“หลังจากที่ถูกภูตเหล่านั้นลอบโจมตี แม้ว่าข้าจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่หุ่นเชิดที่เก็บมาได้ก็มีไม่ถึงพันตัว” ผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตเอ่ย

 

 

“สถานการณ์ของแม่เฒ่ายิ่งแย่มาก ไม่เพียงราชันย์ภูตสองสามตนจะถูกหุ่นเชิดระเบิดออกจนได้รับบาดเจ็บหนัก ทหารภูตที่เหลืออยู่ก็ถูกอิทธิฤทธิ์ธาตุวายุที่พี่ลิ่วจู๋สำแดงทำลายไปจนหมด” หญิงงามผมขาวถอนหายใจออกมาเบาๆ เฮือกหนึ่ง

 

 

“เหตุใดสหายหลันถึงกล่าวเช่นนี้! แม้ว่าตอนแรกพวกเราจะนัดกันว่าขอแค่สหายหลอมทหารภูตได้แปดพันตัวก็พอแล้ว แต่จากที่ข้าเอาไปจากสหายนั้นไอทมิฬบริสุทธิ์มันไม่ถึงจำนวนนับด้วยซ้ำ สหายน่าจะหลอมภูตทมิฬเกราะจันราเอาไว้สินะ ตอนนี้ถึงคราวต้องใช้แล้ว ไม่ใช่เวลามาเสียดายอะไร” ตารวมของลิ่วจู๋เปล่งประกายเอ่ยอย่างเคร่งขรึมออกมา

 

 

หญิงงามผมขาวได้ฟังพลันตะลึงงัน ใบหน้าเผยสีหน้าเก้อเขินออกมา

 

 

“คิดไม่ถึงว่าพี่ลิ่วจู๋จะรู้เรื่องนี้ ใช่แล้ว เพื่อเป็นการป้องกันแม่เฒ่าหลอมทหารภูติดอาวุธมาอีกห้าร้อยตัว แม้ว่าจำนวนจะไม่มาก แต่อาศัยแค่กำลังกายของมันกลับเหนือกว่าภูตทมิฬเกราะจันทราอยู่ขั้นหนึ่ง”

 

 

“เยี่ยม มีหุ่นเชิดที่เหลืออยู่และทหารภูตสองสามร้อยคนคอยช่วยเสริม ระยะทางต่อจากนี้แม้ว่าจะมีจุดที่อันตรายอยู่สองสามแห่ง ก็คงข้ามผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา ข้ารู้ว่าเหล่าสหายคงมีแผนอื่น แต่ขอแค่เอาเกษียรเทวะของแม่น้ำอเวจีมาได้ พวกเราก็ไปกันเองได้แล้ว พวกเจ้าคิดจะเคลื่อนไหวอย่างไร ข้าน้อยก็จะไม่ซักไซ้เลยสักนิด แต่ก่อนจะถึงเป้าหมาย เหล่าสหายอย่าคิดเรื่องอื่น หรือคิดแผนวุ่นวายอะไรเลย มิเช่นนั้นอย่ามาโทษว่าข้าน้อยไม่ปรานี” สายตาของลิ่วจู๋กวาดไปบนใบหน้าของมู่ชิงและพวกทั้งสามคน เต็มไปด้วยเจตนาคุกคาม

 

 

หญิงงามผมขาวหน้าเปลี่ยนสี มู่ชิงมีสีหน้าไร้ความรู้สึก ส่วนดวงตาทั้งสี่ของผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตพลันเปล่งแสงสีโลหิตสว่างวาบ ทุกคนไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลย ราวกับว่าไม่เคยได้ยินคำพูดของลิ่วจู๋อย่างไรอย่างนั้น

 

 

ลิ่วจู๋ไม่ได้แปลกใจกับท่าทีของทุกคน พลันโบกมือมือหนึ่ง ปากเปล่งคำว่า “ออกเดินทาง” ออกมา

 

 

ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นลำแสงสีดำกลุ่มหนึ่ง บินตรงไปยังเบื้องหน้า

 

 

ปีศาจระดับสูงที่อยู่ด้านล่างสิบกว่า ก็ขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีไล่ตามไปทันที

 

 

ผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตทั้งสองคนเห็นเช่นนั้นแขนทั้งสี่พลันสะบัดออก จุดสีดำจำนวนมากบินออกมาจากแขนเสื้อ ชั่วพริบตาที่ร่อนลงพื้นนั้น ก็ทยอยกันระเบิดออกเป็นลำแสงประหลาดๆ กลายเป็นหุ่นเชิดรูปร่างแตกต่างกัน

 

 

เห็นได้ชัดว่าหุ่นเชิดเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตสองคนจงใจทิ้งเอาไว้!

 

 

ไม่เพียงแค่สมประกอบทุกระเบียบนิ้วราวกับของใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นกว่าครึ่งยังวิจิตรงดงามมาก

 

 

ครานี้หญิงงามผมขาวถึงได้ชูมือขึ้น ถุงหนังสีดำขนาดเท่าฝ่ามือถุงหนึ่งบินออกมา และพลันร่ายคาถากระตุ้น

 

 

ถุงหนังนี้หมุนคว้างอยู่กลางอากาศ ชั่วขณะนั้นปากถุงพลันเทออก ด้านในมีพายุทมิฬสีดำทะมึนพ่นออกมา

 

 

ภายใต้ก้อนหินดินทรายที่ปลิวว่อน ภูตสวมชุดเกราะสีดำเป็นกลุ่มๆ ปรากฎตัวขึ้น

 

 

รูปร่างของทหารภูตเกราะสงครามเหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับภูตทมิฬเกราะจันทราก่อนหน้าเท่าใดนัก แค่มองแล้วหนาและแข็งแกร่งกว่าสองสามส่วน และยิ่งไปกว่านั้นรูปร่างของทหารภูตเหล่านี้ก็สูงกว่าทหารภูตธรรมดาๆ เล็กน้อย มองไกลๆ ล้วนดูโหดเ**้ยมเป็นอย่างยิ่ง!

 

 

“ไป!”

 

 

ภายใต้การออกคำสั่งของหญิงงาม ในขณะที่ทหารภูตสองสามร้อยตัวทะลักกันเข้ามา พลันกลายเป็นหมอกสีดำหมุนวนไล่ตามลิ่วจู๋ไป หยวนเหยาและเหยียนลี่ก็ทำได้เพียงออกห่างจากหานลี่ ตามไปอย่างใจดีสู้เสือ

 

 

ส่วนกองทัพหุ่นเชิดก็พวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ บินอยู่กลางอากาศต่ำๆ โดยมีลำแสงวิญญาณต่างๆ ห่อหุ้มกายเอาไว้

 

 

หุ่นเชิดสีม่วงโลหิตบินอยู่เบื้องหน้าหุ่นเชิดทั้งหมด ผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตทั้งสองคนยังคงยืนนิ่งอยู่บนหัวไหล่

 

 

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้มู่ชิงพลันกวาดสายตาไปทางหานลี่อย่างราบเรียบแวบหนึ่ง เท้าเรียวย่ำไปบนดอกไม้สีทองใต้ฝ่าเท้าครั้งหนึ่ง กลายเป็นลำแสงหลีกหนีสายหนึ่งพุ่งออกไป

 

 

“สหายหานพวกเราไปกันเถิด!”

 

 

หานลี่เหลือบตามองไปเห็นจิตวิญญาณสีทองดูเหมือนว่าจะเอ่ยอะไรกับเขายิ้มๆ อยู่ ท่าทางเหมือนจะติดตามเขาไป

 

 

หานลี่พลันพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นที่รอบกาย กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป

 

 

ส่วนวานรสีทองพลันหัวเราะเสียงต่ำๆ ออกมา กลายเป็นลำแสงสีทองไล่ตามไปติดๆ…

 

 

สองสามวันต่อมา ในส่วนลึกของแม่น้ำอเวจี เบื้องหน้าถ้ำหินกลางเทือกเขาสีเทาขาวผืนหนึ่ง ภูตรูปร่างแตกต่างกันสองสามคนยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ

 

 

ภูตเหล่านี้บ้างก็ถูกควันสีเขียวห่อหุ้มเอาไว้ บ้างก็เป็นแค่เงาสีขาวจางๆ สายหนึ่ง และยังมีบางพวกที่เป็นโครงกระดูกยักษ์สูงสองสามจั้ง…

 

 

ภูตสตรีชุดขาวที่เคยประมือกับหานลี่ครั้งหนึ่ง แต่ยอมหนีไปก็ปรากฎตัวอยู่ในนั้นด้วย

 

 

แต่พวกมันไม่แขนขาดขาขาด กลิ่นอายบนร่างก็เบาบางไปเป็นอย่างมาก

 

 

แม้แต่ภูตสตรีที่ทำให้หานลี่รู้สึกว่ารับมือยาก แขนข้างหนึ่งรวมทั้งแขนเสื้อสีขาวก็หายไป กลายเป็นคนแขนเดียว

 

 

ภูตเหล่านี้ล้วนมีท่าทีจนตรอก ส่วนตรงกลางของภูตเหล่านี้กลับมีผู้ที่สวมชุดเกราะสงครามสีแดงโลหิต ใบหน้าสวมเกราะปรากฎอยู่

 

 

เห็นได้ชัดว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกของหุ่นเชิดเกราะโลหิตแห่งเผ่าแมลงเม่า

 

 

ดูจากภายนอกแล้ว หุ่นเชิดตนนี้ไม่แตกต่างอะไรกับหุ่นเชิดเกราะโลหิตธรรมดาๆ เลยสักนิด แต่สายตาของภูตรอบๆ นี้  ที่มองมายุ่งหุ่นเชิดตัวนี้กลับแฝงเอาไว้ด้วยความยำเกรงหลายส่วน คาดไม่ถึงว่ามีท่าทีหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย

 

 

หุ่นเชิดตนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าภูตระดับสูงจำนวนมาก ร่างกายพลิ้วไหว มองไปยังปากถ้ำที่ดูลึกเป็นอย่างมาก ดวงตาเปล่งแสงสีเขียวจางๆ ออกมา

 

 

ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน เสียงถอนหายใจยาวๆ ก็ดึงออกมาจากส่วนลึกของถ้ำ จากนั้นเสียงแหบชราก็ดังมาจากด้านใน

 

 

“นายท่านมีฐานะเป็นทูตของเผ่าแมลงเม่า คาดไม่ถึงว่าจะมาหาตาเฒ่าอีก ไม่คิดว่ามาหาผิดคนหรือ?”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ภูตด้านหน้าถ้ำก็มีสีหน้าเคร่งขรึม หุ่นเชิดเกราะสีโลหิตตนนั้นแววตาเปล่งประกาย เอ่ยปากพูดเช่นกัน

 

 

“ท่านอาวุโส ข้าน้อยทำเช่นนี้เพราะจำใจ ความร้ายกาจของผู้ที่บุกเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์รั้งนี้เหนือกว่าที่ชนรุ่นหลังคิดเอาไว้ คาดไม่ถึงว่าจะมีผู้ที่อยู่ในระดับเทียบเท่ากับระดับแมลงเม่าสวรรค์ถึงสี่ห้าคน นอกจากข้าแล้ว ร่างแยกหุ่นเชิดตนอื่นๆ ก็ถูกทำลายไปจนหมดแล้ว แม้ข้าจะส่งข่าวขอกำลังเสริมไปแล้ว แต่การเปิดแดนศักดิ์สิทธิ์ครั้งต่อไปยังต้องใช้เวลาอีกครึ่งปี ระยะเวลานานขนาดนี้เกรงว่าคนเหล่านี้คงหนีเตลิดเปิดโปงไปแล้ว หวังว่าท่านอาวุโสจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในวันวาน ลงมือช่วยสักครั้ง!” หุ่นเชิดชุดเกราะสีโลหิตค้อมกายขึ้น พลางเอ่ยอย่างนอบน้อมมาก

 

 

“หึ ตอนแรกตาเฒ่าและเผ่าแมลงเม่าของพวกเจ้าได้ตกลงกันเอาไว้ว่าจะขอพักผ่อนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าไม่กี่วันเท่านั้น ไม่ได้จะขอพึ่งเผ่าแมลงเม่า สิ่งที่ควรตอบแทน ตาเฒ่าก็ตอบแทนไปนานแล้ว การเข้ามาในแดนแม่น้ำอเวจีครั้งนี้ พวกเจ้าให้ข้าเรียกภูตมาช่วย ข้าเองก็พอจะตกลงได้ ตอนนี้ยังจะให้ข้าออกไปช่วยพวกเจ้าสังหารศัตรูด้วยตนเอง ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยหรือ?” เสียงแค่นเสียงอย่างเย็นชาดังขึ้น สะท้อนก้องไปมาทั่วทั้งถ้ำ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก

 

 

“ท่านอาวุโสเจียง ชนรุ่นหลังไม่ทราบว่าท่านกับเผ่าของเราสัญญาอะไรต่อกัน แต่จากความสามารถเก่าของท่านการต่อกรกับคนเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องที่ง่ายดาย หากท่านอาวุโสไม่สะดวกจริงๆ ก็ยอมมอบมีดเบญจมังกรให้ชนรุ่นหลังยืมก็ได้เช่นกันขอรับ” หุ่นเชิดกลอกตาไปมา พลางเอ่ยเช่นนี้ออกมา

 

 

“มีดเบญจมังกรคือของที่ล้ำค่าเป็นอันดับต้นๆ ของตาเฒ่า ตาเฒ่าจะให้เจ้ายืมทำไม วันนั้นเพื่อเข้าไปในแม่น้ำอเวจี ตาเฒ่าก็จ่ายเป็นของล้ำค่าที่คุ้มค่าให้กับอาวุโสของพวกเจ้าแล้ว” ชายชราดูเหมือนว่าระลึกถึงสิ่งที่ไม่พอใจนักอะไรออกมา จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

 

 

หุ่นเชิดเกราะโลหิตใจเต้นระรัว ลังเลเล็กน้อย มือหนึ่งควานหาทั่วเรือนร่าง ควักขวดสีดำสนิทออกมาจากเกราะสีโลหิต

 

 

ขนาดเท่าหัวแม่มือ แต่วิจิตรงดงามเป็นอย่างมาก

 

 

“เงินเดือนล่าสุดของชนรุ่นหลัง อาวุโสในเผ่าได้มอบ ‘วารีขุยจิ้ง’ ให้ขวดหนึ่ง ข้าน้อยยอมใช้สิ่งนี้แลกกับการให้ท่านอาวุโสลงมือช่วยครั้งหนึ่ง” หุ่นเชิดเกราะสีโลหิตถือขวดเล็กๆ เอาไว้อย่างระมัดระวัง แล้วเอ่ยด้วยเสียงอันดัง

 

 

“วารีขุยจิ้ง!” เสียงแหบพร่าพลันเคร่งขรึม ดูเหมือนว่าจะตกใจไปเล็กน้อย!

 

 

“สิ่งนี้ล้านปีถึงจะก่อตัวขึ้นหยดหนึ่ง ทั้งแดนวิญญาณเองก็ตามหามาตั้งไม่รู้เท่าไหร่ นับได้ว่าเป็นของที่หายาก” หุ่นเชิดตนนี้สัมผัสได้ถึงความลังเลของอีกฝ่าย จึงเยือกเย็นขึ้นเป็นอย่างมาก ขณะเอ่ยด้วยเสียงก้องกังวานออกมา

 

 

เสียง “สวบ” ดังขึ้น หมอกสีดำกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากในถ้ำ ชั่วครู่ก็ม้วนเอาขวดเล็กๆ สองสามชนิดไปจากหุ่นเชิด แล้วนำกลับเข้าไปในถ้ำ

 

 

หุ่นเชิดเกราะโลหิตไม่มีเจตนาจะต้านทานเลยสักนิด!

 

 

“ไม่เลว เป็นวารีขุยจิ้งจริงๆ ดูแล้วตาเฒ่าของพวกเจ้าคงวางแผนเอาไว้แล้ว” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เสียงแหบแห้งดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่น้ำเสียงยังแฝงความดีใจเอาไว้

 

 

“เช่นนั้นท่านอาวุโสก็ตกลงแล้ว!” หุ่นเชิดชุดเกราะโลหิตพลันรู้สึกดีอกดีใจ

 

 

“จะว่าข้าตกลงก็ตกลง แต่ตาเฒ่าได้ตกลงกับอาวุโสในเผ่าของพวกเจ้าเอาไว้แล้ว จำต้องกดการแว้งกัดของไอทมิฬในห้วงเวลานี้เอาไว้แทนเผ่าแมลงเม่าของพวกเจ้า ช่วงเวลานี้ไอทมิฬที่นี่ไม่ค่อยมั่นคงนัก ข้าจึงไม่อาจออกจากที่นี่ได้ เจ้าเอามีดเบญจมังกรของข้าไปเถิด!” น้ำเสียงแหบแห้งลังเลเล็กน้อย แล้วถึงได้เอ่ยเช่นนี้ออกมา

 

 

“ขอบพระคุณท่านอาวุโส! มีมีดเบญจมังกร! ชนรุ่นหลังคนเดียวก็สามารถต้านทานระดับแมลงเม่าสวรรค์ห้าคนได้ สังหารคนเหล่านั้นได้สบายๆ แน่” หุ่นเชิดเกราะโลหิตเอ่ยอย่างดีอกดีใจ

 

 

“ในเมื่อเจ้าเห็นด้วย ก็รับไปเถิด!”

 

 

คนในถ้ำเองก็ปราดเปรียวเป็นอย่างมาก หลังจากที่ร้องตะโกนด้วยเสียงต่ำๆ ออกมา ลำแสงสีเงินสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากด้านใน หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบก็มาอยู่ตรงหน้าหุ่นเชิดเกราะโลหิต และหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ

 

 

หุ่นเชิดเกราะโลหิตขมวดคิ้วเพ่งมองไป

 

 

เห็นเพียงมีดสีเงินขาวที่ดูธรรมดาๆ ลอยอยู่ตรงนั้น ผิวของมันนอกจากจะเปล่งแสงเจิดจ้าราวกับกระจกแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะมองหาความพิเศษไม่เจอเลยสักนิด

 

 

“ท่านอาวุโส นี้…นี้คือมีดเบญจมังกร?” หุ่นเชิดเกราะโลหิตชูมือรับมีดเอาไว้ พิจารณาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง แววตาฉายแววฉงนสว่างวาบ

 

 

“หึๆ! อันใด กลัวว่าตาเฒ่าจะตบตาเจ้าหรือ?” เสียงแหบแห้งเปล่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา

 

 

“มิกล้า แค่มีดเล่มนี้…” หุ่นเชิดเกราะโลหิตใจหายวาบ รีบร้อนคิดจะเอ่ยอธิบาย แต่ในตอนนั้นเอง มีดในมือก็สั่นเทา ดิ้นหลุดออกจากนิ้วทั้งห้าบินออกไป

 

 

หลังจากที่สมบัติชิ้นนี้หมุนวนโคจรรอบหนึ่ง ลำแสงสีเงินพลันสว่างวาบ จากนั้นเสียงกรีดร้องคำรามราวกับมังกร ภาพมายามังกรวารียักษ์ห้าตัวก็ปรากฎขึ้นบนมีด มีสีสันหลากหลาย แยกเขี้ยวตะปบเล็ก ท่าทางดุดันเป็นอย่างยิ่ง

 

 

“มีดเบญจมังกรคือสมบัติที่ตาเฒ่าใช้โครงกระดูกและจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของมังกรวารีที่มีความสามารถเกรียงไกรห้าตัว ซึ่งถูกสังหารไปตอนที่ไปหาประสบการณ์ที่แผ่นดินใหญ่ ตอนนั้นเมื่อหลอมเสร็จก็บันทึกเข้าไปในหมื่นคัมภีร์หุ้นตุ้น และยิ่งไปกว่านั้นยังสมบัติระดับต้นๆ ในรายการสมบัติสะท้านฟ้า” น้ำเสียงของแหบแห้งเอ่ยอย่างหยิ่งทระนง

 

 

“ทำให้ท่านอาวุโสเห็นเรื่องน่าขันแล้ว! ชนรุ่นหลังและพวกเจ้าไปกำจัดผู้มาเยือน แล้วนำสมบัติชิ้นนี้มาคืนท่านอาวุโสทันที!”

 

 

หุ่นเชิดเกราะโลหิตเห็นมีดเล่มนี้สร้างปรากฎการณ์ที่ยิ่งใหญ่ออกมาก็รู้สึกดีใจ แล้วร่ายคาถาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสงสัยใดๆ อีก

 

 

ชั่วขณะนั้นมีดพลันกลายเป็นสายรุ้งสีเงินสายหนึ่ง จมหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขา