บทที่ 279 เขารู้สึกเจ็บปวด

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 279 เขารู้สึกเจ็บปวด
พี่ภารู้สึกเป็นห่วงมา

แต่เธอไม่รู้ว่าระหว่างทั้งสองคนที่เธอภาวนาอยู่นั้นมีเรื่องราวมากมายมากั้นไว้ หลายๆครั้งที่ไม่ใช่จะเป็นไปตามที่พวกเขาพูดไว้ แล้วก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถควบคุมได้ด้วยเช่นกัน

ตอนใกล้ช่วงเช้ามืดถึงได้รับข่าวนี้ หลังจากนั้นเส้นหมี่ก็รีบไปโดยที่ไม่ได้สนใจกับความจนตรอกของตัวเอง

ผลปรากฏว่า เธอเพิ่งจะถึงโรงพยาบาล สาธินีป้าของเธอก็ฟาดฝ่ามือลงบนหน้าเธอไปหนึ่งที!

“แกไสหัวไปซะ! ไสหัวไปสิ! ฉันไม่อยากเห็นแกอีกแล้ว ไสหัวไป!!”

นี่เป็นครั้งแรกที่พูดแรงๆกับเธอแบบนี้ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ตีเธอด้วยเช่นกัน

เส้นหมี่รู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่างกาย

เธอไม่สนใจความรู้สึกเจ็บบนแก้ม แล้วก็ไม่สนใจกลิ่นคาวที่ออกมาจากมุมปากด้วยเช่นกัน เธอจับแขนของป้าเธอแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเสียงดังตุบ

“ไม่ใช่แบบนี้นะคะป้า ป้าฟังฉันอธิบายนะ ฉันไม่ได้….ไม่ได้คิดว่าจะต้องให้เธอมาตายจริงๆ”

“ไม่อย่างนั้นเหรอ?”

ดวงตาที่แดงก่ำเป็นเลือดของสาธินีนั้นจ้องมองเธอ “ถ้าไม่ใช่แล้วแกให้คนของแสนรักไปคอยเฝ้าอยู่ตรงหน้าบ้านฉันทำไม? ไม่ใช่ว่าแกร่วมมือกับเขามาจัดการแต่งฝันหรอกเหรอ? เธอเชื่อฟังคำพูดของแกอย่างว่าง่ายให้แกเอาความทรงจำไปก็มากพอแล้ว นี่ไม่เชื่อฟังก็ฆ่าเธอไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนี้ค่ะ!”

“ไม่ใช่แบบนี้? เส้นหมี่ จนถึงตอนนี้แล้วยังจะมาเถียงข้างๆคูๆอีกเหรอ? นั่นฉันเป็นคนเห็นกับตานะ!!ฉันเห็นว่าเธอตายในมือของคนตระกูลหิรัญชา ฉันตาบอดอย่างนั้นเหรอ? หะ?”

สาธินีตวาดออกมาอย่างคนที่เป็นโรคฮิสทีเรียไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ใบหน้าที่จืดชืดเยือกเย็น เวลานี้ที่ปรากฏออกมานั้นแดงฉาดด้วยความดุดันโหดร้าย และความเคียดแค้นที่แทบอยากจะสับร่างของเส้นหมี่ให้แหลกละเอียด

เส้นหมี่ตกตะลึงไป

ในที่สุดเธอก็ไม่ได้พูดออกมาแล้ว ในดวงตาที่เต็มไปด้วยหวาดกลัวและสิ้นหวังเหลือเพียงแค่น้ำตาที่ไหลลงมาเท่านั้น

คุณลุงก็ไม่ได้สนใจเธอเช่นกัน

เขากำลังจัดการเรื่องเอาแต่งฝันเข้าหอประกอบพิธีฌาปนกิจ โดยแทบจะไม่แม้แต่จะมองเส้นหมี่เลย

ใช่ ต่อให้แต่งฝันจะไม่ดีแค่ไหน แต่นั่นก็คือลูกสาวแท้ๆของพวกเขา

เส้นหมี่หลับตาลง

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ตอนที่เธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาที่ยังมีหยดน้ำตาอยู่บนขนตานั้น ได้เปลี่ยนไปอย่างแดงก่ำด้วยความเยือกเย็นไปแล้ว เธอลุกขึ้นยืน แล้วก็หายไปจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

และพอดีกับที่เวลานี้แสนรักก็มาถึงที่นี่พอดี

เขาเห็นปอร์เช่ คาเยนน์คันคุ้นเคยที่เตรียมกำลังจะขับออกไปจากที่จอดรถ จากนั้น เขาก็ขับรถคันนี้ของตัวเองไปขวางเอาไว้ให้ ขณะที่กำลังจะออกจาโรงพยาบาลจึงดักเธอเอาไว้ตรงนั้น

“เส้นหมี่ คุณอยู่ที่นี่จริงๆ คุณรู้หรือเปล่าว่าผมตามหาคุณตั้งนาน!”

เขาขวางเธอเอาไว้ เห็นว่าคนที่อยู่ในรถเป็นคนที่เขาหาอยู่จริงๆ ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา เขาลงจากรถแล้วเดินไปทางเธอ

เขาในเวลานี้ยังคงสงบนิ่งมากจริงๆ

ผู้ชายคนหนึ่งที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ตลอดเวลาในทางธุรกิจ เรื่องเล็กแบบนี้ สำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้นับว่ามีอะไรเลยจริงๆ เขาคิดว่าตัวเองมีความสามารถในการแก้ไขเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว

แต่หลังจากที่เขาเข้ามานั้น เขาพบว่าผู้หญิงที่อยู่ในรถไม่เหมือนเดิมแล้ว

“เส้นหมี่?”

“คุณส่งคนให้ไปเฝ้าที่ตระกูลอัครนันท์เหรอ?”

“…..ใช่”แสนรักยอมรับไปตามความจริง หลังจากนั้น เขาอยากจะอธิบาย : “ผมจับตามอง นั่นก็เป็นเพราะว่า……”

“ดังนั้น คุณเป็นคนฆ่าเขา”

“ไม่ใช่!”

ชายหนุ่มที่ไม่อยากได้ยินคำพูดนี้ที่สุดก็รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาทันที : “ผมไม่ได้เป็นคนฆ่า แล้วผมก็ไม่ได้ให้พวกเขาฆ่าเธอด้วย”

เส้นหมี่หัวเราะเยาะ : “หลักฐานล่ะ? คุณมีหลักฐานอะไรว่าไม่ได้เป็นคนฆ่าเขา? แสนรัก คุณรู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมว่าคนที่ขโมยต้นฉบับฉันไปคือแต่งฝัน?”

แสนรัก : “…….”

คำพูดนี้เขาเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย เนื่องจากว่าความจริงเป็นแบบนี้ ตั้งแต่ที่แป้งร่ำบอกกับเขา เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นคือใคร ความสนใจของเขาก็มาอยู่ที่ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้แล้ว

หลังจากนั้น รอให้เขาเรียกเคมีเอาข้อมูลเหล่านั้นที่อยู่ในบ้านเส้นหมี่ก่อนที่จะล้มละลายทั้งหมดออกมาตรวจสอบ เขาเห็นในช่วงสองสามปีนั้นแต่งฝันกับเส้นหมี่ติดต่อกันตลอดเวลา โดยเบื้องต้นเขาก็สามารถมั่นใจได้แล้ว

“ฉันคิดว่า คุณไม่สืบหาแล้ว ฉันแปลกใจ ซาบซึ้ง ฉันอยากจะแอบแก้ปัญหาทุกอย่าง จากนั้นฉันบอกกับคุณป้าว่าเพียงต้องการให้แต่งฝันให้ฉันเอาความทรงจำของเธอไป ฉันก็จะปล่อยเธอไป แต่คุณล่ะ แสนรัก คุณทำอะไร?”

เส้นหมี่นั่งอยู่ในรถ แววตาว่างเปล่า ใบหน้าเล็กๆที่มีฝ่ามือ ด้านหนึ่งซีดขาวเหมือนกระดาษอีกด้านหนึ่งยื่นเข้ามาใกล้ ในที่สุดก็สามารถมองเห็นรอยแดงของรอยนิ้วมือห้านิ้วได้อย่างชัดเจน

เธอถูกคนตบหน้ามา?

แสนรักมองข้ามสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูด ดวงตาหรี่ลง และเต็มไปด้วยความดุดัน!

“ใครตีคุณ? ธนาตย์ใช่หรือเปล่า?”

“ประธานแสนรักยังมีกะจิตกะใจที่จะเป็นห่วงว่าฉันถูกใครตีอีกเหรอคะ? หรือว่าเรื่องพวกนี้ไม่ต้องขอบคุณคุณหรอกเหรอ? คุณไม่ฆ่าเขา ฉันจะถูกตีได้ยังไง? ฉันไม่ถูกบีบตายอยู่ในนั้นก็ไม่เลวแล้ว”

เส้นหมี่หัวเราะขึ้นมา

เสียงที่ออกมาเหมือนกับเป็นโรคประสาทเลยอย่างไรอย่างนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าแสบแก้วหูขนาดไหนเลย

แสนรักขมวดคิ้วขึ้น ในที่สุดก็หมดความอดทนลงไปบ้างเล็กน้อยแล้วเช่นกัน

“คุณต้องให้ผมพูดอีกกี่ครั้ง? ผมไม่ได้ให้คนทำให้เธอตาย ใช่ ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วจริงๆว่าเธอเป็นคนที่ให้ต้นฉบับกับแป้งร่ำ แต่ผมให้คนติดตามคุณ เพียงแค่เพราะ….ปกป้องคุณ”

ในที่สุดเขาก็พูดออกมาแล้ว

มีความแข็งทื่อและไม่สบอารมณ์อยู่ด้วยเล็กน้อย

น่าเสียดายที่ผู้หญิงตรงหน้านี้ไม่เชื่อ หรือบางทีจะพูดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ได้ทำลายเธอไปแล้ว เธอไม่อาจที่จะเชื่อได้เลยว่าจะมีเรื่องราวดีๆแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเธอเอง