่อมา มายมิ้นท์ตื่นขึ้นเนื่องจากเสียงโทรเข้าของลาเต้

“ที่รัก ตื่นหรือยังครับ? ผมรออยู่ที่ข้างล่างแล้ว” ลาเต้นั่งอยู่ในรถสปอร์ตสีแดงสดของเขา แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองดูอาคารด้านบน

มายมิ้นท์อ้าปากหาวแล้วตอบว่า “กำลังจะตื่นเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”

“โอเคงั้นรีบหน่อยนะ ผมรออยู่ในรถ” ลาเต้พูด

มายมิ้นท์ตอบรับเบาๆก่อนจะวางสายลง จากนั้นเธอก็เปิดผ้าห่มออกเพื่อลงจากเตียง

หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว เธอก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายและใช้ไม้ค้ำเดินไปที่ประตู

เมื่อเปิดประตูออก ก็มีจดหมายฉบับหนึ่งหล่นลงมาจากบริเวณมือจับด้านนอกของประตู

มายมิ้นท์หยิบมันขึ้นมาด้วยความสงสัย เมื่อมองไปยังตัวอักษรบนจดหมายแล้วจึงพบว่านี่คือจดหมายที่เธอเขียนคุยกับเพื่อนทางจดหมายที่ชื่อว่าข้าวก้อง

ทำไมถึงมาอยู่ข้างนอกได้?

มายมิ้นท์กำจดหมายฉบับนั้นเอาไว้และมองออกไปด้านนอกประตู จู่ๆเธอก็นึกถึงปีโป้ขึ้นมา

ปีโป้เคยเอาจดหมายฉบับหนึ่งไป และบอกว่าจะคืนให้กับเธอ คาดว่านี่จะเป็นจดหมายตี้ปีโป้เอากลับมาคืน

แต่ครั้งที่แล้วเธอบอกให้ปีโป้เอาทิ้งไป

คาดไม่ถึงว่าเขาไม่ได้ทิ้งมัน

มายมิ้นท์มองดูจดหมายฉบับนั้น ก่อนจะนำมันใส่ไปในกระเป๋าอย่างลวกๆ ตั้งใจว่ากลับมาตอนเย็นแล้วค่อยนำไปใส่ในลิ้นชักจดหมาย

เมื่อเธอเดินลงมาถึงด้านล่าง

ลาเต้ก็โบกมือให้เธอพูดว่า “ที่รัก ทางนี้”

มายมิ้นท์ใช้ไม้ค้ำพยุงเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ “อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

“อรุณสวัสดิ์ครับ อันนี้อาหารเช้า” ลาเต้หยิบถุงที่วางอยู่ข้างหลังตนเองออกมายื่นให้เธอ “ซาลาเปาและน้ำเต้าหู้ของร้านทองสุกคุณชอบกินมันที่สุด”

เมื่อสัมผัสไปพบว่ายังร้อนอยู่ ในใจมายมิ้นท์ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เธอยิ้มแล้วตอบว่า “ลาเต้ คุณดีกับฉันจัง”

“เหอะๆ ใครสั่งให้คุณเป็นที่รักของผมล่ะ รีบขึ้นรถเข้าเถอะ” ลาเต้เปิดประตูรถทางด้านหลังให้แก่เธอ

ระหว่างทาง มายมิ้นท์กำลังกินซาลาเปาและจู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามเขาว่า “ลาเต้คะ คุณรู้จักใครในวงการแฮกเกอร์ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเราและชอบจิ้งจอกไหม?”

เมื่อลาเต้ได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “ที่รัก คุณถามเรื่องนี้ทำไมกัน?”

“เมื่อคืนนี้ฉันโทรศัพท์คุยกับชายเจ้าเล่ห์ ก็คือคนที่ลักพาตัวส้มเปรี้ยวไปน่ะค่ะ” มายมิ้นท์ดื่มน้ำเต้าหู้เสร็จแล้วตอบเขา

ลาเต้ส่ายหน้า “ผมไม่รู้จักครับ พวกเราโตมาด้วยกัน ถ้าคุณไม่รู้จักแล้วผมจะรู้จักได้ยังไง ว่าแต่เขาพูดอะไรกับคุณเหรอ?”

มายมิ้นท์รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เขาบอกว่าข้าวจะคอยปกป้องฉัน และยังให้รายชื่อชาวเน็ตที่ด่าฉันแบบรุนแรงมาด้วย”

“ก็ดีนี่นา อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเขาไม่ใช่ศัตรูของเรา” ลาเต้ยักไหล่

“มันก็ใช่นั่นแหละ แต่การที่มีใครบางคนแอบดูแลและปกป้องฉันอย่างเงียบๆ โดยที่ฉันไม่รู้ตัว มันรู้สึกแปลกยังไงไม่รู้” มายมิ้นท์ถอนหายใจออกมา

ลาเต้ยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่เป็นไรหรอกน่า เพียงแค่เขาไม่ทำร้ายคุณก็พอแล้ว อีกอย่างถ้ามีคนคนหนึ่งคอยปกป้องคุณอยู่แบบนี้ผมเองก็วางใจไม่น้อย ดังนั้นอย่าไปคิดมากเลย อ้าวถึงพอดี”

เขาจอดรถและเปิดประตูลงไป ก่อนจะพยุงมายมิ้นท์ออกมาจากที่นั่งทางด้านหลัง

เมื่อทั้งสองคนลงจากรถ ก็มีนักข่าวกลุ่มหนึ่งกรูเข้ามารั้งเอาไว้

“สวัสดีค่ะคุณมายมิ้นท์ ไม่ทราบว่างานแถลงข่าวในวันนี้ จัดขึ้นเพื่อเตรียมจะแก้ต่างของคุณใช่ไหม?”

“คุณลาเต้ครับ คุณมายมิ้นท์เป็นแฟนของคุณ เรื่องที่เธอยังไปพัวพันเกี่ยวข้องกับสามีเก่า คุณมีความคิดเห็นว่าอย่างไร

พวกคุณจะเลิกกันมั้ย?”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามมากมายซึ่งดูไร้สาระของนักข่าวเหล่านี้ มายมิ้นท์ไม่ได้ตอบอะไรพวกเขา สีหน้าของเธอเย็นชา และถูกลาเต้ป้องกันเอาไว้เดินตรงไปยังประตูอาคารเทนเดอร์

หลังจากเข้าไปในเทนเดอร์แล้ว มายมิ้นท์ก็ได้เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยออกมา เพื่อให้รั้งนักข่าวที่ก็ตามเธอเข้ามาเหล่านั้นไป

ด้านในลิฟต์ ลาเต้จัดแจงเสื้อผ้าที่ดูยุ่งเหยิงอยู่ “ให้ตายสินักข่าวพวกนี้บ้าบอสิ้นดี!”

มายมิ้นท์ก็จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอเช่นกัน “ช่วยไม่ได้นี่ เพื่อกระแสร้อนแรง ทุกคนก็ต้องพยายามเอาชีวิตเข้าแลกแบบนี้แหละ”

“พวกเขารังแกเราเพราะเห็นว่าอำนาจอ่อนแอกว่าน่ะสิ เมื่อวานตอนที่เผชิญหน้ากับเปปเปอร์ไม่เห็นจะกล้าเบียดเข้ามาขนาดนี้!” ลาเต้เบ้ปาก น้ำเสียงของเขาดูขมขื่น

มายมิ้นท์ยกมือขึ้นขยี้ไปที่หัวคิ้ว “เอาล่ะไม่ต้องพูดมากแล้ว ไปห้องประชุมกันเถอะ”

เมื่อพูดจบเธอก็เดินออกไปจากลิฟต์เพื่อตรงไปยังห้องประชุม

ซินดี้ยืนอยู่ตรงประตูห้องประชุม เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาก็โค้งตัวเล็กน้อย “ประธานมายมิ้นท์ ประธานลาเต้ สวัสดีค่ะ”

“สื่อที่เราเชิญ มาถึงหรือยัง?” มายมิ้นท์มองไปที่นาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงสี่สิบหกนาทีแล้ว ยังเหลือเวลาอีกประมาณยี่สิบนาที

ซินดี้พยักหน้าแล้วตอบว่า “มากันหมดแล้วค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะ” มายมิ้นท์ผลักประตูห้องประชุมเข้าไป

ลาเต้กับซินดี้เดินตามหลังเธอเข้าไปเช่นกัน

เมื่อทั้งสามคนปรากฏตัวขึ้น บรรดาสื่อต่างๆก็พากันหันกล้องมายังพวกเขาแล้วเริ่มกดชัตเตอร์

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแสงแฟลชมากมายขนาดนี้ แต่ใบหน้าของมายมิ้นท์ยังคงเย็นเยือก ดวงตาเธอแทบไม่กะพริบเลย เธอเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างสงบ ก่อนจะจับไมโครโฟนและผู้ด้วยเสียงดังกังวานว่า

“ยินดีต้อนรับทุกท่านที่เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวในวันนี้นะคะ คาดว่าเนื้อหาของการจัดงานแถลงข่าวในวันนี้ทุกคนคงจะรู้ดี ถูกต้องแล้วค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับหัวข้อประเด็นความวุ่นวายบนอินเทอร์เน็ตเมื่อวานนี้”

“มาแล้วๆ เริ่มแล้ว!”

ในห้องประธานบริษัทบริษัทตระกูลนวบดินทร์ ทามทอยหยิบโทรศัพท์มือถือไว้ในมือ เมื่อเห็นมายมิ้นท์ปรากฏตัวขึ้น ก็ตบลงบนบ่าของเปปเปอร์เบาๆ “ภรรยาเก่านายไม่เลวนี่ เผชิญหน้ากับสื่อมากมายขนาดนี้ก็ยังไม่รู้สึกตื่นตระหนก สไตล์สาวแกร่งที่เข้มแข็งแบบนี้ ถ้าบอกว่าเธอเป็นแม่บ้านแม่เรือนมาถึงหกปีคงไม่มีใครเชื่อ”

เปปเปอร์ไม่ได้พูดอะไร ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังผู้หญิงที่อยู่ในโทรศัพท์

หญิงสาวทำผมลอนตรงปลาย แต่งหน้าละเอียดประณีต เธอสวมชุดสูทสีแดงเผยให้เห็นรูปร่างโค้งเว้า มองไปช่างสง่าเหลือเกิน

มายมิ้นท์ที่เป็นแบบนี้ เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

ภาพที่เขาเห็นเธอมากที่สุดคงเป็นฉากที่สวมผ้ากันเปื้อนมัดผมหางม้าและสวมเสื้อผ้าสีพื้น

มายมิ้นท์ในสภาพเช่นนั้นไม่ได้เจิดจ้าสว่างไสวแต่อย่างใด ไม่เหมือนกับมายมิ้นท์ในตอนนี้ที่เจิดจรัสเสียจนไม่อาจจะละสายตาได้

เขาต้องยอมรับว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนไปเยอะมาก มีความมั่นใจมากขึ้นแข็งแกร่งและสวยงาม

ในงานแถลงข่าว มายมิ้นท์เหลือบมองไปยังสื่อต่างๆที่นั่งประจำที่แล้วพูดว่า “ฉันเชื่อว่าทุกคนคงจะสงสัยเกี่ยวกับโพสต์บนอินเทอร์เน็ตเมื่อวานนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวกันแน่ ตอนนี้ฉันจะขอบอกความจริงกับทุกคนว่า ลูกสาวของท่านประธานบริษัทตระกูลมหาเอกรัตนา คุณขนมผิง เพื่อนสนิทของคุณส้มเปรี้ยวที่เป็นคนลงมือทำ”

เมื่อได้ยินมายมิ้นท์พูดถึงชื่อตนเอง อีกทั้งต่อหน้าสาธารณชน ขนมผิงที่กำลังดูถ่ายทอดสดอยู่นั่นก็หน้าขาวซีด

กิจการของบริษัทตระกูลมหาเอกรัตนาในเมืองเมืองเดอะซีไม่นับว่าอยู่ในวงการแนวหน้าเลย เทียบไม่ได้แม้แต่เทนเดอร์กรุ๊ปเสียด้วยซ้ำ การที่เธอสามารถอยู่ในวงการผู้ดีได้ก็เป็นเพราะอาศัยชื่อเสียงของส้มเปรี้ยว

ตอนนี้เมื่อมายมิ้นท์พูดเรื่องนี้ออกมา แล้วสาวๆ หรือชายหนุ่มในแวดวงเหล่านั้นจะมองเธออย่างไร ทุกคนคงจะรู้สึกว่าเธอเป็นพวกที่ต่ำต้อย และดูถูกเธอพยายามหลีกหนีไปให้ไกล ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีใครอยากจะมาสานสัมพันธ์หรือแต่งงานกับตระกูลมหาเอกรัตนาคุณพ่อก็คงจะโทษเธอ แล้วเธอจะทำอย่างไร?

ตอนนี้ขนมผิงแทบจะร้องไห้ เธอเป็นกังวลใจยิ่งนักและรู้สึกเสียใจในการกระทำหุนหันพลันแล่นของตนเอง