บทที่ 42 หากฟาดฟันกระบี่เกินกว่าหนึ่งครั้ง ข้าพ่าย ! (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 42 หากฟาดฟันกระบี่เกินกว่าหนึ่งครั้ง ข้าพ่าย ! (ต้น)

ขณะที่เยี่ยฉวนกำลังจะชักกระบี่ จู่ ๆ เสียงเล็กก็พลันดังขึ้นจากด้านหลัง “ท่านพี่…”

แม้ว่าเสียงจะเล็กเหมือนยุงบิน แต่เยี่ยฉวนก็ถึงกับสั่นสะท้าน

ชายหนุ่มหยุดมือทันทีและรีบวิ่งเข้าไปหาเยี่ยหลิง เขาอุ้มร่างน้อย ๆ ขึ้นมาด้วยสองมือที่สั่นเทา !

ตลอดชั่วชีวิตนี้เขาชักกระบี่ก็เพื่อน้องสาว และก็ยังสามารถฟาดฟันมันเพื่อน้องสาวได้อีกด้วย !

แต่เมื่อเห็นว่าเยี่ยฉวนไม่ได้เดินหน้าต่อ ฮั่นเซียงเหมิงและชายชราที่ยืนอยู่ด้านข้างจึงค่อยโล่งใจ !

แน่นอนว่าหากเยี่ยฉวนได้ลงมือไปแล้ว เขาไม่มีทางหยุดแน่จนกว่าเรื่องจะจบ

นับว่าโชคดียิ่งที่สาวน้อยเยี่ยหลิงยังมีชีวิตอยู่ !

ไม่อย่างนั้นแล้วผลที่เลวร้ายที่สุดในวันนี้ มันก็อาจจบลงด้วยการตายของเยี่ยฉวน และพวกเขาเองก็จะต้องถูกลงโทษสถานหนัก หรือบางทีอาจจะถูกฆ่าตายในภายหลังด้วยการตอบโต้จากผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเยี่ย ฉวนก็เป็นได้ !

แต่ไม่ว่าจะทางเลือกไหน มันก็ต่างไม่ใช่ผลลัพธ์ที่น่าพิสมัยทั้งสิ้น !

ที่ด้านข้างนั้น ผู้อาวุโสกู้กำลังเตรียมตัวจะย่องออกไป แต่กลับถูกชายชราข้าง ๆ ฮั่นเซียงเหมิงใช้เท้ายันจนล้มลงกับพื้น

…ฮั่นเซียงเหมิงมองผู้อาวุโสกู้อย่างเย็นชา “ท่านจงรอเจ้าสำนักตัดสินโทษเสียเถอะ !”

เมื่อได้ยินที่นางพูด ผู้อาวุโสกู้ก็พลันหน้าซีดเผือดคล้ายคนกำลังจะตาย !

อีกด้านหนึ่ง เยี่ยฉวนกำลังประคับประคองน้องสาวอย่างระมัดระวัง จากชายหนุ่มที่ไม่เคยมีน้ำตาสัก หยดแม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสมากมายขนาดไหน แต่เมื่อได้เห็นสภาพของเยี่ยหลิง ตอนนี้เขากลับมีสีหน้าซีด เซียว น้ำตาที่เคยกลั้นไว้ไหลมาเป็นทางราวกับสายน้ำ !

เยี่ยหลิงมองไปที่เยี่ยฉวนด้วยความตกใจจนต้องปลอบประโลม “ท่านพี่ อย่าร้องไห้ไปเลย ข้า ข้าไม่เจ็บ ข้า…”

คนเป็นพี่กอดร่างเล็ก ๆ ของน้องสาวไว้แน่น เขาร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก “ข้ามันเป็นท่านพี่ที่แย่ ข้ามันเป็นท่านพี่ที่ไม่ได้ความ…”

จากนั้นชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งก็พลันเดินเข้าไปหาเยี่ยฉวนพร้อมกับเด็กอ้วน “สหายท่านนี้ ข้าได้พาหมอมาด้วย ไม่รู้ว่าท่านต้องการให้ดูอาการของนางเสียหน่อยดีหรือไม่ ?”

เยี่ยฉวนรีบร้อนตอบรับ “ดี ดี ข้าขอขอบคุณท่านมาก ต้องรบกวนแล้ว !”

ชายวัยกลางคนผู้นั้นส่งยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองส่งสัญญาณ จากนั้นชายชราในชุดคลุมสีดำก็จึงพยักหน้าแล้วนั่งยอง ๆ ลงต่อหน้าเยี่ยหลิง เพียงครู่หนึ่ง ชายชราในชุดคลุมสีดำก็ได้กระซิบบอกว่า “ไม่เป็น อะไรมากหรอก นางเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บภายนอกเท่านั้น ส่วนแขนข้างที่หลุดข้าได้ต่อเข้าที่ให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากนางได้พักฟื้นสักระยะหนึ่งก็คงหายดีแล้ว แต่ภายในร่างกายของนางนั้นมีพิษเย็นบางอย่าง ที่แม้แต่ข้า เอง… ก็ยังไม่เคยพบเห็นมันมาก่อน !”

ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงมองไปที่เยี่ยฉวน

พี่ชายผู้รักน้องสาวเท่าชีวิตตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ไม่มีปัญหา ตราบใดที่นางไม่มีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ในวันหน้าข้าต้องหาวิธีจัดการกับมันได้แน่ !”

ชายชราชุดดำพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นจึงถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง

เยี่ยฉวนกอบกุมมือของชายวัยกลางคนผู้นั้นด้วยความนับถือ “ข้ามีนามว่าเยี่ยฉวน ไม่รู้ว่าท่านมีนาม ว่าอย่างไรหรือขอรับ ?”

ชายวัยกลางคนคลี่ยิ้มก่อนตอบ “ข้าลู่เสี่ยวหลาน เจ้าเมืองแห่งเมืองพันภูผา !”

“เจ้าเมือง !”

เยี่ยฉวนตกตะลึงเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็รีบประสานมือทำความเคารพ “ขอขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือข้า และน้องสาว !”

ลู่เสี่ยวหลานพูดกลั้วหัวเราะ “เรื่องเล็กน้อย”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับ จากนั้นจึงหันไปหาผู้อาวุโสกู้ที่อยู่ไม่ไกล

เมื่อเห็นดังนั้นลู่เสี่ยวหลานก็พลันตกใจ ไม่ใช่แค่เขา แต่ทุกคนรอบข้างต่างก็ประหลาดใจและคิดเช่น เดียวกัน “อะไรกัน ชายคนนี้จะไม่ยอมเลิกราอย่างนั้นหรือ ?”

ฮั่นเซียงเหมิงและชายชราที่อยู่ข้าง ๆ มีสีหน้าดูไม่จืด “ผู้อาวุโสกู้ เป็นหนึ่งในบรรดาผู้อาวุโสของสำนัก อัปสรเมรัย แม้ว่าจะมียศตำแหน่งต่ำต้อยและเป็นเพียงผู้อาวุโสชั้นนอก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเป็นผู้อาวุโสของสำนักเราอยู่ดี !”

ไม่ว่าอย่างไรจะปล่อยให้ผู้อาวุโสกู้ถูกเยี่ยฉวนฆ่าไม่ได้เด็ดขาด ! ไม่อย่างนั้นแล้วสำนักอัปสรเมรัยคงได้เป็นที่ถูกครหาแน่ !

เยี่ยฉวนเดินตรงเข้าไปหาผู้อาวุโสกู้ แต่ฮั่นเซียงเหมิงกลับออกมายืนประจันหน้า “คุณชายเยี่ย สำนัก อัปสรเมรัยจะต้องจัดการกับเรื่องนี้แน่ คุณชายมั่นใจได้ว่าผู้อาวุโสกู้ท่านนี้จะต้องถูกลงโทษอย่างหนักและมีคำอธิบายให้กับท่าน เขา…”

เยี่ยฉวนเหลือบมองไปที่ฮั่นเซียงเหมิงอย่างเย็นชา “หุบปาก !”

คิ้วดำเรียวงามของฮั่นเซียงเหมิงขมวดเป็นปมแน่น นางต้องการจะพูดต่อ ทว่าเยี่ยฉวนกลับเดินเข้ามาหาและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของนาง “เป็นเจ้าเองที่บอกว่าให้เราพักอาศัยอยู่ที่ห้องชั้นบนได้ แต่ไอ้คนผู้นี้กลับมาทำร้ายข้าและน้องสาว น่าขันนัก เจ้าไม่ได้ห้ามเขาเลยเสียด้วยซ้ำ ถ้าให้ข้าเดา เจ้าคงอยากที่จะเห็นพลังที่แท้จริงและภูมิหลังของพวกข้าเสียมากกว่า เจ้าต้องการให้เราเป็นศัตรูและต่อสู้กันเองเพื่อที่เจ้าจะได้รับผล ประโยชน์แต่เพียงผู้เดียวในตอนท้าย นั่นจริงหรือมิใช่ ?”

ฮั่นเซียงเหมิงค่อย ๆ กำมือเข้าหากันอย่างช้า ๆ หัวใจแทบจะหยุดเต้น

เพราะนั่นคือสิ่งที่นางคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ !

ไม่ไกลกันนัก ผู้อาวุโสกู้ก็พลันหัวเราะขึ้นด้วยความสะใจ “นี่มันหมายความว่ายังไงน่ะหรือ ? นางได้ประเมินทั้งความแข็งแกร่งและความรู้สึกที่เจ้ามีต่อน้องสาวต่ำเกินไปน่ะสิ ไม่อย่างนั้นแล้วนางคงต้องหาทางพยายามปกป้องน้องสาวของเจ้าอย่างสุดกำลังเพื่อจะได้เจ้าไปเป็นพวก ! น่าเสียดายที่นางทำพลาด ฮ่าฮ่า…”

ไม่ทันขาดคำ เยี่ยฉวนก็พลันเสือกแทงกระบี่ในมือเข้าที่หว่างคิ้วของผู้อาวุโสกู้ในทันที

ฉูด !

เลือดสด ๆ ซ่านกระเซ็นไปทั่ว !

เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนรอบ ๆ พลันเปลี่ยนท่าทางการแสดงออกทันที เพราะการลงมือเยี่ยงนี้ถือว่าชาย หนุ่มได้ยั่วยุสำนักอัปสรเมรัยอย่างชัดเจน !

ฮั่นเซียงเหมิงสีหน้าซีดแล้วซีดอีก !

แต่ทุกอย่างยังไม่จบ และมันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น !

เยี่ยฉวนเก็บกระบี่เข้าที่ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปหาเยี่ยหลิง “พวกคนที่ทำร้ายเจ้า พี่ชายไม่มีทาง ปล่อยให้มันได้เห็นแสงตะวันในวันรุ่งแน่ !”

น้ำตาของเยี่ยหลิงพลันไหลพรั่งพรู

ทันใดนั้นเองเรือเหาะก็ได้หยุดจอดกะทันหัน ฝั่งตรงข้ามมีนกกระเรียนมงกุฎสีแดงบินตรงเข้ามาหาพวกเขาที่ยืนจ้องมองอยู่ นกกระเรียนตัวนั้นมีขนาดใหญ่ ปีกทั้งสองของมันมีความกว้างอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสิบจั้ง เมื่อกางออก และที่ด้านหลังนั้นก็ยังมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งท่าทางสูงสง่าถือพัดหยกขาวเอาไว้ในมือ