บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 173 ก่อนจาก
ก่อนจาก
“องค์ชาย 4 แห่งราชวงก์อู๋” เหล่าแขกที่มาร่วมงานหมั้นหมายของอู๋เทียนเหวินและเหม่ยฮวาต่างพากันตกตะลึงกันยกใหญ่เพราะงานหมั้นคราวนี้ช่างยิ่งใหญ่อลังการเสียเหลือเกินจนพวกมันคิดว่ามางานผิดเสียแล้ว ยิ่งพวกมันได้ทราบว่าเทียนเหวินที่มาร้านของเฉินตงเป็นประจํากลับกลายเป็นองค์ชาย 4ไปได้ทําเอาเหล่าแขกประจําที่เล่นหัวกับเทียนเหวินบ่อยๆหน้าซีดเผือดทันที
“ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าไม่ทําอะไรพวกเจ้าหรอกน่า”เทียนเหวินว่าพลางหัวเราะอย่างอารมดี ในที่สุดมันก็ได้หมั้นหมายกับเหม่ยฮวาที่มันรักเสียที ในวันนี้ไม่ว่าใครจะทําอะไรมันก็ไม่โกรธทั้งสิ้น
“โอ้ ยอดเลย” เหล่าลักค้าขาประจําว่าพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก
“อย่าทําเป็นคนอื่นคนใกลเลย มาฉลองกันเถอะ” ชายคนหนึ่งว่าพลางนําสุรามาให้แขกผู้มาใหม่ ทําให้งานฉลองคราวนี้เฮฮาไม่น้อย แม้จะเป็นงานที่จัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่งานหมั้นหมายขององค์ชาย 4 ทั้งที่ไม่ว่าจะเจ้าเมืองหรือขุนนางที่ทราบข่าวต่างเข้ามาช่วยเหลืองานกันทันที ทําเอางานเล็กๆที่ร้านของเฉินตงกลายเป็นงานเทศการไปในทันที
“เจ้านี่โชคดีนะเฉินตง แบบนี้เจ้าก็ปิดร้านไปเสวยสุขในวังได้เลยสิ” ชายคนหนึ่งมามาร่วมงานถาม ดูเหมือนมันจะเป็นสหายของเฉินตงกระมัง
“ไม่หรอก ข้าจะเปิดร้านต่อ” เฉินตงว่าพลางดื่มสุราด้วยท่าที่ผ่อนคลาย
“อะไรกัน ตกถังข้าวสารทั้งที่ทําไมไม่ใช้ชีวิตให้สุขสบายล่ะ” ชายคนเดิมถามพลางดื่มสุราในจอกเช่นเดียวกัน
“เปิดร้านในเมืองนี้ข้าก็มีความสุขพอแล้ว เรื่องเข้าวังให้ลูกสาวข้าไปคนเดียวก็พอแล้ว” เฉินตงว่าพลางหัวเราะออกมา
“เจ้านี่นะ มักน้อยจริงๆ” ชายคนเดิมหัวเราะพลางรินสุราให้เฉินตง พอได้เห็นบุตรสาวตนเองหมั้นหมายก็รู้สึกแก่ลงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“พูดอะไรกัน นี่เป็นงานหมั้นนะ จะให้ลูกสาวข้าไปอยู่ในวังก็หลังแต่งงานเถอะ” มารดาของเหม่ยฮวาว่าพลางหัวนํากาสุรามาให้สามีและสหายของมัน
“พวกเจ้านี่นะ” เหล่าสหายของเฉินตงหัวเราะพลางส่ายหน้ากับความมักน้อยของสามีภรรยาคู่นี้จริงๆ
ทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ไม่นานเวลาก็ล่วงเลยผ่านมาเกือบจะเที่ยงคืน ทําให้แขกส่วนใหญ่กลับไปหมดแล้ว เหลือเพียงแขกที่สนิทกันจริงๆกับเหล่าคนในครอบครัวเท่านั้นที่ยังอยู่
“เหนื่อยหน่อยนะวันนี้”เทียนเหวินว่าพลางเดินมานั่งข้างๆเหม่ยฮวาที่พักอยู่บนเก้าอี้มุมหนึ่งของร้าน พอไม่มีแขกแล้วร้านของเฉินตงดูกว้างขวางไปเลย
“ช่วยไม่ได้นี่นา ทุกคนมายินดีกับพวกเราก็ต้องต้อนรับสิ” เหม่ยฮวาว่าพลางยิ้มอายๆ
“ตอนนี้เราเป็นคู่หมั้นกันแล้วสินะ”เทียนเหวินว่าพลางยิ้มออกมา บางทีมันก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจริงๆ
“หรือว่าท่านไม่อยากเป็นคู่หมั้นของข้ากัน” เหม่ยฮวาถามพลางเหล่มองเทียนเหวินด้วยท่าที่หยอกล้อ
“ทําไมข้าจะไม่อยากล่ะ”เทียนเหวินตอบพลางกุมมือของเหม่ยฮวาเอาไว้
“จริงสิ” เหม่ยฮวาพูดพลางมองงานฉลิงที่เต็มไปด้วยของประดับตกแต่งหรูหรามากมาย ของเหล่านี้เป็นของที่ขุนนางต่างๆนํามาตกแต่งให้งานขององค์ชายของพวกมันโดยที่ไม่ได้คิดเงินเลย นี่คืออํานาจที่องค์ชายมี
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าท่านยอมเสียอะไรเพื่อข้า”เหม่ยฮวาว่าพลางเลือนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆเทียรเหวิน นางจูบลงไปบนริมฝีปากของเทียนเหวินอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวลทําเอาเทียนเหวินที่โดนจู่โจมเข้าตัวแข็งทําอะไรไม่ถูก กว่ามันจะรู้ตัวเหม่ยฮวาก็ถอนจูบพลางยิ้มให้มันแล้ว
ตลอดมาเทียนเหวินมักจะบอกว่ามันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่ออยู่กับนาง แต่นางก็ไม่เข้าใจเสียทีเดียวว่าเทียนเหวินต้องเสียอะไรไปบ้าง เมื่อเรื่องนี้เปิดเผยออกมาในที่สุดนางก็ได้ทราบว่าสิ่งที่เทียนเหวินเสียคือตําแหน่งองค์ชายนั่นเอง หางมันออกจากราชวงก์แล้วแต่งเข้าบ้านของนาง มันก็จะกลายเป็นพ่อครัวคนหนึ่งเท่านั้น การที่ได้รู้ว่าเทียนเหวินยอมทิ้งฐานะองค์ชายโดยไม่ลังเลยเลยทําให้นางมีความสุขมาก
“คิกคิก” เหม่ยฮวาหัวเราะพลางมองใบหน้าของเทียนเหวิน มันยังนิ่งอยู่เลยราวกับยังตกตะลึงไม่หาย
“ที่นี้เจ้าก็ต้องเป็นจักรพรรดิสินะ”ไป๋จูเหวินที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของร้านถามอู๋หมิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามมันช้าๆ ที่งานฉลองออกมายิ่งใหญ่อลังการเช่นนี้เพราะเหล่าขุนนางทราบดีว่าอู๋หมิงจะกลายเป็นจักรพรรดิคนต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย ทําให้พวกขุนนางต่างมาเอาอกเอาใจเทียนเหวินที่อยู่ฝั่งเดียวกับอู๋หมิงกันยกใหญ่
“ก็คงจะอย่างนั้น”อูหมิงว่าพลางดื่มสุราในมือ ความจริงอู๋หมิงไม่ค่อยดื่มสุรานัก แต่เพราะเป็นงานของน้องชาย แถมขุนนางยังเอาแต่มายกจอกคารวะตลอด ทําให้อู๋หมิงต้องดื่มเสียไม่ได้ แต่พอมีเรื่องต้องคิดแล้วสุราก็ดื่มคล่องคอไม่น้อย
“บางที่ข้าคงต้องให้เจ้า 3 ช่วยเลือกตําราแล้วล่ะ” อู๋หมิงหัวเราะออกมาเพราะมันแทบไม่เคยศึกษาเรื่องบ้านเมืองเลยทําให้มันต้องทําการบ้านอย่างหนักก่อนจะรับตําแหน่ง
“ถ้าเป็นเจ้าคงทําได้ไม่ยากแน่ๆ”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มออกมา
“น่าเสียดายที่หลังจากนี้ข้าคงไม่ได้ฝึกกระบี่เสียแล้ว”อู๋หมิงว่าพลางวางจอกสุราลงกับโต๊ะ ท่าทางแค่สุราจะไม่พอช่วยให้มันหยุดคิดมากได้เลย
“เป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ”ไป๋จูเหวินว่าพลางถอนหายใจออกมา แม้จะไม่ใช่ว่าอู๋หมิงจะเลิกฝึกวิชาไปเลย แต่การเรียนรู้และทําหน้าที่จักรพรรดินับเป็นงานที่ยุ่งอย่างมาก ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็ส่งผลต่อการฝึกฝนของอู๋หมิงอย่างไม่ต้องสงสัย
“ถ้าเจอกันครั้งหน้า…ข้าอาจจะสู้เจ้าไม่ได้แล้วสินะ”อู๋หมิงว่าพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ
“ถ้างั้นข้าคงต้องเอาชนะเจ้าในตอนที่ยังมีโอกาส”อู๋หมิงยิ้มพลางเดินออกไปจากร้านของเฉินตงเงียบๆ ส่วนทางไป๋จูเหวินนั้นพอได้ยินสิ่งที่อูหมิงพูดก็เข้าใจในทันที มันทั้งสองเดินออกไปยังลานกว้างที่อยู่ห่างออกไปจากร้านของเฉินตง มันคือพื้นที่ๆหวงหลงเคยก่อเรื่องเอาไว้ตอนมาตามตัวเหม่ยหลินกลับนั่นเอง
เคร๊ง…เคร๊ง… อาจจะเพราะดื่มสุราไปมาก กระบีและฝ่ามือของอู๋หมิงและไป๋จูเหวินเชื่องช้าราวคนละเล่นกันไม่มีผิด แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ามือและกระบี่ของพวกมันต่างก็ยังหนักแน่นเช่นเดิม
เครั๊ง เสียงปะทะกันของทั้งสองดังออกไปจนถึงบริเวณรอบๆ แม้คนในเมืองจะหลับใหลไปแล้ว แต่ก็มีหญิงสาวผู้หนึ่งยืนมองการประลองของทั้งสองคนโดยไม่ได้เอ่ยปากขัดขวางแต่อย่างไร นางคือซูหลานน้องสาวของอู๋หมิงนั่นเอง
เคร๊ง…เคร๊ง…เสียงปะทะกันเป็นจังหวะเชื่องช้าสําหรับซูหลานแล้วช่างแตกต่างกับการประลองปกติของทั้งคู่จริงๆ ยามปกติพวกมันจะเร่งความเร็วจนคนธรรมดาไม่อาจมองทัน แต่ยามนี้พวกมันราวกับกําลังเต้นรํากันอยู่ไม่มีผิด
เคร๊ง! ฉึก… กระบี่ในมืออู๋หมิงหลุดร่วงลงมาปักบนพื้นอย่างง่ายดายราวกับมันไม่มีแรงจับกระบี่เอาไว้ แน่นอนว่าพิษสุราทําอะไรไป๋จูเหวินไม่ได้ คนที่เมาอยู่จึงมีแค่อู๋หมิงคนเดียวเท่านั้น
ฟุบ! อยู่ๆอู๋หมิงก็ใช้เพียงนิ้วฟันมาทางไป๋จูเหวิน พริบตานั้นไป๋จูเหวินก็รู้สึกเหมือนในมืออู๋หมิงมีกระบี่อยู่ก็ไม่ปาน
คลืดดด ร่างของไป๋จูเหวินถอยออกมาหลายก้าวหลังจากรับปราณกระบี่ของอู๋หมิงเข้าไป วิชาปราณกระบี่ที่ออกมาจากนิ้วมือว่างเปล่านั้นช่างเหมือนตอนที่อาวุโสเทียนหมิงโจมตีหยงเว่ยไม่มีผิด ทําเอาไป๋จูเหวินตกใจไม่น้อย
เคร๊งๆๆ ราวกับอู๋หมิงไม่รู้ตัวว่ากระบี่หลุดมือไปแล้ว มันซักปราณกระบี่ใส่ไป๋จูเหวินอย่างต่อเนื่องทําเอาไป๋จูเหวินมือไม้เริ่มปั่นป่วน แม้จะเคยเห็นหยุนฟางใช้คลื่นดาบอยู่เป็นประจํา แต่ปราณกระบี่ของอู๋หมิงกลับลุ่มลึกกว่านั้นมาก เพียงวาดมือก็ราวกับกระบี่ตรงเข้าเล่นงานแล้ว มันเร็วเสียยิ่งกว่ากระบีอัสนีข้ามฟ้าเสียอีก
คลืดดด…ร่างของไป๋จูเหวินถอยออกมาอีกครั้ง แน่นอนว่าไป๋จูเหวินสามารถโต้ตอบได้ด้วยฝ่ามือประกายอัสนีหรือฝ่ามือเพลิงพิโรธ แต่ไป๋จูเหวินกลับไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไปเลย มันเพียงยอมโดนปราณกระบี่อย่างต่อเนื่องและถอยไปทีละก้าวจนติดกําแพงบ้านหลังหนึ่ง
“ข้าแพ้แล้ว”ไป๋จูเหวินว่าพลางยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้น
“เจ้ายอมให้ข้าชนะงั้นเหรอ”อู๋หมิงว่าพลางเซไปด้านข้างเล็กน้อย
“เปล่า เจ้าชนะแล้ว”ไป๋จูเหวินยอมแพ้พลางส่ายหน้าเบาๆ
“หึ ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก” อู๋หมิงหัวเราะพลางทิ้งตัวลงนอนกับพื้น ท่าทางมันเองก็คงดื่มมากเกินไปสินะ
“พี่ใหญ่” ซูหลานที่ดูอยู่ด้านหลังเห็นอู๋หมิงล้มลงไปก็รีบเข้าไปหาทันที อาจจะเพราะใช้กําลังออกไปจนเลือดสูบฉีดเร็วขึ้น อู๋หมิงถึงได้ล้มลงไปนอนเพราะสุราเช่นนั้น
“โถ่ พี่ใหญ่ กลับไปนอนกันเถอะ” ซูหลานถอนหายใจพลางพยายามยกร่างของอูหมิงขึ้น แต่เห็นนางยกไม่ค่อยไหว ไป๋จูเหวินเลยช่วยยกร่างของอู๋หมิงขึ้นมาแบกบนหลังก่อนจะบอกให้ซูหลานนํากระบีของอู๋หมิงตามมันกลับไปที่ห้องพัก