ตอนที่ 373

The Divine Nine Dragon Cauldron

ในที่สุดเฉินคงก็แสยะยิ้มออกมา

 

หลังจากการประลองจบลง ทุกคนมองซือหยูอย่างนับถือ ซือหยูดูดซับสายฟ้าต่อไป

 

ถ้าหากมีใครสังเกตอย่างจริงจังก็จะพบว่าฐานพลังของซือหยูเต็มไปด้วยมังกรอัสนีหลายพันตัว

 

เขาจะเห็นสายฟ้าทุกเฉดสีที่ต้องการมองหา

 

เมฆาทมิฬบนนภากระจายหาย ฟ้าดินเปล่งประกายอีกครั้ง

 

แสงตะวันสาดส่องร่างของซือหยู แสงสีเงินส่องสะท้อนเส้นผมสีเงิน

 

ใต้หน้ากากสีเงิน เขาใบหน้าเรียบเฉยไร้ความต้องการใด

 

ทุกคนจ้องซือหยูและรู้สึกประหลาด

 

เจ้าตำหนักหลิวลี่ปรากฏตัวในทวีปจนกลายเป็นตำนานยอดฝีมือผู้อยู่เหนือกาลเวลาในทันทีทันใด เขาที่มีตัวคนเดียวต่อสู้กับยอดฝีมือทั้งสองคนจนทำให้เป็นความทรงจำที่ผู้คนมิอาจลืมเลือน

 

“หลิวลี่ เจ้ามีปัญหาอะไรอีกหรือไม่?”

 

จ้าววิหคเพลิงหันไปมองหลิวลี่อย่างไม่แยแส

 

หลิวลี่อับอายอย่างมาก ในตอนนี้เขาจะไม่พอใจเพียงใดกัน?

 

“มะ…ไม่แล้ว”

 

หลิวลี่พูดด้วยความยากลำบาก เขาปิดบังความอัปยศที่ก้นบึ้งของจิตใจ

 

จ้าววิหคเพลิงพยักหน้าเบาๆ

 

“เช่นนั้น เราจะทำการจับคู่”

 

“เฉินคง เจ้าอยากจะแต่งงานกับผู้ใด?”

 

ทุกคนรู้คำตอบอยู่แล้ว มันถูกตัดสินมานานแล้วว่าเฉินคงกับเฟิงเซี่ยนจะต้องแต่งงานกัน เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นเพียงแค่การทำตามธรรมเนียม

 

“เซี่ยนเอ๋อ”

 

เฉินคงตอบอย่างที่ทุกคนคาดเอาไว้

 

จ้าววิหคเพลิงพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์ นางมองซือหยูด้วยความนับถือนี่ไม่ปิดบัง

 

“แล้วหยินหยูล่ะ? ในคณะวิหคเพลิงของข้ามีสตรีนับล้าน ใครกันที่เจ้าชอบ?”

 

ซือหยูหัวเราะให้กับตัวเอง เซี่ยนเอ๋อเป็นคู่หมั้นของเขามานานแล้ว แต่การที่เขาก็ยังต้องประลองกับคนอื่นนั้นน่าหัวร่อยิ่งนัก

 

เมื่อเห็นซือหยูไม่สนใจ จ้าววิหคเพลิงก็ได้รู้ว่านางได้แตะต้องจุดที่บอบบางของซือหยู นางยิ้ม

 

“แต่ให้ข้าพูดเถอะ เจ้าจะเลือกใครก็ได้ที่อยู่ในที่แห่งนี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง แม้แต่ยู่หลิงก็ย่อมได้”

 

นางรึ? คนนับหมื่นตกใจ

 

จ้าววิหคเพลิงนับถือหยินหยูถึงเพียงนี้เลยรึ?

 

ยู่หลิงที่เป็นลำดับสองของสตรีวิหคเพลิงแห่งยุค นางคือหญิงสาวแห่งทวีปที่ได้รับพรจากสวรรค์

 

คนคนเดียวที่มีพลังสูงกว่านางก็คือเฟิงเซี่ยน

 

ในตอนนี้มีเหล่ายอดฝีมือระดับแนวหน้ามากมายชื่นชอบยู่หลิงที่เป็นรองเพียงเฟิงเซี่ยน

 

แต่จ้าววิหคเพลิงก็ดูจะชื่นชอบหยินหยูและเต็มใจจะมอบนางให้เขา!

 

ยู่หลิงชักสีหน้าเมื่อได้ยินดังนั้น แม้นางจะไม่พอใจแต่นางก็ไม่กล้าที่จะโต้แย้งกับจ้าววิหคเพลิง

 

แม้หยินหยูจะแข็งแกร่ง เขาก็ไม่ใช่สามีที่ดีที่สุดที่นางคิด

 

เฉินคงกับเว่ยฉีหลิงนั้นเทียบไม่ได้เลยกับซือหยู

 

ดังนั้นนางจึงรู้สึกไม่พอใจที่จะต้องแต่งงานกับซือหยู

 

“ขอบคุณน้ำใจท่านจ้าวคณะ ท่านให้ยู่หลิงกับคนอื่นเถอะ ข้ามีคนอื่นในใจอยู่แล้ว”

 

ซือหยูพูดความรู้สึกออกมา

 

ยู่หลิงหยุดนิ่ง นางตาเป็นประกาย แต่ต่อมานางก็ไม่พอใจเล็ก

 

เขาหมายความว่ายังไงกัน? นางยังคงไม่ต้องตาเขางั้นรึ?

 

นางเองรู้สึกว่าจะต้องโศกเศร้ามากถ้าต้องแต่งงานกับซือหยู แต่สิ่งที่ซือหยูคิดก็คือนางไม่คู่ควรพอสำหรับเขา

 

จ้าววิหคเพลิงประหลาดใจเล็กน้อย

 

“เช่นนั้น ผู้ใดกันที่เจ้าต้องการ?”

 

ถ้าหากมีคนมองดีๆก็จะเห็นนางขมวดคิ้วหนึ่งครั้งและเริ่มเป็นกังวล

 

“เซี่ยนเอ๋อ! ข้ามาที่นี่เพื่อนางเท่านั้น!”

 

ซือหยูพูดขึ้นมาโดยไม่แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ

 

อย่างที่คิด! ความสิ้นหวังฉาบดวงตาจ้าววิหคเพลิง

 

นางอยากจะชนะใจทั้งเฉินคงและซือหยู

 

แต่ที่นี่มีแค่เฟิงเซี่ยนแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

 

“เข้าใจล่ะ แล้วเจ้าล่ะเว่ยฉีหลิน?”

 

จ้าววิหคเพลิงถามต่อไป

 

ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดจากหอสดับหิมะ เว่ยฉีหลิน!

 

“ข้าน่ะรึ? แน่นอนว่าต้องเป็นเฟิงเซี่ยน!”

 

เว่ยฉีหลินยืนกอดอก

 

จ้าววิหคเพลิงไม่แปลกใจ เว่ยฉีหลินนั้นเป็นนักสู้ที่เก่งกาจและเป็นภัยต่อเฉินคง เขาคือศัตรูคนสุดท้ายที่เฉินคงมี ดังนั้นเขาต้องอยากสู้กับเฉินคงอยู่แล้ว รวมถึงการต่อสู้เพื่อสตรีก็ด้วย!

 

“ทำไมเจ้าจะต้องสู้กับเฉินคงอย่างไร้เหตุผลด้วยเล่า? การเลือกเลือกคู่ครองนับเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในชีวิตเจ้า”

 

จ้าววิหคเพลิงแนะนำ

 

เว่ยฉีหลินคิ้วกระตุก

 

“สู้กับเฉินคงรึ? มิได้”

 

เขาหันมองไปยังซือหยูด้วยสายตาคมกริบ

 

“ข้าก็แค่อยากจะรู้ว่าคนที่มีลำดับเหนือกว่าข้ามันเป็นขยะแค่ไหนกัน!”

 

เหตุผลที่แท้จริงก็คือเขาเลือกคนเดียวกับซือหยูเพื่อที่จะสู้กับซือหยู

 

“คนคนเดียวที่แข็งแกร่งกว่าข้าคือเฉินคง ไม่มีใครอื่น”

 

“ข้าไม่เห็นด้วยกับลำดับเช่นนี้”

 

เช่นนี้เองรึ จ้าววิหคเพลิงพยักหน้า

 

“เอาล่ะ แล้วเจ้าล่ะซงหลวน?”

 

ซงหลวนหัวเราะ

 

“ข้ามาที่นี่เพื่อเกียรติยศของตำหนักเฉินเทียน ข้าไม่คิดจะเลือกสตรีคนไหน…”

 

เขามองผ่านไปยังทั้งสามคน

 

“หากพวกเขาเลือกสตรีวิหคเพลิงเฟิงเซี่ยน ข้าก็ต้องเลือกตามพวกเขา”

 

จ้าววิหคเพลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เรื่องนี้นางทำอะไรไม่ได้

 

“ย่อมได้”

 

ซือหยูมองไปยังซงหลวนและเจียงมู่เฟย

 

เขายังคงมีคำถามที่ไม่เคยถามทั้งสองคน

 

ตามที่เกาคังบอก ในบรรดาสามราชันย์สวรรค์แห่งตำหนักเฉินเทียน มีแค่เขาที่ยอมแพ้ต่อฮั่นเจียงหลิน

 

แต่ซงหลวนกับเจียงมู่เฟยนั้นคิดว่ายอมตายเสียดีกว่าจะยอม ดังนั้นทั้งสองจึงถูกจองจำ

 

แล้วทำไมตัวแทนของตำหนักเฉินเทียนถึงมาในงานชุมนุมวิหคเพลิงเล่า?

 

หรือว่าพวกซงหลวนจะยอมภักดีต่อฮั่นเจียงหลินแล้ว?

 

“เจ้าจะว่าอย่างไร หลิวลี่? จ้าววิหคเพลิงถาม”

 

หลิวลี่รวบรวมความกล้าอย่างยากลำบาก เขาพูดหลังจากลังเล

 

“ข้าชอบยู่หลิง ข้าหวังว่าจ้าววิหคเพลิงสนองความปรารถนาของข้า”

 

นางรึ? จ้าววิหคเพลิงไม่ประหลาดใจ

 

นางตอบทื่อๆราวกับว่าไม่คิดอะไรเลย

 

“ถ้าเจ้าเอาชนะยู่หลิงได้ข้าก็ไม่ปฏิเสธ”

 

กับซือหยู นางคิดจะหมั้นซือหยูกับยู่หลิงตั้งแต่แรก

 

แต่กับหลิวลี่ นางปฏิเสธแบบอ้อมๆ

 

การปฏิบัติของนางต่อทั้งสองนั้นราวฟ้ากับเหว

 

ส่วนยู่หลิงเองก็รู้สึกขยะแขยงอย่างเห็นได้ชัด

 

หลิวลี่อับอายและโกรธแค้นที่ถูกปฏิเสธต่อหน้าทุกคน และเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของยู่หลิงก็ยิ่งทำให้เขาโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิม

 

“ยู่หลิง เจ้าหมายความว่ายังไง?”

 

ยู่หลิงยิ้มเยาะ

 

“น่าขันนัก! แม้เจ้าจะต่ำต้อยกว่าคนอื่นก็ยังเอาแต่หาความอัปยศให้ตัวเองไม่หยุดหย่อน เจ้ามันเป็นผู้ชายเช่นนั้นแหละ!”

 

ในอกของหลิวลี่เต็มไปด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิด

 

ยังดีแม้เขาจะพ่ายแพ้ซือหยูต่อหน้าทุกคน ยังดีแม้เขาจะถูกจ้าววิหคเพลิงปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่กลับเป็นยู่หลิงที่เยาะเย้ยแม้กระทั่งเขา!

 

เขาตกต่ำถึงขั้นนี้แล้วรึ?

 

“ยู่หลิง! แม้ข้าจะไร้ประโยชน์แค่ไหน นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องมาโทษข้า!”

 

หลิวลี่โกรธแค้น

 

“ท่านจ้าวคณะ โปรดตัดสินใจ”

 

จ้าววิหคเพลิงสีหน้าไร้อารมณ์

 

“นั่นก็ดีแล้ว ถ้าพวกเจ้าเลือกสตรีที่ชอบได้แล้ว งานชุมนุมวิหคเพลิงก็เข้าสู่ช่วงสุดท้าย!”

 

“ส่วนคนที่เลือกสตรีคนเดียวกัน ในบรรดาพวกเจ้า เฟิงเซี่ยนจะหมั้นกับผู้ชนะ!”

 

จ้าววิหคเพลิงพูดต่อ

 

“แต่ก่อนหน้านั้น ข้าจะให้ยู่หลิงกับหลิวลี่สะสางกันเสียก่อน”

 

“ถ้าหลิวลี่ชนะ ข้าจะรับผิดชอบหมั้นยู่หลิงให้กับเขา ถ้าเขาแพ้ เขาจะถูกเนรเทศออกจากดินแดนวิหคเพลิง!”

 

เนรเทศรึ? เหตุใจจึงเข้มงวดนัก?

 

“ย่อมได้! ข้าเข้าใจแล้ว”

 

หลิวลี่ยืนกอดอกด้วยความมั่นใจอย่างมาก

 

ด้วยพลังในขอบเขตอำมฤตระดับสี่ เขานับว่าเหนือกว่าคนทั่วไป มิเช่นนั้นโจวเนี่ยนเฉินก็คงจะไม่กลัวเขา

 

ยู่หลิงอาจจะเอาชนะเขาไม่ได้

 

“ข้าก็ยอมรับเช่นกัน!”

 

ยู่หลิงพูดอย่างเย็นชา

 

พรึ่บ–

 

พรึ่บ—

 

ทั้งสองบินขึ้นลานประลองและยืนเผชิญหน้ากัน

 

ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันเมื่อจ้าววิหคเพลิงให้สัญญาณ

 

หลิวลี่นั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างกับภูติผี!

 

“วิหคเพลิงร่ายนภา!”

 

เพลิงพิโรธออกมาจากร่างยู่หลิงเข้าล้อมกายนาง

 

ฟึ่บ–

 

แต่ในตอนนั้นก็เกิดช่องว่างใหญ่ปรากฏอยู่ที่วงแหวนเพลิง

 

เงาร่างที่รวดเร็วพุ่งออกจากเพลิงพิโรธและพุ่งเข้าใส่ยู่หลิงเพื่อโจมตี

 

ยู่หลิงตกใจ ไหล่ที่มีกลิ่นหอมหวานของนางถูกซัดอย่างรุนแรง นางคำรามด้วยความเจ็บปวดและถอนไปหลายสิบศอก

 

ตอนที่ปะทะกันครั้งแรก หลิวลี่ได้เปรียบ

 

“มีพลังแค่นี้แล้วยังกล้าถากถางข้างั้นรึ? เจ้าจะมั่นใจเกินไปแล้ว!”

 

หลิวลี่ยิ้มเยาะ เขาเคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระรอบยู่หลิงและโจมตีอีกครั้ง

 

ยู่หลิงสะบัดไหล่ นางใจเย็นและหัวเราะอย่างเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม

 

“เจ้าคิดว่าข้ามีแค่พลังของสายเลือดงั้นรึ?”

 

วิหคเพลิงร่ายนภาเป็นเพียงแค่สายเลือดของวิหคเพลิงอัคคี

 

เอ๋? หรือว่ายู่หลิงจะมีอย่างอื่นที่ทรงพลังอยู่อีก?

 

“ตามกฎ ข้าเพียงได้รับอนุญาตให้ใช้พลังสายเลือดเพื่อทดสอบพลังของเจ้าเท่านั้น แต่ถ้าหากนี่เป็นการประลองส่วนตัว ข้าก็ไม่ต้องออมมืออีกแล้ว!”

 

มู่เทียนฟางมองยู่หลิงด้วยความนับถือ

 

“ในที่สุดนางก็จะใช้มันรึ? ไพ่ตายที่แท้จริงของยู่หลิง ฝ่ามือหยินหยางแปดทิศ!”

 

“ฝ่ามือหยินหยางแปดทิศ!”

 

ยู่หลิงเงียบขรึม ทั้งสองมือหมุนวนที่ด้านหน้า มันดูแปลกประหลาด

 

เงาของฝ่ามือนางซ้อนทับกัน เกิดชั้นเงาแบ่งแยกออกดูมหัศจรรย์อย่างมาก!

 

หลิวลี่เริ่มระวังตัว

 

“ฮื่ม! ข้าจะทำลายวิชานั่น!”

 

พรึ่บ–

 

หลิวลี่หายไปอีกครั้ง เขาปรากฏตัวราวกับหมอกข้างหลังยู่หลิงโดยไร้คำเตือน เขาซัดเข้าไปที่แผ่นหลังของนาง

 

แต่ก็เกิดเรื่องวประหลาดขึ้น

 

ยู่หลิงราวกับมีดวงตาที่หลัง จากโจมตีเข้าไปยังด้านหลังของตัวเอง

 

อั่ก–

 

ฝ่ามือ่อนนุ่มซัดเข้าใส่อกของหลิวลี่ราวกับว่าฝ่ามือนั้นคือภูเขาลูกยักษ์

 

หลิวลี่กระอักเลือดออกมาและกระเด็นลอยไปไกล

 

อกของเขายุบไปเป็นรูปฝ่ามือ!

 

ฝ่ามือนี้ทำให้ทุกคนตกใจ

 

“ฝ่ามือนั่นแข็งแกร่งนัก!”

 

ซงหลวนพยักหน้าชมเชยที่ข้างซือหยู

 

“ทั้งกำลังและความอ่อนโยนหลอมรวมกัน นางโจมตีและป้องกันได้พร้อมกัน ฝ่ามือนั่นทำให้ทุกที่บนร่างของนางไร้ช่องโหว่”

 

“ถ้าหากไร้ข้อห้ามดั่งเช่นตอนนี้ และนางได้ใช้วิชานั่น…ก็คงยากที่ธนูของเจ้าจะเอาชนะนางได้ง่ายๆ”

 

ซือหยูไม่ปฏิเสธในเรื่องนี้

 

“แม้ธนูข้าจะแข็งแกร่งมันก็ยังคงมีจุดอ่อนมาตั้งแต่แรก มันทำได้แค่โจมตีไม่เหมือนกับฝ่ามือนั่นที่ทำได้ทั้งโจมตีและป้องกันพร้อมกัน”

 

แต่ทุกคนรู้ดีว่าซือหยูมีมากกว่าธนู

 

หลิวลี่ตกใจ แม้ที่อกของเขาจะเจ็บปวด เขาก็ไม่พอใจอย่างมาก

 

“อีกรอบ!”

 

ฟึ่บ–

 

อั่ก—

 

ทุกครั้งที่หลิวลี่เข้าใกล้นางก็จะถูกฝ่ามือซัดใส่และกระอักเลือดออกมาในท้ายสุด

 

หลังผ่านไปสิบกระบวนท่า ยู่หลิงมิได้บาดเจ็บแม้แต่น้อย

 

ส่วนหลิวลี่นั้นอาการเริ่มย่ำแย่ ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยโลหิต

 

“เจ้ายังอยากจะสู้ต่ออีกหรือไม่?”

 

ยู่หลิงมองหลิวลี่อย่างเย็นชา แววตานางหนักแน่น

 

หลิวลี่พ่ายแพ้หลายครั้ง ความหยิ่งยโสที่เคยมีอยู่มลายหายไป

 

เขามิอาจทนการพ่ายแพ้เช่นนี้ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ต่างกับโลหิตที่ทำร้ายหัวใจตัวเอง และเขาก็ยังบาดเจ็บจนแทบหมดสติ ทุกสิ่งเกิดขึ้นในตอนที่ยู่หลิงหัวเราะเยาะเขา

 

“เจ้าเศษขยะใช้การไม่ได้!”

 

ยู่หลิงมองด้วยความเหยียดหยาม นางยืนอยู่บนลานประลองและไม่ได้ลงไปไหน

 

จ้าววิหคเพลิงพูดตามหลังนาง

 

“เอาเขาลงลานประลอง โยนเขาออกนอกดินแดนวิหคเพลิง! การประลองจะดำเนินต่อไป”

 

“ทีนี้จะเป็นการประลองของพวกเจ้าทุกคน ตามกฎในอดีตแล้วพวกเจ้าจะต้องสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง แต่ในครั้งนี้ข้าอยากจะขอเปลี่ยนกฎ!”

 

จ้าววิหคเพลิงประกาศ

 

ก่อนหน้านี้ นางเคยพูดว่างานชุมนุมวิหคเพลิงครั้งนี้จะต่างจากในอดีตเล็กน้อย ทุกคนเตรียมใจไว้แล้ว

 

“ในการประลองสุดท้ายจะไม่เป็นการประลองหนึ่งต่อหนึ่ง แต่จะเป็นการประลองพร้อมกันทุกคนอย่างอิสระ! เฉินคง หยินหยู เว่ยฉีหลิน ซงหลวน และยู่หลิง พวกเจ้าห้าคนจะต้องสู้ คนสุดท้ายที่ยืนอยู่บนลานประลองถือเป็นผู้ชนะ!”

 

“ข้าจะหมั้นเฟิงเซี่ยนให้กับผู้ชนะด้วยตัวเอง!”