หยินหงยืนขึ้นทันที “หยินเล่อ เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้รึไง? นายหญิงผู้นี้ไม่รังเกียจที่จะสั่งสอนเจ้าหรอกนะ!”
นางชี้นิ้วไปยังหน้าอกของอีกฝ่าย นิสัยอันธพาลของนางไม่อาจถูกยับยั้งเอาไว้ได้
“หยินหง รักษามารยาทหน่อย!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่างตักเตือนทันที
“ค่ะ!” หยินหงหยักหน้าและหันหลังไป
หยินเล่อกล่าว “การแข่งขันนั้นวัดกันด้วยความสามารถของตนเอง ซวนหยวนจื่อกวงนั้นได้พึ่งพาพลังอำนาจของสายเลือด แต่สิ่งที่เจ้าหนูนั่นใช้คือเม็ดยาซึ่งไม่ยุติธรรม! ไม่เช่นนั้นแล้วหากจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานทุกคนใช้เม็ดยารวมปราณสวรรค์ล่ะ การแข่งขันนี้จะมีประโยชน์อะไร?”
เม็ดยารวมปราณสวรรค์นั้นเป็นยาในตำนานต้องห้าม ไม่ว่าจะเป็นใครก็ช่าง แต่ตราบใดที่กินเข้าไปพลังของจอมยุทธคนนั้นจะเพิ่มจากระดับบุปผาผลิบานเป็นตัวอ่อนวิญญาณทันที แต่เมื่อผลลัพธ์ของเม็ดยาหมดลง จอมยุทธที่กินเม็ดยาลงไปก็จะตกตายเพราะร่างกายรองรับพลังปราณอันมหาศาลไม่ไหว
แต่เม็ดยาชนิดนี้มีอยู่ในตำนานเรื่องเล่าเท่านั้น ไม่มีใครเคยหลอมมันขึ้นมาจริงๆ หยินเล่อแค่นำมันมายกตัวอย่างเพื่อให้เห็นว่าการกินเม็ดยานั้นขัดต่อกฎของการแข่งขัน
ทันใดนั้น ผู้คนไม่น้อยก็เริ่มพูดคุยกันและพยักหน้าเห็นด้วย
หลิงฮันแสยะยิ้มและพูด “จริงอยู่ที่การใช้ตัวช่วยภายนอกนั้นไม่ยุติธรรม แต่อย่าลืมว่าข้าเป็นคนหลอมเม็ดยาห้าหยกพลิกผันที่ว่านั่นขึ้นมาเอง ซวนหยวนจื่อกวงนั้นมีโชคที่เกิดมามีพลังสายเลือด แล้วข้าจะใช้ทักษะปรุงยาของข้าช่วยเพิ่มพลังให้ตัวข้าเองไม่ได้รึ?”
มีเหตุผล!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้คนมากมายก็เริ่มพยักหน้าอีกครั้ง
เพียงแต่สิ่งที่สำคัญไม่มีใครให้ค่าความคิดเห็นของคนเหล่านั้น สิ่งสำคัญก็คือเหล่าผู้อาวุโสจะคิดเห็นเช่นใดต่างหาก
ผ่านไปสักพักยิ่นเฉวยางก็เอ่ยขึ้นมา “ในเมื่อฮันหลิงเป็นนักปรุงยา การใช้เม็ดยาของตนเองก็ไม่นับว่าผิดกฎ การต่อสู้นี้ฮันหลิงเป็นผู้ชนะ!”
การต่อสู้ถูกตัดสินแล้ว!
หยินหงเต็มไปด้วยความรู้สึกยินดี นางเคยคิดว่าหลิงฮันจะไม่สามารถโค่นซวนหยวนจื่อกวงลงได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหมอนี่จะสร้างปาฏิหาริย์ที่น่าตกตะลึงได้เช่นนี้ ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของหยินเล่อกลายเป็นมืดมน ถึงแม้การแข่งขันครั้งนี้จะไม่ใช่สิ่งที่ตัดสินตำแหน่งผู้นำตำหนักในทันที แต่นางก็ต้องสูญเสียไปไม่น้อยเช่นกัน
นางจ่ายทรัพย์สินไปมากมายเพื่อเชิญให้เสวียนจี้หยุนและซวนหยวนจื่อกวงเป็นตัวแทนของนาง แต่ทั้งสองคนนั้นกลับถูกจัดการโดยคนคนเดียวกัน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่นางไม่อาจยอมรับได้
เชี่ยวชาญทั้งวรยุทธและปรุงยา ในโลกนี้มีคนที่มีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่จริงๆรึ?
ใช่แล้ว… ในภูมิภาคเหนือมีคนเช่นนี้อยู่คนหนึ่ง ชื่อของเขาคือหลิงฮัน ในศาสตร์แห่งการปรุงยา เขาคือนักปรุงยาระดับสวรรค์ และถ้าหากพูดถึงศักยภาพในวิถีวรยุทธ เขาเองก็ไม่แพ้ใครเช่นกัน มีข่าวออกมาว่าเขาได้รับสืบทอดมรดกจากเขตแดนลี้ลับ
เดี๋ยวสิ เป็นไปได้ด้วยรึที่อัจฉริยะเช่นนี้จะปรากฏตัวพร้อมกันถึงสองคน?
ฮันหลิง… หลิงฮัน? ชื่อของพวกเขาเป็นแค่การกลับคำไม่ใช่รึไง?
หยินเล่อรู้ในทันทีว่าฮันหลิงก็คือหลิงฮัน! มีข่าวลือว่าหลิงฮันนั้นได้รับมรดกจากสิบสองเขตแดนลี้ลับสวรรค์ ซึ่งก็คือทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงมากที่อีกฝ่ายจะสลับชื่อเพื่อปลอมตัว
กล้าทำลายแผนการของข้า เจ้าจะต้องตาย!
แววตาของหยินเล่อเต็มไปด้วยจิตสังหาร นางตัดสินใจที่จะแพร่กระจ่ายข่าวออกไปว่าแท้จริงแล้วฮันหลิงก็คือหลิงฮัน ส่วนถ้าหากว่าการคาดเดาของนางผิดนั้น… ก็ช่างมันประไร ขอแค่หมอนั่นตายไปก็เพียงพอแล้วไม่ใช่รึไง?
นางไม่ทำการประท้วงคำตัดสินอีกต่อไป ในเมื่อผู้อาวุโสตำหนักใหญ่กล่าวคำตัดสินออกมาแล้ว หากประท้วงต่อไปก็มีแต่จะทำให้ภาพลักษณ์ของนางดูแย่ลง
หลังจากจบการแข่งขันทั้งสามอย่าง แต้มชนะของหยินหงก็คือแปดสิบแต้ม สาขานางได้อันดับหนึ่ง
หลิงฮันกลับไปยังที่พัก ตอนนี้คำช่วยหยินหงตามสัญญาแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือการค้นหาหุบเขาไร้ขอบเขตเพื่อตรวจสอบข้อความที่จื่อเสวี่ยนเซียนทิ้งเอาไว้ เขาวางแผนที่จะออกเดินทางในอีกไม่กี่วันนี้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากรีบออกเดินทาง แต่เพราะตำหนักสมบัติวิญญาณกำลังจะจัดงานประมูลประจำปีขึ้นซึ่งจะต้องมีสมบัติล้ำค่ามากมายถูกนำขึ้นประมูลแน่นอน ดังนั้นหลิงฮันจึงรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ในมือของเขามีผลึกก่อเกิดสามดาวอยู่มากกว่าหกแสนผลึก เขาจึงเกิดความรู้สึกอยากใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายขึ้นมาเล็กน้อย
แต่หลังจากการประมูลเริ่มขึ้น หลิงฮันก็รับรู้ได้ถึงความยากจนของตนเอง ระหว่างการประมูลนั้นมีผู้คนไม่น้อยที่ใช้จ่ายผลึกก่อเกิดจำนวนมหาศาลราวกับมันไม่ใช่ผลึกก่อเกิดแต่เป็นเพียงก้อนกรวด
มีสมบัติหลายชิ้นที่หลิงฮันเล็งเอาไว้ แต่สุดท้ายเขาก็ประมูลได้มาเพียงชิ้นเดียว
เส้นเอ็นมังกรเจี่ยวหลง!
เจี่ยวหลงคือสัตว์อสูรที่สืบสายเลือดมาจากมังกรที่แท้จริง หากมันบ่มเพาะพลังไปถึงจุดสูงสุด ร่างกายที่เป็นเพียงอสรพิษของมันก็จะเปลี่ยนเป็นมังกรที่แท้จริงได้ ดังนั้นกล้ามเนื้อของมันจึงล้ำค่าเป็นอย่างมาก หลิงฮันต้องใช้ผลึกก่อเกิดเกือบทั้งหมดเพื่อประมูลมันมา
เส้นเอ็นมังกรเจี่ยวหลงไม่ใช่สิ่งที่กินเพื่อบำรุงร่างกาย ประโยชน์อย่างเดียวของมันคือใช้สร้างเป็นอาวุธวิญญาณประเภทแส้
แต่แน่นอนว่าหลิงฮันไม่ต้องการจะใช้เส้นเอ็นมังกรเจี่ยวหลงนี้สร้างเป็นแส้ เขาจะใช้มันทำเป็นสายธนู
หลังจากการประมูลจบลง เขาก็พันเส้นเอ็นมังกรเจี่ยวหลงเข้ากับคันธนู และในที่สุดคันศรของเขาก็เสร็จสมบูรณ์ คันศรนี้สร้างขึ้นจากแร่เหลล็กระดับเจ็ดกับเส้นเอ็นมังกรเจี่ยวหลง แถมลูกศรก็ยังสร้างขึ้นจากแร่เหล็กระดับเจ็ดด้วยเช่นกัน ถ้าหากไม่ระวังตัว แม้จะเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ต้องตกตายเพราะมัน
แม้จะไม่ผสานปราณก่อเกิดเข้ากับคันศรนี้ พลังโจมตีของมันก็สามารถเทียบได้กับพลังป้องกันของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ และถ้าหากผสานปราณก่อเกิดเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นระดับบุปผาผลิบานหรือตัวอ่อนวิญญาณ ร่างของผู้ที่ถูกโจมตีก็ต้องระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
หลิงฮันพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาตั้งชื่ออาวุธวิญญาณชิ้นนี้ว่าคันศรตะวันยอแสง มันคืออาวุธลับสังหารที่น่าสะพรึงกลัวของหลิงฮัน หากใช้ควบคู่ไปกับเนตรแห่งสัจธรรมล่ะก็ มันสามารถโจมตีได้ไกลจากระดับร้อยไมล์ แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ไม่มีทางรู้ตัวว่าถูกยิง
“หลิงฮัน! หลิงฮัน!” หยินหงวิ่งเข้ามา
“ทำไมเจ้าถึงไม่เรียกข้าว่าปรมาจารย์หลิง เจ้าไม่คิดรึว่ามันยังเร็วไปที่เจ้าจะเรียกข้าห้วนๆแบบนั้น?” หลิงฮันยิ้มหยอก
“เหอะ เจ้าคิดจะให้นายหญิงผู้นี้เรียกเจ้าว่าปรมาจารย์งั้นรึ?” หยินหงแสร้งทำสีหน้าเหยียดหยาม แต่สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและพูด “ข้ามาบอกข่าวใหญ่กับเจ้า”
“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็ขอฟังหน่อยแล้วกัน” หลิงฮันยิ้ม
“คนอย่างเจ้านี่ช่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเอาเสียเลย น้องสาวเสวียนเอ๋อ ชายคนนี้มีอะไรดีกัน? เจ้าไม่อาจฝากชีวิตไว้กับเขาได้!” หยินหงพูดอย่างอันธพาล แต่ใบหน้าอันงดงามของจูเสวียนเอ๋อนั้นกลายเป็นแดงก่ำ นางเอนร่างของตัวเองเข้าสู่อ้อมกอดของหลิงฮันโดยไม่กล้ามองหน้าหยินหง
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกสงสัยและถาม “ข่าวอะไรงั้นเหรอ?”
“หนิวก็ต้องรู้ด้วย!” ฮูหนิวเองก็อยากมีส่วนร่วม
← ตอนก่อน