“แก! แก แก แก!” ชายคนนั้นพูดไม่ออกเมื่อเจอชูฮันพูดขัด จนในที่สุดก็นึกเหตุผลขึ้นมาแย้งชูฮันได้ “ตอนที่แกออกจากห้องประชุม รู้ตัวรึเปล่าว่าได้ทำผิดกฏของทหาร?”

 

“หึ! ฉันจะไปรู้ได้ยังไงในเมื่อฉันพึ่งรับตำแหน่งวันนี้เป็นวันแรก” ชูฮันกรอกตาและมองชายคนนั้นด้วยสายตาดูถูก “ในสมองหมูของแกนี่คิดอะไรไม่ได้เลยสินะ เร็วเข้า ไหนมีเรื่องอะไรต่ออีก?”

 

ต่อไป

ชูฮันยังกล้าพูดว่าเรื่องต่อไป

 

นายทหารคนนั้นอับอายเกินกว่าจะกล้าอวดดีต่อ

 

นายทหารระดับสูงหลายคนในห้องประชุมแทบจะสำลักออกมา ชูฮันทำให้พวกเขารู้สึกหายใจไม่ออก แม้แต่ฉางกวนหลงและตวนเจียงเหว่ยก็ยังนิ่งอึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกับชูฮัน หากชูฮันกลับแสดงพฤติกรรมอันธพาลและหัวรุนแรงอย่างมากให้เห็นแล้ว

 

“อะแฮ่ม!” เลาหมิงกระแอมเบาพร้อมกับเผยรอยยิ้มแปลกๆ “ชูฮัน ให้ฉันอธิบายดีกว่าทำไมเหมิงหมิงถึงมีอาการไม่พอใจแบบนั้น? เขาเป็นผู้ตรวจสอบดูแลความเรียบร้อยของทั้งซางจิงและหน้าที่ของเขาไม่ใช่เล็กๆ!”

 

แน่นอนว่าชูฮันได้ยินคำพูดของเลาหมิง…พื้นหลังของไอ้เหมิงหมิงนี่ไม่ใช่ธรรมดา แต่นอกเหนือจากเหมิงหมิงและไอ้คนที่คอยสนับสนุน มันก็ยังไม่มีเหตุผลหนักแน่นพอที่เขาจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไป

 

“ผมมีเรื่องต้องพูด!” ชูฮันผุดลุกขึ้นยืน ท่าทางอัดแน่นไปด้วยความโกรธ “เหมิงไซเป็นผู้ดูแลเขตพื้นที่ผู้ลี้ภัยแต่เขากลับปล่อยให้มีลูกผสมเข้าไปปะปนอยู่ในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของเขา! วันนี้ผมโชคดีที่สามารถฆ่าไอ้ลูกผสมนั้นได้ แต่ถ้าวันไหนมีลูกผสมเข้ามาตั้งรกรากในพื้นที่ผู้ลี้ภัยล่ะ! ใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้?”

 

ทันใดนั้นหลายคนที่ก่อนหน้านี้มีท่าทีเดือดดาลก็เริ่มสงบลงและประหลาดใจที่ได้เห็นคำพูดชอบธรรมจากชูฮัน ถึงแม้ในใจของหลายคนจะไม่พอใจกับการกระทำของชูฮันแต่ก็ต้องยอมรับว่าชูฮันพูดถูก

 

โดยไม่คำนึงถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนของหลายคนที่มองมา ชูฮันยังคงกล่าวต่อไป “การละเลยหน้าที่ของเหมิงไซอาจเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่วิกฤตที่อาจเกิดได้ไปทั่วทั้งค่ายซางจิงเป็นเรื่องใหญ่ หลังจากผมได้แก้ปัญหาเรื่องลูกผสมเสร็จเรียบร้อย นอกจากเหมิงไซไม่เพียงแต่จะไม่เพิ่มความปลอดภัยและรักษาการณ์ภายในบริเวณผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้น แต่เขากลับยังมาหาเรื่องผมและให้ผมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบในฐานะผู้ต้องสงสัยว่าร่วมมือกับลูกผสม? นี่มันใช่สิ่งที่สมควรแล้วเหรอไงวะห้ะ?”

 

“ชูฮัน อย่าสบถ” หนึ่งในฝ่ายต่อต้านชูฮันที่ทำตัวน่ารังเกียจเหมือนแมลงสาบเหลือบมองชูฮันพร้อมแย้งขึ้นทันที

 

“โอ๊ะ โทษที ผมตื่นเต้นไปหน่อย” ชูฮันกระซบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว และทันในนั้นก็ตามมาด้วยเสียงแหกปาก “คิดว่าผมควรทำยังไงกับหมาแบบนี้ล่ะ? ผมไม่รุนแรงพอที่จะฆ่าเขาหรอกมันก็แค่ผลจากการระบายอารมณ์ของผมเพื่อที่จะได้ไม่ส่งผลต่อความเสียหายใหญ่หลวงของซางจิง!”

 

หลายคนไม่ส่งเสียงเยาะเย้ยอีกต่อไป หากเป็นเพราะพวกเขาเพิกเฉยต่อผลกระทบที่ซางจิงจะได้รับเมื่อมีลูกผสมปะปนเข้ามาในค่าย พื้นที่ผู้ลี้ภัยเป็นพื้นที่ที่ถูกทำลายทุกวันอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะมีลูกผสมเข้ามา ในขณะที่ชูฮันกำลังพูด เหล่าคนที่กลัวตายเริ่มจะรู้สึกเอนเอียงอยู่ในใจ มันไม่มีอะไรรับประกันความปลอดภัยของพวกเขา

 

เมื่อได้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้แววตาของผู้คนที่มองมา ชูฮันก็แสยะยิ้มอยู่ในอกพร้อมกับพูดสรุปอย่างไม่ลังเล “ดังนั้นเหมิงไซไม่ควรจะได้รับมอบหมายและดำรงตำแหน่งกัปตันของพื้นที่ผู้ลี้ภัยต่อไป เขาควรจะถูกปลดทันทีและโยนให้ไปใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ผู้ลี้ภัยเพื่อเป็นบทเรียน”

 

“ฉันเห็นด้วย!”

 

“ไม่มีการคัดค้าน”

 

“เรื่องของเหมิงไซเป็นเรื่องจริงก็จริง แล้วเรื่องเหมิงหมิงล่ะ?” ชายที่มีท่าทางหยิ่งจองหองอย่างมากและเป็นศัตรูกับชูฮันลุกขึ้นยืนต่อต้าน “เหมิงหมิงเป็นคนดูแลทั้งค่ายซางจิง! มันหมายความว่ายังไงที่แกไปหักนิ้วของเหมิงหมิงทันทีที่เข้ามา? คิดว่าการที่ตัวเองเป็นวิวัฒนาการระยะ 4 มันดีเริศแล้วใช่มั้ย?”

 

เมื่อได้ฟังคำของผู้ชายคนนี้ แววตาของชูฮันก็ขยับไปเหลือบมองที่คนพูดทันที “แล้วแกคิดว่าตัวเองเป็นผู้บริหารของซางจิงเหรอไง? แม้แต่วิวัฒนาการระยะ 1 ก็ยังไม่ใช่ ก็แค่ไอ้แก่ไร้ประโยชน์!”

 

“แก? แก? แกมัน—-” ใบหน้าของชายคนนั้นแดงก่ำ

 

“แกเ*ยไรวะ ทำไม?” ชูฮันไม่ลังเลที่จะสบถอีกครั้ง ชูฮันพ่นคำพูดใส่หน้าชายคนนั้น “วันที่ผมตกลงรับตำแหน่งพลเอก ผมก็แจ้งกฏระเบียบไว้ชัดเจนว่าผมมีสิทธิตอบโต้กลับทันทีถ้ามีใครมาชี้หน้าว่าร้ายหรือหาเรื่องใส่ ตามแต่สถานการณ์ที่อาจเบาหรือรุนแรง ผมสามารถเลือกได้ว่าจะฆ่าหรือไม่”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของชูฮัน หลายคนก็เบิกตากว้างและแทบจะหายใจไม่ออก วันนั้น…สิทธิพิเศษของชูฮันในการยอมรับตำแหน่ง

 

ฉางกวนหลงและตวนเจียงเหว่ยและพลเอกคนอื่นๆต่างลังเลที่จะเอ่ยขัดเพราะมันก็เป็นไปตามข้อตกลงทุกอย่าง และชูฮัน…ผู้ชายคนนี้หยิ่งผยองเกินไป

 

น่าเสียดาย ชูฮันจะไม่ยอมปล่อยคนพวกนี้ไป เขาเอ่ยปากพูดต่อ “เหมิงหมิงแค่ชี้นิ้วใส่ผมเหรอ? สายตานับร้อยคู่ของพวกคุณทั้งหมดก็เห็น นี่มันเป็นเรื่องจริง! ผมไม่อยากจะพูดเลยว่าน้องชายของเขาทำเรื่องร้ายแรงขนาดไหน ทั้งเห็นแก่ตัวและมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปกปิดความผิด ผมมีเมตตามากพอแล้วที่ไม่ได้ฆ่าเขาทันทีที่เขตผู้ลี้ภัย พวกคุณจะบอกว่าผมทำผิดเหรอ? ถ้างั้นสิทธิพิเศษของผมในฐานะพลเอกคือเรื่องหลอกลวง?”

 

หลายคนส่งเสียงดังกันไม่หยุดเมื่อได้ยินชูฮันพูดแบบนี้

 

ชายที่มีอำนาจใหญ่ที่ก่อนหน้านี้ยืนขึ้นต่อว่าชูฮันยังคงจะหาเรื่องต่อ “ถ้างั้น แกไม่สามารถ—–“

 

“ไม่สามารถ? นี่มันไม่ใช่ มันไม่ถูกต้อง พวกคุณยังอยากจะให้ผมเป็นพลเอกอยู่มั้ย?”

 

ชูฮันพูดแทรกขึ้นมาทันที นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องไปที่ชายคนนั้นด้วยดวงตาเศร้าโศกที่เสแสร้ง “พวกคุณก็เห็นว่ามันเป็นยังไง…ให้ผมได้มีเวลาพักบ้าง”

 

ชายคนนั้นเดินมาตรงหน้าชูฮัน หากชูฮันกลับไม่แม้แต่จะสนใจและยังมองเมินไปทางอื่นอีก

 

“พวกคุณนั่งอยู่ในห้องประชุม กินอาหารอร่อยและนั่งสบายๆ พูดคุยเรื่องวิธีที่จะยกระดับความสบายและร่ำรวยของตัวเอง และทอดทิ้งพื้นที่ผู้ลี้ภัยอย่างไม่แยแส และตอนนี้ที่ผมช่วยพวกคุณจากลูกผสมแต่พวกคุณก็ยังจะหาทางแทงผมให้ได้! พระเจ้าเถอะ!”

 

“ชูฮันอย่าเป็นแบบนี้ พวกเราก่อนหน้านี้แค่เข้าใจผิด!”

 

“ท่านพลเอกชูฮัน แน่นอนว่าท่านคือดาวแห่งความโชคดีของจีนเรา!”