ตอนที่ 1,552

War sovereign Soaring The Heavens

7 ทวาราเที่ยงแท้

 

 

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์นั้นเป็นยอดคนผู้หนึ่ง! ผู้เป็นดั่งตำนานมีชีวิตในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!

 

กระทั่งบิดาของนาง ผู้เป็นผู้นำคหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน ชั่วชีวิตยังไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้พบพานผู้เฒ่าพยากรณ์สักครั้ง

 

กลับกัน ครั้งหานเฉวี่ยไน่ยังเป็นเด็ก ยามที่ออกเดินทางติดตามอาจารย์ไป นางได้พบกับผู้เฒ่าพยากรณ์แล้วครั้งหนึ่ง

 

ยามนั้นผู้เฒ่าพยากรณ์ยังทำนายทายทักว่าอีกไม่นาน นางจะได้เดินทางไปยังทวีปมนุษย์อย่างทวีปเมฆาล่องที่อยู่ห่างไกล ถึงตอนนั้นนางจักพบพานกับวาสนาที่รอนางอยู่

 

ถึงแม้ในตอนนี้นางยังไม่รู้ว่าวาสนาที่ผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวหมายถึงอะไร

 

แต่ยามที่นางได้เดินทางไปยังทวีปเมฆาล่อง นางก็ได้พบพานความสุขครั้งใหญ่ในชีวิต เพราะนางได้พบเจอกับต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อ ลี่เฟย รวมไปถึงเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 อย่างเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจิน

 

ต่อหน้าพวกพี่ใหญ่ นางคล้ายได้พบพานอิสระเสรีที่แท้จริง

 

อีกฝ่ายไม่ได้ปฏิบัติกับนางเป็นดั่ง คุณหนูใหญ่สกุลหาน นางได้เป็นตัวของตัวเองอย่างที่ไม่เคยได้เป็นมาก่อน…

 

“ท่านอาจารย์ พอมีหนทางใดช่วยพี่สาวเค่อเอ๋อให้พ้นจากคราวเคราะห์หรือไม่?”

 

เสียงหานเฉวี่ยไน่สั่นไปไม่น้อย นางไม่อยากให้พี่สาวเค่อเอ๋อที่มีจิตใจดีงามและอ่อนโยนกับนางต้องประสบคราวเคราะห์อันใด ทั้งยิ่งไม่อยากเห็นพี่ใหญ่หลิงเทียนเศร้าโศก

 

หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่สาวเค่อเอ๋อ พี่ใหญ่หลิงเทียนจะทุกข์ทรมานใจถึงเพียงใดกัน?

 

“สหายเก่าข้าบอกว่านางทำได้แค่พึ่งพาตัวเองเท่านั้น”

 

สตรีเลอโฉมระบายลมหายใจออกมาอย่างจนปัญญา

 

“ไม่! ข้าต้องไปหาพี่สาวเค่อเอ๋อที่เกาะป้านเยว่เดี๋ยวนี้! ข้าต้องเจอพี่สาวเค่อเอ๋อ!!”

 

หานเฉวี่ยไน่กล่าว และเตรียมจะพุ่งร่างออกไป

 

“นางมิได้อยู่เกาะป้านเยว่ กระทั่งทวีปเมฆาล่องอีกต่อไป”

 

อย่างไรก็ตามวาจาของสตรีเลอโฉม กลับทำให้เค่อเอ๋อต้องชะงักร่างลงทันที นางยังอึ้งกับคำนี้ไม่น้อย เร่งหันกลับมาถามอาจารย์แสนสวยของนางทันที “ท่านอาจารย์ แล้วพี่สาวเค่อเอ๋ออยู่ไหนเหรอ?”

 

“ข้าก็มิรู้ว่านางอยู่ที่ใด”

 

สตรีสวยงามกล่าวตอบ “อย่างไรก็ตามครั้งนี้ที่ข้ากลับมาหาเจ้าเพราะมีเรื่องต้องบอกเจ้า…ข้าจะจากไปสักพัก”

 

“ท่านอาจารย์ ท่านจะไปแล้วหรือ?”

 

ไม่รอให้สตรีเลอโฉมกล่าวจบคำดี หานเฉวี่ยไน่เร่งกล่าวถามออกมาหน้าเสีย

 

ในสายตาของนาง อาจารย์คนนี้แทบไม่ต่างอะไรจากมารดาของนางเลย

 

เมื่ออาจารย์กล่าวออกมาแบบนี้ นั่นหมายความว่านางกำลังจะไปแล้ว ไหนเลยเฉวี่ยไน่จะยินยอม

 

“อื้ม”

 

หญิงงามพยักหน้า “ข้าต้องจากไปเพื่อกระทำเรื่องราวอันสำคัญยิ่งบางอย่าง…สำหรับเจ้ากับพี่สาวลี่เฟยและสหายน้อยทั้ง 3 ของเจ้า สามารถย้อนกลับไปยังทวีปเมฆาล่องดูสักครั้งได้ สหายเก่าของข้าทำนายว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้าสมควรย้อนกลับไปทวีปเมฆาล่อง บางทีครั้งนี้เจ้าอาจยืนยันที่อยู่ของเขาได้”

 

พี่ใหญ่หลิงเทียน!

 

ลูกตาของหานเฉวี่ยไน่เผยประกายจ้าใสออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำของสตรีแสนงาม

 

“สำหรับมังกรเทพยาดานั่น…”

 

ขณะสตรีเลอโฉมกล่าว นางก็สะบัดมือเรียกกระบี่สั้นงดงามเล่มหนึ่งมอบให้เฉวี่ยไน่ “หากเจ้าพบเจอเผ่าพันธุ์มังกรที่คิดทำร้ายเจ้า ให้จ่ายปราณแท้ลงไปยังกระบี่สั้นเล่มนี้เพื่อเปิดใช้งานเสีย…แล้วเจ้าจักมิต้องกังวลอันใดอีกต่อไป”

 

หลังจากส่งกระบี่สั้นให้หานเฉวี่ยไน่แล้ว สตรีเลอโฉมก็สลายร่างหายไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอย

 

“ท่านอาจารย์”

 

หานเฉวี่ยไน่กำกระบี่สั้นไว้แน่น ลูกตางามเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา อาจารย์อยู่ที่คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานกับนางมาเนิ่นนานแล้ว

 

จากไปครานี้แม้จะได้พบกันอีกครั้ง แต่ก็มิรู้ว่าจะอีกเนิ่นนานเพียงใด

 

ถึงแม้อาจารย์ของนางจะกล่าวบอกไว้แต่แรกว่าสักวันต้องจากไป แต่นางไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงรวดเร็วขนาดนี้

 

อย่างไรก็ตามพอคิดได้ว่าอาจารย์ของนางนั้นพลังฝีมือสูงส่งเสียยิ่งกว่าบิดา เช่นนั้นนางคิดไปที่ใดก็ไร้ผู้ใดทำอันตรายใดได้…เช่นนั้นตราบใดที่ยังมีลมหายใจ สักวันต้องได้พบกันอีกครั้งเป็นแน่

 

“เฉวี่ยไน่ หลังจากวันนี้เจ้าบ่มเพาะจิต ด้วยเคล็ด ธุลีแดง ของข้าได้อย่างวางใจ…ถึงเวลาแล้วที่ทายาทของข้า ธุลีแดงจะเฉิดฉาย!”

 

ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในหูของหานเฉวี่ยไน่จากเหมาะเจาะ

 

หลังจากที่สตรีเลอโฉมออกจากคฤหาสน์คลื่นขจี นางก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือ

 

“นิกายบูชาไฟ หนอ นิกายบูชาไฟ…มิคิดเลยว่า ธิดาเทพ ที่สาบสูญไปหลายปีของพวกเจ้า ที่แท้จักเป็นคนใกล้ตัวของศิษย์ข้าเช่นนี้ ข้าหวังว่านิกายบูชาไฟจักมิทำอันใดเกินเลย…หาไม่แล้ว 7 ทวาราเที่ยงแท้ ของพวกเราจักมิมีวันละเว้นพวกเจ้า! ถึงแม้ยามนี้พวกเราจักมีน้อยคนและด้อยกำลัง! ทว่ายามนี้ทายาทของอันดับหนึ่งแห่ง 7 ทวาราเที่ยงแท้ที่หลับไหลมานานก็ได้ตื่นขึ้นแล้ว…บางทีคงเป็นดั่งที่เฒ่าพยากรณ์ว่าเอาไว้…ถึงเวลาแล้วที่ 7 ทวาราเที่ยงแท้ของพวกเราจักเปล่งประกายอีกครั้ง!”

 

สตรีเลอโฉมกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ

 

เนิ่นนานมาแล้ว 7 ทวาราเที่ยงแท้นั้นเป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

 

ต่อมาดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน และ 7 ทวาราเที่ยงแท้ ก็ได้สาบสูญไปจากโลกหล้า เลือกที่จะปกปิดเร้นกายอย่างสันโดษ สุดท้ายใต้หล้าก็ลืมเลือนไป…

 

นับตั้งแต่ 7 ทวาราเที่ยงแท้ก่อตั้งขึ้น ไม่เคยมีคนอยู่ในกลุ่มนี้เกิน 20 คน อย่างไรก็ตาม เพียงขุมพลังน้อยคนกลับสะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กระทั่งครองราชย์ในยุคสมัยนั้นอย่างไร้ผู้ต่อกร

 

เป็นยุคเดียวกันกับที่กำเนิดมหาบุรุษไร้เทียมทาน และมหาบุรุษผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น…

 

เซียนกระบี่ ฟงชิงหยาง!

 

หนึ่งคนหนึ่งกระบี่พิชิตทั่วหล้า ไร้ผู้ใดหาญกล้าต่อกร!

 

ขุมพลังอันร้ายกาจน่ากลัวที่เรืองอำนาจในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กับเซียนกระบี่ไร้ผู้ต้าน มีผู้คนน้อยคนนักที่ล่วงรู้ว่าสองสิ่งนี้มีอันใดเกี่ยวข้องกัน…

 

ยังมีน้อยคนนักที่ล่วงรู้ ว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง กลับเป็น 1 ในทายาทของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ ผู้ถือครองนาม หมอกพิรุณ!

 

7 ทวาราเที่ยงแท้ มี 7 ผู้เที่ยงแท้

 

หมอกพิรุณ นั้นมาเป็นอันดับ 1

 

เที่ยงแท้ลำดับ 2 คือพยากรณ์

 

เที่ยงแท้ลำดับ 7 คือธุลีแดง

 

นอกเหนือจาก 3 เที่ยงแท้ที่ปรากฏตัวออกมาตอนนี้ อีก 4 เที่ยงแท้ยังคงเก็บตัวอยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอย่างเงียบงัน รอคอยเวลาอันสมควรที่จะออกมาโลดแล่นอีกครั้ง

 

‘ฟังจากเฒ่าพยากรณ์ดูเหมือนทายาท หมอกพิรุณ และผู้สืบทอดฟงชิงหยางผู้นี้ กระทั่งพลังอำนาจของมันยังมิอาจล่วงรู้ชะตาได้…บางทีข้าอาจมีวาสนาได้เห็น 7 ทวาราเที่ยงแท้กลับมาผงาดเหนือแดนดินอีกครั้ง’

 

คิดถึงจุดนี้สองตาให้ความรู้สึกเสมือนสารทฤดูก็เปล่งประกายออกมาเจิดจ้า

 

ในขณะที่หานเฉวี่ยไน่ คิดพาลี่เฟิงและเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 กลับเกาะป้านเยว่นั้นเอง กลับมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น

 

หานเฉวี่ยไน่ก็จำต้องยกเลิกการเดินทางเป็นการชั่วคราว

 

ทารกในท้องลี่เฟยกำลังจะคลอด!

 

ณ คฤหาสน์ป๋ายลี่หง สำนักจันทร์จรัสแสง

 

“ไฉนอยู่ดีๆใจข้าถึงได้ว้าวุ่นขึ้นมาถึงเพียงนี้…คล้ายข้ารู้สึกเสมือนกำลังจะมีบางสิ่งเกิดขึ้น”

 

บนชั้น 3 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ต้วนหลิงเทียนพลันลืมตาขึ้นมาด้วยความกังวล สองคิ้วขมวดยู่ย่นเป็นปมยากคลี่คลาย

 

ตอนนี้หากกล่าวกันตามจริง เขาควรทะลวงด่านพลังไปถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้แล้ว

 

ทว่าอยู่ดีๆใจเขากลับว้าวุ่นขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ทำให้เขาไม่อาจสงบใจบ่มเพาะพลังต่อได้

 

ลองบังคับให้ตัวเองบ่มเพาะพลังอยู่พักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งหงุดหงิดกระสับกระส่ายขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่ออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ออกมาด้านนอกห้องเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนไม่คิดใดอื่นนอกจากสูดอากาศให้ใจสงบ

 

ดังนั้นหลังจากออกมาแล้ว เขาก็เลือกจะออกจากคฤหาสน์ของป๋ายลี่หง กระทั่งออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงไปทันที

 

แม้จะมีศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงทักทายเขาระหว่างเดินออกจากสำนัก แต่ต้วนหลิงเทียนก็ว้าวุ่นใจเกินกว่าจะตอบกลับ ทั้งยังเดินไปเหมือนคนเหม่อลอยสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

 

“ศิษย์พี่หลิงเทียนเป็นอันใดไป ไฉนสีหน้าแววตาเลื่อนลอยเช่นนั้น”

 

“นั่นสิผิดจากยามปกติยิ่ง…แววตาศิษย์พี่คล้ายมีเรื่องกังวลหรืออันใดให้ทุกข์ใจนัก ศิษย์พี่เป็นอันใดไปกัน”

 

……

 

จังหวะนี้ศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงที่พบเจอต้วนหลิงเทียนระหว่างทางก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย

 

เพราะตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเสมือนคนไร้วิญญาณก็ไม่ปาน

 

“ต้วนหลิงเทียน ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวออกมาเสียที!”

 

หลิวฮ่วนที่เฝ้ารออยู่ด้านนอกสำนักจันทร์จรัสแสงมาเนิ่นนาน เริ่มสะกดรอยตามต้วนหลิงเทียนไปอย่างเงียบงัน มันเองก็พยายามตรวจสอบดูอย่างละเอียดว่าป๋ายลี่หงได้ติดตามออกมาหรือไม่

 

แน่นอนว่าด้วยความระวัง มันจึงไม่คิดลงมือใกล้ๆสำนักจันทร์จรัสแสง

 

“หืม?”

 

หลิวฮ่วนที่ลอบสะกดรอยตามต้วนหลิงเทียนมาด้านหลัง ไม่นานก็พบเรื่องผิดปกติ ‘สารเลวน้อยนั่นมันเป็นอันใด ไฉนวันนี้รู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากทุกที หรือมันเจอตัวข้าแล้ว!?’

 

อย่างไรก็ตามหลังจากที่หลิวฮ่วนตรวจสอบท่าทีของต้วนหลิงเทียนอีกสักพัก ก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 

ครึ่งวันผ่านไป แม้ต้วนหลิงเทียนจะเพียงเดินเท้าออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงอย่างไม่รีบไม่ร้อน ทว่าตอนนี้ก็นับว่าออกจากเขตสำนักมาไกลพอสมควร

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนเข้ามาถึงป่าลึก หลิวฮ่วนก็ไร้ลังเลอันใดสืบไป เลือกที่จะลงมือทันที!

 

ปงงง!!

 

เสียงสนั่นลั่นขึ้นในอากาศ มวลพลังมหาศาลขุมหนึ่งปะทุออก เป็นหลิวฮ่วนลงมือด้วยพลังชั่วชีวิต ลอบซัดหมัดพลังสังหาร หมายป่นร่างต้วนหลิงเทียนให้ต้วนหลิงเทียนจบสิ้นในกระบวนเดียว!!

 

เมื่อเห็นว่าหมัดพลังสังหารของมันเจียนบรรลุถึงร่างต้วนหลิงเทียน ลูกตาอำมหิตเปี่ยมจิตสังหารของหลิวฮ่วนก็เผยประกายยินดีระคนเย้ยหยันทันที!

 

ในสายตาของมัน ในที่สุดวันนี้หนามที่คอยทิ่มแทงตำใจก็จะหายไปเสียที!

 

เปรี๊ยง!!

 

ทว่าเมื่ออีกเสียงหนึ่งดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง แววตายินดีของหลิวฮ่วนก็จำต้องแข็งค้างกลับกลาย

 

สวรรค์!

 

มันเห็นอันใด?!

 

สองตาหลิวฮ่วนแลเห็นกระจ่างชัดนัก ยามเมื่อหมัดพลังสังหารของมันเจียนบรรลุระเบิดร่างต้วนหลิงเทียน กลับพบว่ามีม่านพลังแสงจ้าหนึ่งผุดโผล่ขึ้นคลุมกายต้วนหลิงเทียนเอาไว้! สามารถป้องกันหมัดพลังสังหารที่ใช้ออกด้วยพลังชั่วชีวิตมันได้อย่างง่ายดาย!!

 

และเมื่อมันตรวจสอบโดยละเอียด มันก็พบว่าม่านพลังดังกล่าวคล้ายถูกสร้างจากรังสีพลังกระบี่สีทองเล่มหนึ่งที่กำลังเคลื่อนไหววนกายด้วยความเร็วอัศจรรย์!!

 

และเมื่อเห็นว่าม่านพลังสีทองนั่น ไม่แม้แต่จะกระเพื่อมสั่นไหวด้วยซ้ำหลังจากทานรับหมัดพลังสังหารชั่วชีวิตของตัวเองไป สีหน้าหลิวฮ่วนก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมหันต์

 

มาตอนนี้มันย่อมตระหนักได้เป็นธรรมชาติ ว่ามันตีค่าต้วนหลิงเทียนต่ำเกินไป!

 

“เขตแดนซบเซา!”

 

หลิงฮ่วนเร่งใชออกด้วยปราณแท้ก่อเขตแดนของมันทันที รอบกายโดยยึดมันเป็นจุดศูนย์กลางในรัศมีร้อยหมี่ปรากฏสนามพลังพิสดารประการหนึ่ง!

 

เขตแดนของหลิวฮ่วนนี้ เรียกว่า เขตแดนซบเซา!

 

ภายในสนามพลังดังกล่าวนอกจากตัวหลิวฮ่วนผู้ใช้เองแล้ว ผู้ฝึกตนทุกคนจะรู้สึกเสมือนในร่างมีสิ่งขัดขวางไม่ให้พลังงานไหลเวียนได้อย่างอิสระ พลังฝีมือล้วนถูกระงับลงไปอย่างน่ากลัว!

 

ขณะเดียวกันที่เปิดใช้เขตแดน หลิวฮ่วนก็หยิบศาสตราเซียนของมันออกมา

 

ความว่างเปล่าเหนือศีรษะของมัน ยังปรากฏศาสตราปราณแท้ก่อลักษณ์ กับสัตว์ปราณแท้มีสภาพจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์!

 

ตอนนี้เองในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็หันกลับมา สองตาทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง

 

หลังจากที่พบว่าหลิวฮ่วนเป็นผู้ลอบโจมตีด้านหลัง เขาก็คล้ายไม่แปลกใจ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “อาวุโสหลิวฮ่วน เจ้านับว่าไม่ยอมพลาดโอกาสในการสังหารข้าจริงๆ…เป็นเจ้าที่ไปยุยงให้จ้าวเฟิงตามมาฆ่าข้างั้นสิ?”

 

“แล้วจักอย่างไร?”

 

หลิวฮ่วนหัวเราะเยาะ “น่าเสียดายที่มันกลับใช้การมิได้นัก กลับถูกยอดีมือที่ใดก็มิรู้สังหารก่อนที่จะได้ฆ่าเจ้า!”

 

“อ้อ แล้วถ้าข้าบอกว่า…จ้าวเฟิงนั่น เป็นข้าลงมือฆ่ามันเองเล่า?”

 

ทันใดนั้นเอง หลิวฮ่วนพลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นเข้าหู

 

ครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้กล่าวออกตามตรงหากแต่ใช้ปราณแท้ควบแน่นส่งเสียงออกไป!